TH | EN
TH | EN
หน้าแรกColumnistต้องรีบออกจาก "หลุมดำสูญญากาศ"

ต้องรีบออกจาก “หลุมดำสูญญากาศ”

เลือกตั้งมาเกือบจะครบ 2 เดือนในอีกไม่กี่วันข้างหน้า ก้าวแรกผ่านไปเรียบร้อยได้ “วันมูหะมัด นอร์ มะทา” เป็นประธานรัฐสภาเป็นที่เรียบร้อยไปแล้ว ซึ่งเป็นก้าวแรกแต่เป็นแค่ก้าวเล็ก ๆ เท่านั้น กว่าจะได้ก็วุ่นวายพอสมควร ที่ต้องลุ้นระทึก คือในวันที่ 13 กรฏาคม นี้เหลือกอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้ จะมีการประชุมรัฐสภาฯ เพื่อโหวตหาตัวนายกรัฐมนตรี

นี่แหละของจริง ซึ่งทั้ง 8 พรรคที่ร่วมจัดตั้งรัฐบาลที่มี ก้าวไกลและเพื่อไทยเป็นแกนนำ ยังจับมือกันเหนียวแน่น โดยจะเสนอชื่อ “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” หัวหน้าพรรคก้าวไกล เป็นนายกรัฐมนตรี ส่วนจะฝ่าด่านสมาชิกวุฒิสภา “สว.” และพรรคร่วมเดิมได้หรือไม่ต้องรอลุ้น

หากไม่ผ่านก็ต้องเสนอกันใหม่ ซึ่งอาจารย์วันนอร์ บอกว่าจองคิวโหวต 3 รอบ แต่หลังจากนั้นก็ต้องมาลุ้นกันว่าจะเป็นอย่างไรต่อไป ถ้าสถานการณ์ยืดเยื้อจบไม่ลงง่าย ๆ ภายในวันที่ 13 กรฏาคมนี้ การโหวตหาตัวนายกรัฐมนตรีก็อาจจะลากยาวไปถึงเกือบสิ้นเดือนหรือมากกว่านั้น อย่างไรก็ตาม ก็ขอให้ทุกอย่างสำเร็จเสร็จสิ้นด้วยดี หากจัดตั้งรัฐบาลช้าเท่าไหร่ ยิ่งจะสร้างความเสียหายกับเศรษฐกิจและความเชื่อมั่นมากขึ้นเท่านั้น

อย่างที่รู้กันว่า “สูตรสำเร็จในการแก้วิกฤติเศรษฐกิจ” ที่กำลังบอบช้ำดีที่สุด คือ การทำให้ประชาชนและภาคธุรกิจเกิด “ความเชื่อมั่น” หากมีรัฐบาลสร้างเชื่อมั่นได้ คนจะมั่นใจในอนาคตของตัวเองจะกล้าจับจ่ายใช้สอย กล้าใช้เงิน ภาคเอกชนและนักลงทุนก็กล้าที่จะลงทุน ถ้าไม่เชื่อมั่นทุกอย่างก็จะเป็นไปในทางตรงกันข้าม
นั่นย่อมหมายความว่า ประเทศจะเดินหน้าได้จะต้องมีรัฐบาลบริหารประเทศโดยเร็วที่สุด ไม่ปล่อยให้มีรัฐบาลรักษาการนานเกินไป เพราะจะไม่ตัดสินใจไม่ทำงาน ทุกอย่างรอรัฐบาลใหม่ และรัฐบาลที่เข้ามาใหม่จะต้องมีเสถียรภาพ การเมืองต้องนิ่งคนจึงจะมั่นใจ

ประเทศไทยในห้วงเวลานี้อยู่ในห้วง “สูญญากาศ” แม้รัฐบาลเดิมจะรักษาการ แต่ก็ทำงานไม่เต็มที่ ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของข้าราชการประจำบริหารจัดการ รัฐบาลรักษาการจึงมีสภาพเหมือน “เป็ดง่อย” มาตรการหลาย ๆ อย่างก็ชะงัก รอให้รัฐบาลใหม่ตัดสินใจ รัฐบาล “ลอยตัว” ข้าราชการก็อยู่ในสภาพ “เกียร์ว่าง” ต้องเฝ้าดูทิศทางลม ดูนายใหม่ว่าจะเป็นใคร ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ปกติเมื่อมีการเปลี่ยนผ่านทางการเมืองกลายเป็นว่าเกียร์ว่างทั้งนักการเมืองและข้าราชการประจำ

เมื่อประเทศอยู่ในช่วง “สูญญากาศ” ปัญหาที่เคยซุกใต้พรมก็ค่อยโผล่ออกมา สะท้อนจากกรณี “วิกฤติตลาดหุ้น” ในช่วงนี้ ที่เกิดปรากฏการณ์ที่เรียกขานกันว่า “โจรใส่สูทปล้นกลางตลาด” ไม่ใช่มีแค่กรณีหุ้น STARK เท่านั้นตอนนี้ทยอยโผล่มาเรื่อย ๆ จนนักลงทุนต่างชาติพากันเทขายหุ้นไทยหันไปลงทุนในตลาดหุ้นต่างประเทศที่มีความน่าถือมากกว่าและให้ผลตอบแทนดีกว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทยจึงตกต่อเนื่อง ตั้งแต่วันเลือกตั้งจนวันนี้ดัชนีรูดลงกว่า100จุด

ทั้งหลายทั้งปวงล้วนเป็นผลจากการขาดความเชื่อมั่นอันเนื่องมาจากการเมืองยังไม่นิ่ง รัฐมนตรีในรัฐบาลรักษาการไม่ตัดสินใจ หน่วยงานที่ดูแลก็ไร้ประสิทธิภาพ ไม่ทันสถานการณ์ จนปัญหาลุกลามใหญ่โต

ประเทศที่อยู่ภายใต้รัฐบาลเป็ดง่อย ข้าราชการเกียร์ว่าง ยังจะสะท้อนจากยอดการส่งออกของไทยที่เป็นรายได้หลักของประเทศ “หดตัว” หรือส่งออกติดลบต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 8 ติดต่อกัน ด้านหนึ่งเศรษฐกิจคู่ค้าถดถอย แต่อีกด้านหนึ่งคือคนที่มีหน้าที่รับผิดชอบไม่ทำงานอีกสิ่งหนึ่งที่น่าห่วงหากการจัดตั้งรัฐบาลล่าช้า จะส่งผลกระทบกับการจัดทำงบประมาณประจำปีจะต้องเลื่อนออกไปจนกว่าจะมีรัฐบาลใหม่มาบริหารประเทศ เมื่องบประมาณล่าช้าจะกระทบต่อการลงทุนของภาครัฐ โครงการต่าง ๆ จะต้องเลื่อนออกไป เมื่อภาครัฐไม่มีการลงทุน ภาคเอกชนก็ไม่กล้าลงทุน เพราะเอกชนจะดูทิศทางการลงทุนของภาครัฐเป็นหลักก่อนที่จะตัดสินใจว่าจะลงทุนหรือไม่ ซึ่งส่งผลกระทบเป็น “โดมิโน”

ที่สำคัญกว่าจะตั้งรัฐบาลใหม่เสร็จ รัฐมนตรีเข้าทำงานกว่าทุกอย่างจะลงตัวปีนี้ ทั้งปีจะมีเวลาทำงานแค่ 3-4 เดือนเท่านั้น เวลาที่ผ่านมาจึงสูญเปล่า

“แสตนลี คัง” อดีตประธานหอการค้าร่วมต่างประเทศในไทยให้ความเห็นว่า อยากให้ตั้งรัฐบาลใหม่เร็วที่สุด ซึ่งนักลงทุนต่างชาติจับตาอยู่ ทั้งนี้นักลงทุนต่างชาติยังให้ความสนใจลงทุนในไทย นักลงทุนจับตามองการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ว่าจะได้เร็วหรือไม่ เพราะหากตั้งได้เร็วก็จะสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุนต่างชาติ รัฐบาลรักษาการทำอะไรมากไม่ได้ หน่วยงานราชการด้านเศรษฐกิจก็ทำหน้าที่ได้ไม่เต็มที่เพราะต้องรอนโยบายที่ชัดเจน

วันที่ 13 กรฏาคม นี้ นอกจากจะเลือกนายกรัฐมนตรีแล้ว ยังเป็นวันกำหนดชะตากรรมของประเทศว่าจะเดินหน้าหรือถอยหลัง เพราะทุกวันนี้ ประเทศไทยเสียเวลากับการเดินหลงทางมานานถึง 9 ปีแล้ว น่าจะถึงเวลาก้าวออกจากหลุมดำสูญญากาศเสียที

ผู้เขียน: ทวี มีเงิน

บทความอื่น ๆ ของผู้เขียน

“เหล้าเสรี” ด่านแรกทลายทุนผูกขาด

“ส่วยรถบรรทุก”… เหลือบที่ไม่เคยตาย

วิสัยทัศน์ “เศรษฐา ทวีสิน” จากธุรกิจ สู่การเมือง

STAY CONNECTED

0แฟนคลับชอบ
440ผู้ติดตามติดตาม
spot_img

Lastest News

MUST READ