TH | EN
TH | EN
หน้าแรกTechnologyเตรียมตัวเข้าสู่ยุคของการ Prompt & Edit

เตรียมตัวเข้าสู่ยุคของการ Prompt & Edit

ย้อนกลับไปในอดีตตั้งแต่ตอนที่คนเริ่มมีความคิดที่จะสร้างหลอดไฟขึ้นมา กว่าจะมาถึงยุคที่ทำให้พวกเราพากันจดจำ ทอมัส เอดิสัน ว่าเป็นผู้คิดค้นหลอดไฟคนแรก (ซึ่งอันที่จริงมีนักวิทยาศาสตร์หลายคนทำการทดลองมาก่อน) ก็ใช้เวลาปาเข้าไปตั้ง 66 ปี กว่าที่หลอดไฟฟ้าจะใช้งานได้จริง ๆ นั่นคือระยะเวลาในการพัฒนานวัตกรรมเปลี่ยนโลกในอดีตที่ผ่านมา แต่ในปัจจุบันทุกอย่างเกิดขึ้นรวดเร็วมากขึ้น เรากำลังพบว่าการพัฒนานวัตกรรมในยุคสมัยนี้เกิดขึ้นภายในเวลาที่สั้นมาก เพราะนับตั้งแต่มีการรวมกันลงทุนสนับสนุนเพื่อทำการพัฒนาเรื่อง AI ภายใต้องค์กรที่ใช้ชื่อว่า OpenAI โดยมีหัวเรือใหญ่ในตอนเริ่มต้นคือ อีลอน มักส์ ก่อนที่เขาจะถอนตัวออกไป แล้วเปิดทางผู้สนับสนุนรายใหญ่อย่างไมโครซอฟท์ก็ก้าวเข้ามา รวมเวลาตั้งแต่เริ่มต้นพัฒนา AI จนออกดอกออกผลที่เป็นรูปธรรมทั้งหมดใช้เวลาเพียงแค่ 7 ปีเท่านั้น หากเปรียบเทียบระยะเวลาของการพัฒนาหลอดไฟฟ้ากับ AI คงจะทำให้เราเห็นแล้วว่าโลกต่อไปจากนี้จะหมุนเร็วขึ้นขนาดไหน

ChatGPT เปิดโลก Generative AI

ตั้งแต่ OpenAI ทำการเปิดตัว ChatGPT ให้คนทั่วไปได้ทดลองใช้ พบว่าจำนวนของผู้เข้าใช้งานพุ่งสูงมากขึ้นภายในเวลาอันรวดเร็ว มากชนิดที่ว่าไม่เคยมีแพลต์ฟอร์มหรือบริการตัวไหนเคยทำได้แบบนี้มาก่อน แล้วอะไรที่ทำให้ ChatGPT กลายเป็นสิ่งที่ทุกคนพูดถึงในเวลาเพียงแค่ข้ามคืน เรื่องแรกคงเป็นเรื่องของความสามารถของ AI ตัวนี้ที่ทำการโต้ตอบกับผู้ใช้งานได้เหมือนกับการพุดคุยระหว่างมนุษย์ด้วยกันเอง ใครที่เคยได้เข้าไปใช้งานแล้วต่างก็บอกเป็นเสียงเดียวกันว่าเหมือนได้เจอเพื่อนใหม่ที่ตอบได้สารพัดเรื่อง เรื่องต่อมาก็คงจะเป็นเรื่องของความสามารถในการ Generate เพราะไม่ว่าเราจะขอให้มันสร้างบทความเรื่องที่เราต้องการ ทำรายงานสรุป เขียนจดหมาย รวมไปถึงการแปลข้อมูลข่าวสารจากภาษาอื่น มันก็ทำการสร้างสิ่งเหล่านั้นให้ได้ โดยอาศัยข้อมูลที่มันได้รับการเรียนรู้ คงจะปฏิเสธไม่ได้ว่า ChatGPT คือการเปิดโลกให้เรารู้จักกับ Generative AI อย่างแท้จริง

ชวนส่อง ChatGPT รุ่นอัปเกรดล่าสุด GPT-4 แชตบอทเอไอ กับความสามารถใกล้มนุษย์ไปอีกขั้น

ไมโครซอฟท์เก็บเกี่ยวอะไรจาก OpenAI

อย่างที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่าไมโครซอฟท์ได้ทำการสนับสนุนองค์กรอย่าง OpenAI เต็มรูปแบบทั้งกำลังเงินและทรัพยากร อย่างที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่าการพัฒนา AI มีความจำเป็นต้องใช้ทรัพยากรของระบบที่มีกำลังประมวลผลสูงและต้องการกำลังเงินที่ใช้ในการพัฒนามาก นอกจากการสนับสนุนเรื่องเงินแล้วไมโครซอฟท์ยังให้การสนับสนุนทางด้านเทคโนโลยีด้วยการนำเอา Azure ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มบนระบบคลาวด์สำหรับการจัดเก็บข้อมูลและการประมวลผลข้อมูลให้ OpenAI ใช้เป็นโครงสร้างพื้นฐาน จึงไม่น่าแปลกใจถ้าจะพบว่าบนแพลตฟอร์มของ Azure จะมีเทคโนโลยีที่พัฒนาโดย OpenAI ให้เลือกใช้บริการอยู่ด้วย ตรงนี้ถือว่าเป็นความได้เปรียบของไมโครซอฟท์ที่ได้ชื่อว่ามีระบบนิเวศน์ที่พร้อมสำหรับ AI และนอกจากเป็นระบบที่พร้อมแล้วมันยังมาพร้อมกับ AI อีกด้วย จากนี้ไปเราจะได้เห็นการนำเอาผลผลิตจาก OpenAI มาใช้ในทุกๆ ผลิตภัณฑ์ของไมโครซอฟท์ท์ตั้งแต่ระดับเอนเตอร์ไพรส์ไปจนถึงระดับเอ็นยูสเซอร์อย่างไม่ต้องสงสัย

Amity เชิญชวน นักศึกษา-นักพัฒนา ร่วมงาน“Amity Hackathon 2023: ChatGPT and Beyond”

3 เทคโนโลยีที่เป็นหัวหอก

ไมโครซอฟท์ให้ข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องของการนำเอาเทคโนโลยีทางด้าน AI จาก OpenAI มาเพิ่มเติมความสามารถให้กับผลิตภัณฑ์ของตนเอง โดยจะเริ่มต้นจาก 3 เทคโนโลยีนี้

  • GPT หรือ Generative Pre-trained Transformer คือ โมเดลด้านภาษาศาสตร์ที่ถูกฝึกสอนด้วยการเรียนรู้เชิงลึก (deep learning) จากข้อมูลภาษาต่างๆ จำนวนมากมายบนโลกใบนี้ ทำให้มันสามารถทำอะไรได้หลากหลาย เริ่มจากการสร้างข้อความได้อย่างต่อเนื่อง โดยใช้เนื้อหาจากข้อมูลที่ได้เรียนรู้มา ไม่ว่าจะเป็นภาษาอังกฤษ ภาษาฝรั่งเศส และแน่นอนว่าภาษาไทยก็เป็นหนึ่งในนั้น นอกจากนั้นยังมีความสามารถในการแปลภาษาจากภาษาต้นฉบับไปเป็นภาษาที่ต้องการ มีความสามารถในการสร้างเสียงโดยใช้ข้อมูลจากเสียงมนุษย์ที่ถูกใช้ในการฝึกสอนมา นั่นจึงไม่น่าแปลกใจว่า เราสามารถประยุกต์ใช้เทคโนโลยี GPT ได้หลากหลายรูปแบบ ทำให้มันกลายเป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดด้าน Generate Content ตอนนี้
  • Codex เป็นชื่อที่ใช้เรียกโมเดล AI ของ OpenAI ที่ถูกพัฒนาต่อยอดจาก GPT แต่คราวนี้เป็นการเรียนรู้เกี่ยวกับภาษาต่างๆ ที่ใช้ในการเขียนโปรแกรม มันสามารถช่วยให้คนเขียนโปรแกรมสามารถทำการเขียนโปรแกรมได้รวดเร็วและถูกต้องมากขึ้น ด้วยความสามารถของมันที่เข้าใจโครงสร้างของภาษาต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น Python, JavaScript, Ruby, HTML, CSS, Go, Kotlin และ Rust ได้เป็นอย่างดีทำให้มันสามารถแนะนำนักพัฒนาได้ว่าโค้ดที่กำลังเขียนอยู่นี้มีผลลัพธ์ที่ดีที่สุดแล้วหรือยัง หากมันพบว่ามีบางส่วนที่ยังทำให้ดีกว่านี้ได้มันก็จะทำการแนะนำและปรับแก้ให้ และสิ่งที่คาดว่าจะสั่นสะเทือนวงการพัฒนาซอฟต์แวร์ก็คือมันสามารถเปลี่ยนโค้ดจากภาษาหนึ่งไปเป็นอีกภาษาหนึ่งให้ได้นั่นเอง
  • DALL-E เป็นอีกหนึ่งโมเดล AI ของ OpenAI ซึ่งถูกพัฒนามาจาก GPT โดยสิ่งที่มันทำการ Generate นั้นไม่ใช่ตัวอักษรหรือโค้ดโปรแกรม แต่คราวนี้เป็นความสามารถในการสร้างภาพออกมาได้โดยไม่ต้องมีภาพตัวอย่างมาก่อน โดยภาพที่มันทำการสร้างขึ้นมานั้นมีความซับซ้อนและละเอียดอ่อนในหลายมิติ โดยเฉพาะมันสามารถสร้างสิ่งที่ไม่เคยมีอยู่จริงบนโลกใบนี้ได้ด้วย จึงไม่น่าแปลกใจว่าในอนาคตอันใกล้นี้มันจะกลายเป็นตัวเปลี่ยนเกมในอุตสาหกรรมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นวงการออกแบบผลิตภัณฑ์  วงการภาพยนตร์ วงการการตลาด และวงการงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์

งานอะไรบ้างที่จะถูก AI ปรับเปลี่ยน

เชื่อว่าหลายคนพอได้รู้ถึงความสามารถในด้านต่างๆ ของ AI กันแล้ว ก็เริ่มจะมีความกังวลเกี่ยวกับหน้าที่การงานของตัวเองกันมากขึ้น ต่อจากนี้ไปเป็นการคาดการณ์ถึงความเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นโดยเป็นการประเมินจากความสามารถของเทคโนโลยีที่กล่าวไปข้างต้น

งานที่เกี่ยวข้องกับการพูดคุยถามตอบอาจจะถูกปรับตัวก่อน แน่นอนว่างานอย่าง Call Center และ Customer Service จะเป็นกลุ่มแรกที่มีการเปลี่ยนแปลง ด้วยความสามารถในการเรียนรู้แล้วทำการโต้ตอบของ GPT จะทำให้งานของคนในตำแหน่งนี้เบาลงอาจจะไม่ต้องทำงานเป็นกะหรือทำแบบ 24 ชั่วโมงอีกต่อไป บริษัทสามารถเปิดงานบริการแบบนี้ได้แบบไม่มีวันหยุด เมื่อ AI ได้เรียนรู้เกี่ยวกับข้อมูลต่างๆ ของบริษัทได้ครบถ้วนแล้ว การโต้ตอบกับลูกค้า การอ้างอิงถึงกฎระเบียบ ข้อบังคับ หรือข้อมูลผลิตภัณฑ์ AI จะทำหน้าที่นี้อย่างไม่มีวันเหน็ดเหนื่อยอีกทั้งยังมีความแม่นยำสูง และสามารถกำหนดอารมณ์และโทนเสียงได้อีกด้วย

โปรแกรมเมอร์จะสามารถทำการเขียนโค้ดได้อย่างถุกต้องและแม่นยำมากยิ่งขึ้น แน่นอนว่ามันจะทำให้ Bug ต่างๆ ลดน้อยลงไป และในอนาคตโปรแกรมเมอร์อาจจะไม่ต้องทำการเขียนโค้ดเอง แต่จะเป็นการสั่งให้ AI ทำการเขียนโค้ดให้ตามความต้องการ

นักการตลาดจะทำงานได้รวดเร็วขึ้น เพราะถ้า GPT ถูกพัฒนาจนถึงระดับที่ดีกว่านี้ การคิด Caption และทำรูปประกอบ เพื่อใช้ในการตลาดก็จะสามารถทำได้อย่างรวดเร็ว เพียงแค่ทำการบอกสิ่งที่นักการตลาดต้องการ AI ก็จะสร้างสิ่งต่างๆ ตามความต้องการขึ้นมาให้แล้ว

งานออกแบบและงานกราฟิกจะมีตัวช่วยที่เก่งและฉลาดมากขึ้น การสร้างงานที่เคยซับซ้อนที่เคยใช้เวลาเป็นวันๆ ในการทำ ก็จะใช้เวลาเพียงแค่ไม่กี่นาที คนที่ทำงานด้านนี้อาจจะต้องไปเพิ่มเติมทักษะในการสั่งให้ AI สร้างภาพให้หรือที่เราเริ่มจะคุ้นเคยกับคำว่า Prompt นั่นเอง แต่อย่าลืมว่าความรู้ในเรื่องพื้นฐานของแสงสีและเงาก็ยังคงนำมาใช้งานร่วมกับ AI ได้ เพื่อให้งานออกมาดีและเร็วกว่าเดิม

ระบบที่ไมโครซอฟท์พร้อมเสิร์ฟ

คราวนี้มาดูกันต่อว่าไมโครซอฟท์เริ่มนำเอา AI เข้าเริ่มต้นใช้ในผลิตภัณฑ์อะไรบ้าง

Microsoft Teams ความสามารถในการจดบันทึกการประชุม สรุป และทำการค้นหาและแบ่งเฉพาะส่วนที่เกี่ยวข้องของผู้เข้าประชุมแต่ละคนว่าอะไรเกี่ยวกับใครบ้าง อีกทั้งยังทลายกำแพงของภาษาเมื่อระบบมีความสามารถในการฟังและแปลภาษาให้เหมาะกับผู้เข้าร่วมประชุมที่ใช้ภาษาแตกต่างกัน

Viva Sales ผู้ช่วยพนักงานขายในการออกใบเสนอราคาที่เหมาะสมตามขนาดโครงการ โดยระบบสามารถดึงเอาข้อมูลที่เกี่ยวข้องและเหมาะสมจากระบบต่างๆ มาจัดทำใบเสนอราคา นอกจากนี้ยังทำการรวบรวม Contact ที่เกี่ยวช้องกับแต่ละโครงการเอาไว้ให้ด้วย

New Bing and Edge ที่มีการรวมเอาความสามารถของ GPT เวอร์ชันล่าสุดใส่เข้าไปให้ ซึ่งทางไมโครซอฟท์บอกว่ามันเป็นคนละเวอร์ชันกับที่ ChatGPT ของ OpenAI ใช้อยู่ หากเราต้องการทดลองใช้ก็เชื่อว่าสามารถเข้าไปดาวน์โหลดและใช้งานกันได้แบบไม่ต้องรอคิวกันแล้ว ใครอยากรู้ว่าเมื่อ GPT ถูกต่อเข้ากับอินเทอร์เน็ตและข้อมูลที่ได้จะออกมาเป็นอย่างไรก็เข้าไปลองใช้กันได้เลย หนึ่งในคุณสมบัติที่แตกต่างจาก ChatGPT ของ New Bing และ Edge ก็คือการแสดง index อ้างอิงถึงข้อมูลที่มันนำมาใช้ในการ Generate แล้วให้เราเป็นคนตัดสินเอาเองว่าจะเชื่อหรือไม่เชื่อสิ่งที่มันสร้างขึ้นมาให้

เรากำลังเข้าสู่ยุคของการป้อนความต้องการให้ AI สร้างอะไรบางอย่างให้เรา หลังจากนั้นเราเองก็มีหน้าที่ในการปรับปรุงและแก้ไขโดยอาศัยองค์ความรู้และประสบการณ์ของเรา ขอต้อนรับทุกท่านเข้าสู่ยุคของการ Prompt & Edit

ข่าวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ

KTC จับมือ Swatch เปิดตัว SwatchPAY! ทางเลือกใหม่ของการแตะจ่าย

Meta เข้มมาตรการปกป้องการเลือกตั้งปี 2566

STAY CONNECTED

0แฟนคลับชอบ
440ผู้ติดตามติดตาม
spot_img

Lastest News

MUST READ