TH | EN
TH | EN
หน้าแรกTechnologyหัวเว่ย สานต่อโครงการ Seeds for the Future เดินหน้าสร้างบุคลากรด้านดิจิทัล

หัวเว่ย สานต่อโครงการ Seeds for the Future เดินหน้าสร้างบุคลากรด้านดิจิทัล

แม้จะเผชิญปัจจัยท้าทายอย่างการระบาดของไวรัสโควิด-19 แต่บริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี ประเทศไทย ผู้พัฒนาและผลิตสมาร์ทโฟน ตลอดจนอุปกรณ์เทคโนโลยีดิจิทัลชั้นนำของจีนก็ยังคงเดินหน้าจัดโครงการระดับโลกประจำปีอย่าง Seeds For the Future ที่รับสมัครคัดเลือกนักศึกษา 15 คน จากมหาวิทยาลัยทั่วไทยเพื่อเข้าร่วมการฝึกอบรมภาคปฏิบัติกับผู้เชี่ยวชาญในแวดวงเทคโนโลยีดิจิทัลทั้งในและต่างประเทศ 

สำหรับปีนี้ถือเป็นปีที่ 13 ที่หัวเว่ย ประเทศไทยจัดทำโครงการดังกล่าว ซึ่งไทยถือเป็นประเทศแรกของโลกที่หัวเว่ยเปิดตัวโครงการ Seeds for the Future ทั่วโลกในปี 2008 โดยมีเป้าหมายหลักเพื่อพัฒนาทักษะด้านไอซีที และดิจิทัลเทคโนโลยีของเยาวชนวัยรุ่นในแต่ละประเทศ ให้มีโอกาสเข้ารับการฝึกอบรมขัดเกลาความรู้และทักษะด้านดิจิทัล กลยุทธ์ธุรกิจ รวมถึงแลกเปลี่ยนความรู้ความเข้าใจด้านวัฒนธรรมร่วมกัน ซึ่งก่อนหน้าการระบาดของโควิด-19 โครงการดังกล่าวจะเปิดให้นักศึกษาที่เข้าร่วมได้เดินทางไปศึกษาดูงานที่สำนักงานใหญ่หัวเว่ยในเมืองเสิ่นเจิ้น ทางตอนใต้ของประเทศจีน

อย่างไรก็ตาม การระบาดของไวรัสโควิด-19 ทำให้จำเป็นต้องจัดโครงการอบรมในปีนี้ ระหว่างวันที่ 1-8 พฤศจิกายนที่ผ่านมาผ่านระบบออนไลน์ทั้งหมด โดย อาเบล เติ้ง ประธานกรรมการบริหารหัวเว่ย ประเทศไทย กล่าวในระหว่างพิธีปิดโครงการปี 2021 ว่า โครงการต้องเดินหน้าจัดขึ้นเพื่อมอบโอกาสและสร้างความทรงจำให้กับเยาวชนไทยได้สัมผัสกับโลกความเป็นจริงของเทคโนโลยีดิจิทัล

ประธานเติ้ง กล่าวว่า คำว่า ‘วิกฤติ’ ในอักษรจีนเกิดจากคำสองคำผสมกัน คือ คำว่า “ความท้าทาย” กับ “โอกาส” ดังนั้น หัวเว่ย จึงเห็นว่าโครงการ Seeds for the future ต้องเดินหน้าต่อไป และด้วยการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลที่มีอยู่ การดำเนินการอบรมย่อมเป็นประโยชน์ท่ามกลางวิกฤติไม่ต่างกัน  

ยิ่งไปกว่านั้น ประธานหัวเว่ยประเทศไทยยังใช้โอกาสนี้เน้นย้ำถึงหนึ่งในทิศทางธุรกิจของหัวเว่ยที่ต้องการเดินหน้าสนับสนุนการพัฒนาคน ควบคู่ไปกับการเดินหน้าพัฒนาเทคโนโลยีให้ทัดเทียมกัน

หลังจากที่ทางคณะผู้บริหารหัวเว่ยในจีนประกาศเมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมาว่ามีแผนจัดสรรงบ 150 ล้านเหรียญสหรัฐเพื่อลงทุนพัฒนาบุคลากรด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ (ไอซีที) ทั่วโลกในช่วง 5 ปีข้างหน้า 

ล่าสุดเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ในการประชุม Digital Talent Summit ทางหัวเว่ยมีแผนจัดงบลงทุนเพิ่มเติมอีก 50 ล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อบ่มเพาะบุคลากรด้านดิจิทัลไอซีทีในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกให้ได้ 500,000 คนภายใน 5 ปีข้างหน้าและไทยเป็นหนึ่งในนั้น

13 ปีที่ผ่านมา โครงการ Seed for the Future มีนักศึกษาไทยจากมหาวิทยาลัยชั้นนำทั่วประเทศผ่านโครงการดังกล่าวแล้วมากกว่า 215 คน

ทั้งนี้ ในมุมมองของหัวเว่ย เศรษฐกิจดิจิทัลของไทยมีแนวโน้มขยายตัวเติบโตคิดเป็นสัดส่วนถึง 30% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ภายในปี 2030 อีกทั้งยังถือเป็นหนึ่งในประเทศแนวหน้าของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) ที่เดินหน้าพัฒนาโครงสร้างสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานเพื่อรองรับโครงข่ายสัญญาณ 5G 

โดยภายในช่วงไตรมาส 4 ปีนี้ มีการศึกษาประเมินว่าไทยจะมีสถานีสัญญาณ 5G มากกว่า 20,000 แห่งทั่วประเทศ มีผู้ใช้งาน 5G เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 4.2 ล้านคน มีอัตราเครือข่าย 5G ครอบคลุมพื้นที่กรุงเทพมหานครและเขตเศรษฐกิจพิเศษ EEC เกิน 70% ขณะที่ กรุงเทพฯ ยังได้รับการจัดอันดับจากองค์กรกำกับดูแลมาตรฐานการสื่อสารโลก หรือ GSMA (Global System for Mobile Communications) ให้เป็น 1 ใน 10 สุดยอดเมือง 5G ของโลก 

ประธานเติ้ง กล่าวว่า ความก้าวหน้าแบบก้าวกระโดดในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีดิจิทัลของไทย อีกทั้งยังเริ่มขยับขยายข้ามอุตสาหกรรมไปยังภาคการเกษตร สาธารณสุข และอุตสาหกรรมการผลิต สร้างความประทับใจให้กับหัวเว่ยอย่างมาก และยิ่งเป็นแรงผลักดันให้หัวเว่ยอยากมีส่วนร่วมในการสร้างรากฐานที่แข็งแกร่งให้กับอุตสาหกรรมเทคโนโลยี 5G ของไทย

ซึ่งหัวเว่ยพบว่าอีกหนึ่งพื้นที่สำคัญที่หัวเว่ยจะเข้ามามีบทบาทได้ คือ การช่วยบ่มเพาะบุคลากรด้านไอซีที เพื่อให้ไทยมีความพร้อมที่จะแข่งขันในอุตสาหกรรมดิจิทัลบนเวทีระดับโลก และสอดคล้องกับเป้าหมายระดับโลกของหัวเว่ยที่พยามยามจะสร้างความร่วมมือในทุกภาคส่วนเพื่อสร้างระบบนิเวศเทคโนโลยีดิจิทัลที่สมบูรณ์พร้อมในระดับโลกต่อไป 

“หัวเว่ยมีความภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาอีโคซิสเต็มด้านไอซีที ภายใต้พันธกิจ ‘Grow in Thailand, Contribute to Thailand’ เรายังคงมุ่งมั่นที่จะช่วยให้ไทยกลายเป็นศูนย์กลางด้านดิจิทัลของภูมิภาคนี้ เราได้ร่วมแบ่งปันข้อมูลเชิงลึกในอุตสาหกรรมไอซีทีให้แก่คนรุ่นใหม่มาโดยตลอด และด้วยประสบการณ์ระดับโลกในด้านไอซีทีกว่าหลายสิบปี เราจะร่วมเดินหน้าพัฒนาหลักสูตรดิจิทัล ให้ความรู้ในห้องเรียนสอดคล้องกับทักษะสำหรับการทำงานในชีวิตจริง เราพร้อมจับมือกับภาครัฐและพันธมิตร เพื่อยกระดับแรงงานดิจิทัลที่จะเข้ามาพลิกโฉมประเทศไทยได้อย่างยั่งยืน” ประธานกรรมการบริหารหัวเว่ย ประเทศไทย กล่าวระหว่างพิธีปิดงาน

ด้าน อัจฉรินทร์ พัฒนพันธ์ชัย ปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ในโลกยุคใหม่ที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีว่าหนึ่งในภารกิจหลักของกระทรวงฯ คือ การพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมดิจิทัลเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของคนไทยทุกคน และด้วยการสนับสนุนจากหลายภาคส่วน ทำให้ไทยมีโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลคุณภาพสูงและส่งเสริมการพัฒนาระบบนิเวศดิจิทัลที่สมบูรณ์ครอบคลุมสำหรับทุกคน

“อย่างไรก็ตาม รากฐานที่สำคัญของเศรษฐกิจและสังคมดิจิทัลในปัจจุบัน แท้จริงแล้วคือ การพัฒนาบุคลากรไอซีที กระทรวงฯ เชื่อว่าการศึกษาเชิงปฏิบัตินั้นสร้างประโยชน์มากมายแก่ผู้เรียนเมื่อพวกเขาเริ่มเข้าสู่ตลาดแรงงาน เราจึงพร้อมสนับสนุนโครงการพัฒนาศักยภาพบุคคลอย่าง “Seeds for the Future” ของหัวเว่ยอย่างเต็มที่ตลอดมา” อัจฉรินทร์ กล่าวก่อนขอบคุณหัวเว่ยที่ได้ร่วมทุ่มเท เพื่อเสริมสร้างศักยภาพบุคลากร จนเป็นเมล็ดพันธุ์ที่มีความสามารถ 

สำหรับการอบรมและเนื้อหาในหลักสูตรโครงการนี้ได้รับการพัฒนาขึ้นโดยผู้เชี่ยวชาญของหัวเว่ย เพื่อพัฒนาทักษะของนักศึกษาให้สอดคล้องกับมาตรฐานการทำงานทั้งในและต่างประเทศ นอกเหนือจากหลักสูตรออนไลน์ในหัวข้อ 5G, IoT, AI และคลาวด์ คอมพิวติ้ง ขณะที่ผู้เข้าร่วมยังได้มีโอกาสร่วมกันระดมความคิดสร้างสรรค์และทำโปรเจ็กต์กลุ่ม “TECH4Good” ซึ่งเป็นการนำเทคโนโลยีมาใช้เพื่อร่วมกันพัฒนาสังคม และยกระดับคุณภาพชีวิตของคนในประเทศ

ขณะที่ พัชรินทร์ บุญสมเชื้อ นักศึกษาคณะวิศวกรรมศาสตร์ สาขาวิศวกรรมไฟฟ้าสื่อสารและอิเล็กทรอนิกส์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี หนึ่งในนักศึกษาที่เข้าร่วมโครงการ Seeds for The Future กล่าวว่า หลักสูตรดังกล่าวทำให้เห็นภาพรวมของอุตสาหกรรมและทิศทางของวงการไอซีทีในอนาคต 

“เนื้อหาที่เกี่ยวกับเทคโนโลยีและทักษะต่าง ๆ จัดทำขึ้นจากผู้เชี่ยวชาญตัวจริงที่ตั้งใจถ่ายทอดความรู้เชิงลึกที่หาไม่ได้ที่ไหน รวมไปถึงเวิร์คช้อปการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม การไปเยี่ยมชมเทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (depa) และโครงการ TECH4Good ที่แสดงให้เห็นถึงการนำเทคโนโลยีไปปรับใช้เพื่อยกระดับคุณภาพของสังคมในด้านต่าง ๆ ช่วยให้เราสามารถเตรียมความพร้อมสำหรับชีวิตการทำงานจริง มั่นใจว่าความรู้และทักษะที่ได้จากโครงการนี้จะช่วยยกระดับศักยภาพในการทำงานและเปิดโอกาสใหม่ๆ ให้แก่พวกเรา” พัชรินทร์กล่าว 

STAY CONNECTED

0แฟนคลับชอบ
440ผู้ติดตามติดตาม
spot_img

Lastest News

MUST READ