TH | EN
TH | EN
หน้าแรกColumnist“รู้น้อย-อยากรวยเร็ว” บทเรียนวัยรุ่นเล่นคริปโท

“รู้น้อย-อยากรวยเร็ว” บทเรียนวัยรุ่นเล่นคริปโท

เคยมีคำพูดในยุคที่ตลาดหุ้นรุ่งเรืองว่า “คนจนเล่นหวย คนรวยเล่นหุ้น” แต่ในยุคดิสรัปชัน ต้องเป็น “คนจนเล่นหวย คนรวยเล่นหุ้น วัยรุ่นเล่นคริปโท” หรือเรียกเต็ม ๆ ว่า “คริปโทเคอเรนซี” ที่คนรุ่นเก่าเห็นว่ามีความเสี่ยงสูง แต่คนรุ่นใหม่กลับเห็นว่านี่คือ “สินทรัพย์ทางเลือก” ที่มีอิสระ ปลอดจากการควบคุมโดยรัฐ หรือ “ส่วนกลาง” ที่เรียกว่า Decentralized Finance หรือ DeFi กำลังได้รับความสนใจอย่างกว้างขวาง

กระแสนี้ไม่ใช่ลามไปเฉพาะกลุ่มคนรุ่นใหม่เท่านั้น แต่ยังรุกเข้าไปในกลุ่มธุรกิจอีกมากมาย เราจะเห็นภาคธุรกิจหลาย ๆ วงการ เริ่มจะก้าวเข้าสู่การยอมรับเงินคริปโท บางตระกูลในการชำระค่าสินค้าและบริการ ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ หรือธุรกิจค้าปลีก รวมไปถึงร้านกาแฟ และบริการต่าง ๆ ก่อนหน้านี้เคยมีการนำเสนอข่าว “ร้านปลาเผา” แห่งหนึ่งยอมให้ลูกค้าจ่ายเป็นคริปโท กลายเป็นค่านิยมใหม่ 

แต่ที่น่าห่วง กระแสคริปโท ไม่ได้อยู่เฉพาะในธุรกิจและกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่เริ่มทำงานมีเงินเดือนเท่านั้น แต่กำลังแพร่ระบาดไปสู่เด็กมัธยมที่ต้องแบมือขอเงินพ่อแม่ทุกวัน เรื่องนี้มีเสียงสะท้อนแสดงความเป็นห่วงจาก ดร.สมชัย จิตสุชน ผู้อำนวยการวิจัยด้านการพัฒนาอย่างทั่วถึง สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI) โพสต์เฟซบุ๊ก ส่วนตัว Somchai Jitsuchon ได้กล่าวถึงคนรุ่นใหม่ โดยเฉพาะเด็กมัธยมในต่างจังหวัดจำนวนมากที่ซื้อคริปโทเคอร์เรนซี และกำลังขาดทุนอย่างหนัก แนะภาครัฐควรมีมาตรการป้องกันผู้เล่นหน้าใหม่

โดยระบุว่า เพิ่งคุยกับพรรคพวกที่ลงพื้นที่ เจอว่ามีเด็กมัธยมต่างจังหวัด (ทั้งมัธยมปลายและต้น) จำนวนไม่น้อยซื้อคริปโทเคอร์เรนซี (Cryptocurrency) และกำลังขาดทุนอย่างหนัก (หลักหมื่นหรือกระทั่งหลักแสน) โดยเอาเงินที่บ้านมาเล่น บางทีก็เป็นเงินที่ปู่ย่าตายายเก็บไว้เพื่อการศึกษาของหลาน

ทั้งนี้มองว่า เรื่องดังกล่าว น่าจะเป็นห่วงมาก ภาครัฐควรมีมาตรการเรื่องนี้อย่างเร่งด่วนและจริงจัง เพื่อป้องกันผู้เล่นตัวจิ๋วหน้าใหม่ที่อาจเข้ามาเพราะเชื่อว่าในที่สุดจะกำไรมากมาย อย่างน้อยควรมีการกำกับ platform ซื้อขายคริปโท ในเรื่อง Know Your Customer หรือ KYC ซึ่งเป็นกระบวนการในการทําความรู้จักลูกค้า ที่สามารถ ระบุตัวตน และพิสูจน์ตัวตนได้อย่างถูกต้องและให้ความรู้ (ที่ถูกต้อง) กับนักลงทุนหน้าใหม่

หากดร.สมชัย ไม่กล่าวถึงก็คงไม่รู้ว่า กระแสการลงทุนคริปโท ได้ระบาดลงลึกถึงระดับรากหญ้า เชื่อว่าหลายคนคงจะสูญเงินไปไม่น้อย ไม่ทราบว่ากระทรวงศึกษาธิการรับรู้เรื่องนี้หรือยัง ถ้ารู้แล้วจะมีมาตรการป้องกันอย่างไร

เมื่อเร็ว ๆ นี้ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจสังคมแห่งชาติ (สศช.) เปิดเผยรายงานภาวะสังคมไทยไตรมาสสอง ปี 2565 โดยมีการนำเสนอสถานการณ์ทางสังคมที่น่าสนใจเรื่องหนึ่ง นั้นคือ พฤติกรรมการลงทุนของคนรุ่นใหม่ในตลาดคริปโทเคอร์เรนซี อาจมีความเสี่ยงที่จะเกิดความเสียหายจากการลงทุน

โดยระบุว่า ผู้ลงทุนในคริปโทส่วนใหญ่ เป็นคนรุ่นใหม่ที่ต้องการสร้างผลกำไรที่สูงในเวลาที่รวดเร็วจากข้อมูลพบว่า บัญชีของผู้ลงทุนในคริปโท กว่าครึ่งเป็นผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 30 ปี โดย 3% เป็นเยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 20 ปี และ 47% เป็นบัญชีลงทุนของผู้ที่มีอายุ 21-30 ปี 

ขณะเดียวกันในการศึกษาของมหาวิทยาลัยมหิดล (CMMU) พบว่า สาเหตุที่คน Gen Z สนใจลงทุนในคริปโท เพราะต้องการรวยเร็ว แต่ก็มีความเสี่ยง รวมถึงศึกษาหาความรู้น้อย และใช้สัญชาตญาณตัดสินใจลงทุน สอดคล้องกับผลสำรวจขอตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ทำการสำรวจนักลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ โดยสำรวจบุคคลที่เคยลงทุนอยู่ในคริปโท อายุไม่เกิน 24 ปี ระบุว่า สนใจเพราะการขับเคลื่อนจากตลาด ปลอดจากการกำกับดูแลและทันสมัย โดย 1 คน สามารถลงทุนได้มากกว่า 1 บัญชี และเทรดไม่พร้อมกัน

อีกทั้งนักลงทุนรุ่นใหม่มองว่า การลงทุนในคริปโท เป็นการลงทุนที่เข้ามาทดแทนตลาดหุ้น และมักลงทุนเฉพาะสินทรัพย์สมัยใหม่อื่น ๆ โดยเชื่อว่าความผันผวนและมีความเสี่ยงสูงนั้นเป็นเรื่องปกติ จึงกล้าเสี่ยง แม้จะขาดทุนแต่ไม่ติดลบ ไม่มีหนี้สินก้อนใหญ่ และสามารถหารายได้ได้ 

ทางด้านกลุ่มนักลงทุนรายย่อยอายุมากกว่า 30 ปี สนใจในคริปโทเพราะเป็นการลงทุนแบบใหม่ผลตอบแทนสูงแม้มีความเสี่ยงสูง แต่สามารถทดลองเทรดเองหรือฝากคนใกล้ชิดทำให้ได้ ซึ่งมองว่าเป็นการลดถือหุ้นเดิม ได้กระจายพอร์ต โดยเชื่อว่าความเสี่ยง คือ ความไม่แน่นอนต้องบริหารจัดการตนเอง ซึ่งกลุ่มนี้มีความกล้าเสี่ยงอยู่บ้าง โดยค่อย ๆ เรียนรู้จากการเข้าตลาด

กระแสนี้ไม่เฉพาะเด็กไทยที่อยู่ในเมืองไทยเท่านั้น แม้เด็กไทยที่ไปเรียนหนังสือในต่างประเทศส่วนใหญ่ก็หันมาลงทุนคริปโทกันคึกคัก โดยยอมหางานพิเศษทำเพื่อเอาเงินมาลงทุน ด้วยหวังว่าเมื่อเรียนจบกลับมาเมืองไทยจะได้เป็นเศรษฐีน้อย ๆ แต่ตอนนี้ปรากฏว่าหลายคนบ่นอุบว่าที่ผ่านมาต้องทำงานฟรี เพราะเงินค่าแรงที่ได้เจ๊งกับคริปโท บางคนสูญเป็นหลักหลายหมื่น บางคนยอมทำงานหนักเก็บเงินได้เป็นแสนเพื่อเอาไปลงทุน บางคนเรียนจบกลับมาแทนที่จะหางานทำตามสาขาที่เรียน แต่กลับมาเล่นคริปโทเป็นงานหลัก

กระแสคนรุ่นใหม่หวังรวยทางลัด พากันแห่เล่นคริปโทจนกลายเป็นแฟชั่นอย่างนี้ เป็นเรื่องน่าห่วงอย่างยิ่ง รัฐบาลควรจะต้องหามาตรการป้องกันโดยเร็วด่วนที่สุด

ผู้เขียน: ทวี มีเงิน

บทความอื่น ๆ ของผู้เขียน

“มรดกบาป” ที่ถูกลืม

SCBX หัก Bitkub ใครได้ ใครเสีย ใครเจ็บ

STAY CONNECTED

0แฟนคลับชอบ
440ผู้ติดตามติดตาม
spot_img

Lastest News

MUST READ