เทคโนโลยีบล็อกเชนเป็นเทคโนโลยีที่ทรงพลัง ด้วยความสามารถในการตัดตัวกลางออกไปจากการทำธุรกรรม แถมยังสามารถเก็บข้อมูลได้โปร่งใสและปลอดภัย จึงทำให้บล็อกเชนถูกนำไปใช้ในอุตสาหกรรมต่าง ๆ มากมาย ตั้งแต่การเงิน สาธารณสุข ไปจนถึงการขนส่ง
อย่างไรก็ตาม บล็อกเชนไม่สามารถรับรู้สิ่งที่เกิดขึ้นในโลกภายนอกได้ด้วยตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องทั่วไปอย่างมูลค่าของเหรียญ ซึ่งคงจะไม่ใช่เรื่องดีแน่ หากต้องการนำบล็อกเชนไปใช้กับธุรกิจที่ต้องอาศัยข้อมูลจำนวนมาก หรือกับ DeFi ที่มีราคาสินทรัพย์เคลื่อนไหวอยู่เสมอ
- คู่มือ NFT ฉบับมือใหม่ อยากเริ่มลงทุนต้องทำอย่างไร?
- ความสำคัญของ Bridge สะพานที่เชื่อมต่อบล็อกเชนเข้าด้วยกัน
จุดนี้เองที่ Oracle เข้ามาเสริมประสิทธิภาพและยกระดับการใช้งานบล็อกเชน ในบทความนี้ เราจะมาทำความรู้จักว่า Oracle คืออะไร ทำงานอย่างไร และน่าสนใจอย่างไร
Oracle คืออะไร?
Oracle คือบริการที่ช่วยเชื่อมต่อ Smart contract ที่อยู่ในบล็อกเชนเข้ากับข้อมูลจากโลกภายนอก เพื่อนำข้อมูลจากโลกภายนอกเข้ามาใช้ภายในบล็อกเชน
Oracle มีบทบาทสำคัญอย่างมาก โดยเฉพาะกับการสร้างแอปพลิเคชันแบบกระจายศูนย์ (dApp) ที่ทำงานบนบล็อกเชน
ยกตัวอย่าง dApp ประเภทกระดานแลกเปลี่ยนกระจายศูนย์ (DEX: Decentralized Exchange) ที่ผู้ใช้สามารถนำคริปโทเคอร์เรนซีมาแลกเป็นอีกสกุลหนึ่งได้โดยไม่ต้องผ่านตัวกลาง ถ้าเกิด DEX ไม่มี Oracle คอยป้อนข้อมูลเกี่ยวกับราคา การแลกเปลี่ยนก็คงเป็นไปได้อย่างยากลำบากและไม่มีประสิทธิภาพ
นอกจากราคาแล้ว Oracle ยังสามารถใช้กับข้อมูลอื่น ๆ ได้กว้างมาก เช่น ผลการแข่งขันกีฬา ผลการเลือกตั้ง สภาพอากาศ ฯลฯ
Oracle ทำงานอย่างไร?
แต่เดิม Oracle เป็นบริการแบบรวมศูนย์ (Centralized) ที่อาศัยตัวกลางเป็นผู้คอยป้อนข้อมูลให้กับบล็อกเชน แต่ก็จำเป็นต้องเชื่อใจตัวกลางอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งขัดแย้งการกับหลักการกระจายศูนย์ (Decentralized) ที่เป็นแก่นของบล็อกเชน
ต่อมาจึงได้เกิดการพัฒนา Oracle แบบกระจายศูนย์ หรือที่เรียกว่า Blockchain Oracle อย่าง Chainlink (LINK), หรือ Band Protocol (BAND) ขึ้นมาเพื่อแก้ปัญหาการรวมศูนย์ของ Oracle แบบเดิม ๆ
การทำงานของ Blockchain Oracle คือการเป็นเครือข่ายหรือแพลตฟอร์มที่รวบรวมข้อมูลจากแหล่งที่เชื่อถือได้เข้ามาในเครือข่าย จากนั้นเครื่องคอมพิวเตอร์หรือโหนด (Nodes) ที่อยู่ภายในจะช่วยกันตรวจสอบความน่าเชื่อถือของแหล่งข้อมูล จากนั้นจึงค่อยป้อนข้อมูลเข้าไปใน Smart contract
Data Oracle ที่น่าสนใจ มีอะไรบ้าง?
1.Chainlink (LINK)
Chainlink นับเป็นเครือข่าย Blockchain Oracle ที่มีมูลค่าตลาดสูงที่สุดในปัจจุบันเกือบ 9 แสนล้านบาท โดยมี dApp และ DeFi ที่ใช้บริการของ Chainlink อยู่มากมาย ไม่ว่าจะเป็น AAVE, Synthetix (SNX), Compound (COMP) และ อีกมากมาย
Chainlink มีเหรียญ LINK เป็นเหรียญหลัก โดยสร้างขึ้นบนเครือข่าย Ethereum เพื่อให้ผู้สร้าง Smart contract สามารถใช้เหรียญในการจ่ายค่าบริการสำหรับการดึงข้อมูลของ Chainlink มาใช้กับ Smart contract ได้
2.Band Protocol (BAND)
โปรเจกต์ Blockchain oracle ฝีมือทีมผู้สร้างคนไทยอย่าง Band Protocol นับเป็นอีก Oracle ที่น่าจับตาอย่างยิ่ง นอกจากจะออกแบบมาให้มีความเร็วที่สูงกว่าคู่แข่งแล้ว ยังเป็น Cross-chain data oracle ที่สามารถทำงานร่วมกับเครือข่ายบล็อกเชนได้มากกว่าหนึ่งเครือข่ายอีกด้วย Band Protocol มีผู้ร่วมก่อตั้งคือคุณสรวิศ ศรีนวกุล (แมน)
Band Protocol มีเหรียญ BAND เป็นเหรียญหลักที่ให้ผู้สร้าง Smart contract สามารถใช้เพื่อจ่ายค่าบริการสำหรับการดึงข้อมูลของ Band Protocol คล้าย ๆ กับเหรียญ LINK ของ Chainlink นั่นเอง
สรุป
Oracle คือ บริการที่ช่วยเชื่อมต่อบล็อกเชนเข้ากับข้อมูลจากโลกภายนอก เพื่อนำข้อมูลภายนอกมาใช้ภายในบล็อกเชน
โดยมีโปรเจกต์ Oracle ที่น่าจับตาในปัจจุบัน ได้แก่ Chainlink (LINK) และ Band Protocol (BAND) ซึ่งเป็นเครือข่าย Blockchain oracle ที่คอยตรวจสอบความถูกต้องของแหล่งข้อมูลก่อนนำเข้าสู่บล็อกเชนอีกที
เพื่อแก้ปัญหาการรวมศูนย์ของ Oracle แบบเดิม ๆ
อ้างอิง Gemini, Chainlink, Band Protocol, Better Programming
ลงทุนกับเหรียญ Oracle ที่คุณชื่นชอบ เริ่มต้นเพียง 10 บาท! กับ Bitkub กระดานซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลชั้นนำของไทย ได้รับใบอนุญาตอย่างเป็นทางการจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย https://www.bitkub.com/
*การลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลมีความเสี่ยงสูง ควรศึกษาและทำความเข้าใจก่อนลงทุน*
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
ดีแทค ตั้งเป้าผู้ใช้งานดิจิทัลทะลุ 10 ล้านคนต่อเดือน เพิ่มยอดลูกค้าใหม่ผ่านดิจิทัล 5 เท่า
ชวนรู้จัก “Metaverse” เมกะเทรนด์ สุดฮอต ที่ต้องรู้ กับโลกเสมือนจริงแห่งอนาคต
