TH | EN
TH | EN
หน้าแรกColumnistเศรษฐกิจไทย ...ในยุค "ไบเดน" ?

เศรษฐกิจไทย …ในยุค “ไบเดน” ?

เรียบร้อยโรงเรียน “เดโมแครต” สำหรับการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ เมื่อ “โจ ไบเดน” ชนะการเลือกตั้งมีคะแนนทิ้งขาด “โดนัลด์ ทรัมป์” เป็นที่แน่นอนแล้วแม้ว่า (ระหว่างเขียนต้นฉบับ) ยังนับคะแนนไม่เสร็จก็ตาม ต่อนี้ไปคนทั้งโลกก็คงเฝ้าจับตาดูท่าทีของผู้นำคนใหม่จะนำพาสหรัฐฯ เข้ามามีบทบาทในเวทีโลกอย่างไร

แต่เท่าที่ติดตามนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่เห็นไปในทางเดียวกันว่า หากไบเดนเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ โลกคงจะผ่อนคลายความตึงเครียดลง คงไม่ร้อนระอุเหมือนในยุคของ “ทรัมป์” เพราะหลายคนเชื่อว่าด้วยนโยบายของพรรคเดโมแครตที่สะท้อนออกมาคาดว่าต่อนี้ไป “ไบเดน” จะขับเคลื่อนประเทศด้วยระบบราชการโดยเฉพาะกระทรวงการต่างประเทศจะกลับมามีบทบาทอีกครั้ง “สงครามการค้า” ที่ทรัมป์ใช้เป็นอาวุธต่อรองกับประเทศคู่ค้าเฉพาะอย่างยิ่งกับจีนคงจะคลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้น

ก่อนหน้านี้ไบเดนได้ประกาศชัดเจนว่าจะนำอเมริกากลับเข้าสู่ระบบ “พหุพาคีนิยม” ที่อเมริกาเคยดำเนินมาก่อน ซึ่งจะไม่เน้นนโยบาย ‘อเมริกาต้องมาก่อน ‘เหมือนยุคของทรัมป์ และการเรียกร้องคนอื่นเยอะ ๆ ก็จะต้องลดระดับตรงนั้นลง แต่จะเน้นนโยบาย “Buy American” ซึ่งสนับสนุนให้ประชาชนชาวอเมริกันซื้อสินค้าที่ผลิตโดยคนอเมริกัน เพื่อแข่งขันทางการค้ากับจีนมากกว่าที่จะโจมตีทางการค้าโดยตรงผ่านมาตรการกีดกันทางภาษี ซึ่งจะส่งผลดีต่อการส่งออกของจีนและประเทศในกลุ่มห่วงโซ่อุปทานรวมไปถึงประเทศไทยด้วย

แต่ประเด็นที่น่าจับตาหลายคนเห็นตรงกันว่า “ไบเดน” อาจเริ่มต้นพิจารณาเข้าร่วมความตกลงที่ครอบคลุมและก้าวหน้าสำหรับ “หุ้นส่วนทางเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก” หรือ CPTPP อีกครั้ง ซึ่งอาจเป็นผลดีต่อการส่งออกของไทยเช่นกัน เพราะจะทำให้ไทยได้รับประโยชน์จากการค้ากับประเทศที่อยู่ในความตกลงดังกล่าวมากขึ้น

อย่างไรก็ตาม มีมุมมองที่น่าสนใจของ “ดร.เศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ” ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ซึ่งนับว่าเป็นคนที่รู้จักอเมริกาดีที่สุดคนหนึ่ง เพราะนอกจากจะเรียนจบที่สหรัฐฯ​ตั้งแต่ปริญญาตรีจนถึงปริญญาเอกแล้วยังทำงานอยู่อีกหลายปี ได้ให้มุมมองในเรื่องนี้ก่อนจะมีการหย่อนบัตรว่า

“การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในแง่ผลกระทบต่อการค้าระหว่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นนายโจ ไบเดน หรือนายโดนัลด์ ทรัมป์ ชนะการเลือกตั้ง ผลจะไม่ต่างกัน เพราะสหรัฐฯ ก็คือ สหรัฐฯ ที่ยังชาตินิยมอยู่มาก แต่สิ่งสำคัญนโยบายของไทยมากกว่า ว่าจะมีกลยุทธ์หรือนโยบายการค้าระหว่างประเทศอย่างไร ไม่ว่าใครจะมาเป็นประธานาธิบดีสหรัฐ”

“นโยบายการค้าระหว่างประเทศของเราไม่ชัดเจนมาระยะหนึ่งแล้ว ตอนนี้ยังไม่เคลียร์ว่า เราจะเอาอย่างไรกับข้อตกลงการค้าระหว่างประเทศ (FTA) กับประเทศต่าง ๆ ความตกลงที่ครอบคลุมและก้าวหน้าสำหรับหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก (CPTPP) เราจะทำอย่างไร หรือ ความตกลงพันธมิตรทางการค้าระดับภูมิภาค (RCEP) เพราะถ้าเทียบกับเวียดนามแล้วจะเห็นว่า เขามีกลยุทธ์ทางการค้าชัดเจน ตอนนี้เขามี FTA มากกว่าไทยถึง 3 เท่า” นายเศรษฐพุฒิ กล่าว

นายเศรษฐพุฒิ กล่าวต่อว่า หากนายโจ ไบเดน ชนะการเลือกตั้งแบบขาวสะอาดจะเป็นผลดีต่อตลาดเงิน เพราะเงินทุนเคลื่อนย้ายของต่างชาติ น่าจะกลับมา แต่ถ้าผลการเลือกตั้งยังมีปัญหาระหว่างนายไบเดนกับนายโดนัลด์ ทรัมป์ จะทำให้ตลาดการเงินยังมีความเสี่ยง และเงินจะไหลกลับไปยังที่ ๆ ปลอดภัยที่สุด คือ สหรัฐอเมริกา

เห็นด้วยกับมุมมองของ “ดร.เศรษฐพุฒิ” โดยเฉพาะในเรื่อง “ข้อตกลงเรื่องการค้าเสรี” ที่ถือว่าเป็นเรื่องใหญ่ แต่ทุกวันนี้ยังไปไม่ถึงไหน ยังหาข้อสรุปไม่ได้ระหว่างภาคธุรกิจที่สนับสนุนให้เข้า CPTPP กับภาคประชาชนที่คัดค้านกลุ่มหลังนี้เห็นว่าเสียมากกว่าได้

รัฐบาลคงต้องมีท่าทีที่ชัดเจนว่าจะเอาอย่างไร จะเข้าร่วมหรือไม่เข้าร่วม และต้องอธิบายประชาชนให้เข้าใจว่าเข้าร่วมแล้วไทยจะได้อะไรเสียอะไร แต่โดยส่วนตัวเห็นว่าถ้าหากสหรัฐฯ เข้าร่วมโดยที่ไทยยังไม่ตัดสินใจอะไรจะทำให้เสียโอกาสอย่างมาก เพราะ CPTPP เป็นตลาดที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก เนื่องจากมีทั้งจีนและสหรัฐฯ เข้าร่วม

ส่วนเมื่อเข้าร่วมแล้วจะเกลี่ยผลประโยชน์จากกลุ่มที่ได้ประโยชน์ไปให้กลุ่มที่เสียประโยชน์อย่างไรต้องมาช่วยกันหาทางออกต่อไปดีกว่าแทงกั๊กอย่างทุกวันนี้

ทวี มีเงิน

ภาพประกอบจาก Wikipedia

STAY CONNECTED

0แฟนคลับชอบ
440ผู้ติดตามติดตาม
spot_img

Lastest News

MUST READ