TH | EN
TH | EN
หน้าแรกInterviewนูทานิคซ์ เดินหน้าพลิกโฉมโมเดลธุรกิจเต็มตัว ชูจุดเด่นทำคลาวด์โซลูชันเป็นเรื่องง่าย

นูทานิคซ์ เดินหน้าพลิกโฉมโมเดลธุรกิจเต็มตัว ชูจุดเด่นทำคลาวด์โซลูชันเป็นเรื่องง่าย

นูทานิคซ์ (Nutanix) หนึ่งในบริษัทผู้ให้บริการซอฟต์แวร์ระบบคลาวด์คอมพิวติงชั้นนำระดับโลกจากสหรัฐฯ ประกาศเดินหน้าปรับโฉมทรานส์ฟอร์มโมเดลรายได้ของธุรกิจจากบริษัทผู้ให้บริการซอฟต์แวร์ไปสู่การเป็นบริษัทแบบ subscription company หรือการให้บริการตามสถานะสมาชิก เพิ่มความยืดหยุ่นในแง่ของการเข้าถึงและการจ่ายเงินด้วยการใช้งานตามจริง ตอกย้ำวิสัยทัศน์ของบริษัทที่มุ่งสร้างคลาวด์โซลูชันที่หลากหลายเพื่อตอบโจทย์ครอบคลุมทุกความต้องการ และทำให้การใช้งานคลาวด์เป็นเรื่องง่ายเพียงปลายนิ้วคลิก

ราจีฟ รามาสวามิ (Rajiv Ramaswami) ประธานและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) ของ นูทานิคซ์ กล่าวระหว่างการให้สัมภาษณ์พิเศษกับทาง The Story Thailand ว่า ขณะนี้บริษัทกำลังก้าวเข้าสู่ระยะที่สองในการขยายขนาดธุรกิจด้วยการปรับแนวทางสู่การเป็นบริษัทให้บริการซอฟต์แวร์คลาวด์ด้วยระบบสมาชิก (Subscription model) มูลค่าหลายล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดยเชื่อมั่นว่าตลาดให้บริการคลาวด์ โดยเฉพาะระบบไฮบริด-คลาวด์ คอมพิวติง จะยังคงเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมที่สามารถเติบโตได้อย่างก้าวกระโดด และจะมีบทบาทสำคัญต่อองค์กรธุรกิจทุกภาคส่วนในอีกหลายปีข้างหน้า อันเป็นผลจากการที่บริษัทองค์กรทุกแห่งตั้งเป้าหมายทรานส์ฟอร์มธุรกิจไปสู่โลกดิจิทัล ซึ่งการเข้าสู่โลกดิจิทัลนี้ ทำให้บริษัททั้งหลายจำเป็นต้องใช้ระบบคลาวด์ในการดำเนินการบริหารจัดการข้อมูลและแอปพลิเคชันของบริษัท

“วิสัยทัศน์และพันธกิจหลักของเรา คือทำให้การประยุกต์ใช้งานคลาวด์เป็นเรื่องที่ง่าย ยืดหยุ่น ในราคาที่เข้าถึงได้สำหรับลูกค้า ไม่ว่าจะกำลังใช้งานระบบดาต้า เซ็นเตอร์ของตนเอง หรือผู้ให้บริการคลาวด์เจ้าอื่น ๆ” ราจีฟ กล่าว

ทั้งนี้ ตั้งแต่เริ่มก่อตั้งบริษัท นูทานิคซ์มุ่งเน้นการสร้างโครงสร้างพื้นฐานที่ดูเสมือนไร้ตัวตน ยกระดับมาตรฐานการใช้ไอที เน้นการใช้แอปพลิเคชันและการให้บริการที่เพิ่มศักยภาพต่อธุรกิจ โดยใช้ประโยชน์จากวิศวกรรมแบบเว็บ-สเกลและการออกแบบที่ออกแบบมาสำหรับผู้บริโภค การประมวลผล เวอร์ชวลไลเซชัน และสตอเรจมารวมไว้ในโซลูชันที่ยืดหยุ่นและควบคุมการทำงานด้วยซอฟต์แวร์บนอุปกรณ์ที่ชาญฉลาด ซึ่งทำให้สามารถคาดการณ์ประสิทธิภาพการทำงานได้ สามารถใช้โครงสร้างพื้นฐานคล้ายคลาวด์ มีระบบความปลอดภัยที่เข้มงวด และสามารถใช้งานแอปพลิเคชันที่หลากหลายขององค์กรแบบโมบิลิตีได้อย่างลื่นไหล

ราจีฟ อธิบายว่าตั้งแต่ต้น นูทานิคซ์เริ่มจากการพัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐานที่เรียกว่าไฮเปอร์ คอนเวิร์จ อินฟราสตรัคเจอร์ (hyper-converged infrastructure) หรือ HCI ที่รวบรวมระบบการเก็บข้อมูลจากหลาย ๆ คอมพิวเตอร์เข้ามาไว้ด้วยกันบนแพลตฟอร์มเดียว ซึ่งช่วยสร้างมูลค่ามหาศาลในการทำให้โครงสร้างพื้นฐานของลูกค้าไม่ซับซ้อน ง่ายต่อการดำเนินการ  ส่งผลต่อการลดต้นุทนค่าใช้จ่ายและทำให้การดำเนินงานของบริษัทเป็นไปอย่างราบรื่นกับทุกแอปพลิเคชัน

โดยการดำเนินการในส่วนนี้ ถือเป็นหนทางแรกของบริษัทที่นับได้ว่าบรรลุผลแล้วส่วนหนึ่ง ดังนั้น ในช่วงปี 2565 นับจากนี้ นูทานิคซ์จะเดินหน้าเข้าสู่เส้นทางที่สองของบริษัทที่จะมุ่งหน้าขยายขนาดองค์กรสู่การเป็นบริษัทมูลค่าสูงที่ให้ความสำคัญกับการให้บริการคลาวด์โซลูชัน ด้วยระบบสมัครสมาชิก

“นูทานิคซ์จะเปลี่ยนจากการขายอุปกรณ์ซอฟต์แวร์แบบถาวร โดยใช้การกำหนดค่ามาตรฐานเป็นการสมัครสมาชิกซอฟต์แวร์ให้ลูกค้าจ่ายตามจริงตามการใช้งาน” ราจีฟกล่าว ก่อนอธิบายเพิ่มเติมว่า ด้วยระบบสมาชิก นูทานิคซ์จะมุ่งเน้นไปที่การเติบโตและความสามารถในการทำกำไร โดยดำเนินการตามลำดับความสำคัญ 4 ประการ เพื่อก้าวขึ้นเป็นบริษัทชั้นนำแบบไฮบริดมัลติ-คลาวด์

สำหรับปัจจัยประการแรกที่บริษัทให้ความสำคัญ คือการสนับสนุนให้ลูกค้าขยายไปสู่คลาวด์สาธารณะ (พับลิก คลาวด์) ด้วยแพลตฟอร์มไฮบริดมัลติคลาวด์ ขณะที่ลำดับความสำคัญที่สอง คือการผลักดันการเปลี่ยนผ่านโมเดลธุรกิจไปสู่การสมัครสมัครสมาชิกให้เสร็จสิ้น จากนั้นก็ขยายธุรกิจด้วยการหันไปสร้างพันธมิตรจับมือกับคู่ค้าและนำเสนอโซลูชันที่ลูกค้าต้องการ และสุดท้ายแต่ไม่ท้ายสุด คือการดำเนินการเพิ่มสถานะทางการเงินของธุรกิจเพื่อความยืดหยุ่นและความคล่องตัว

ราจีฟกล่าวว่า ปัจจัยความสำคัญของ 4 แนวทางข้างต้นเป็นสิ่งที่นูทานิคซ์ดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2564 ที่ผ่านมาและยังคงเดินหน้าสานต่อให้เสร็จสิ้นในปีนี้ โดยเฉพาะปัจจัยสำคัญประกาศที่สองในการบรรลุการเปลี่ยนผ่านสู่การเป็นบริษัทให้บริการคลาวด์แบบจ่ายตามการใช้งานจริง

ทั้งนี้ ปัจจัยสำคัญประกาศแรกก็คือการเน้นย้ำถึงสิ่งที่บริษัทนำมาอย่างต่อเนื่องทั้งในฐานะบริษัทผู้ให้บริการคลาวด์แก่ลูกค้า และบริษัทที่เป็นโอกาสที่ดีสำหรับการลงทุนของนักลงทุนในตลาด ซึ่งจากมุมมองดังกล่าว ทำให้นูทานิคซ์ให้ความสำคัยกับการสร้างพับลิกคลาวด์เพื่อให้รับส่งใช้งานได้ง่ายขึ้น

“ในมุมมองของเรา ระบบคลาวด์เป็นโมเดลสำหรับการปฏิบัติการขององค์กรจริง ๆ ไม่ใช่แค่ปลายทางสำหรับเก็บข้อมูลเท่านั้น ปัจจุบันธุรกิจองค์กรทั้งหลายล้วนมีแอปพลิเคชันที่ทำงานได้ทุกที่ และสามารถทำงานในศูนย์ข้อมูลที่พวกเขาเป็นเจ้าของหรือดำเนินการได้ ทำให้บริษัทเหล่านี้จำเป็นต้องใช้งานพับลิกคลาวด์ หรือ มัลติเพิล พับลิกคลาวด์ แต่ทุกวันนี้ ผู้ให้บริการคลาวด์ต่างก็มีระบบคลาวด์ที่แตกต่างกันออกไป แอเมซอนต่างจาก AWS, ต่างจากกูเกิล ต่างจากอาลีบาบา ในฐานะบริษัทที่ใช้งานคลาวด์ต่าง ๆ เหล่านี้ หมายความว่า คุณจะต้องฝึกอบรมพนักงานแตกต่างกันออกไปเพื่อใช้คลาวด์ที่แตกต่างกันนี้ ดังนั้น เป้าหมายของเราในการผลักดันให้บริษัทก้าวไปข้างหน้าก็คือการขยายบริการศูนย์ข้อมูลของเรา ด้วยการทำให้โครงสร้างพื้นฐานที่ซับซ้อนของระบบคลาวด์เป็นสิ่งที่ล่องหนไร้ตัวตน ส่งผลให้บริษัทสามารถทุ่มเทเวลาไปกับการวางแผนขับเคลื่อนธุรกิจได้อย่างเต็มที่” ราจีฟอธิบาย

เพื่อให้การใช้งานง่ายขึ้น ราจีฟกล่าวว่านูทานิคซ์ได้เดินหน้าสร้างไฮบริดมัลติคลาวด์แพลตฟอร์มแบบเปิด ที่ช่วยให้ลูกค้าสามารถเรียกใช้แอปพลิเคชันและจัดการแอปพลิเคชันได้ทุกที่และทุกเวลาที่ต้องการ

“นั่นคือส่วนแรกของการเดินทางของเราที่กลายมาเป็นวิสัยทัศน์และพันธกิจของบริษัท รวมถึงมีส่วนสำคัญในการสร้างมูลค่าให้พอร์ตการลงทุนของบริษัท เรากำลังเปลี่ยนจากการขายผลิตภัณฑ์เป็นอย่าง ๆ มาสู่การควบรวมผลิตภัณฑ์ทุกอย่างเข้าไว้ด้วยกันแล้วเสนอเป็นบริการคลาวด์ โซลูชัน ไม่ว่าจะเป็นการใช้งานระบบคลาวด์ การจัดเก็บข้อมูลและเรียกใช้ฐานข้อมูลที่สำคัญ รวมถึงการใช้งานคลาวด์เพื่อตอบโจทย์กับพฤติกรรมการทำงานทางไกลหรือทำงานออนไลน์” ราจีฟกล่าว

ในส่วนของความสำคัญลำดับที่สอง อย่างการจัดการให้บริษัทเปลี่ยนผ่านสู่การเป็นบริษัทซอฟต์แวร์ด้วยระบบสมาชิกให้เสร็จสิ้นลุล่วงภายในปีนี้ ราจีฟเปิดเผยว่า การดำเนินการได้มาถึงขั้นตอนสุดท้ายของการเปลี่ยนผ่านแล้ว ซึ่งขับเคลื่อนภายใต้ 2 แนวทางหลักคือการสร้างธุรกิจใหม่และขยายฐานลูกค้า และอีกทางหนึ่งคือการรักษาความเชื่อมั่นไว้วางใจที่ลูกค้ามีต่อแบรนด์ ด้วยอัตราการต่อสัญญาที่เพิ่มสูงขึ้นมากกว่า 90%

ขณะที่การขยายขนาดธุรกิจด้วยการจับมือเป็นพันธมิตรกับธุรกิจต่าง ๆ ราจีฟย้ำว่าแนวทางครั้งนี้ค่อนข้างสำคัญภายใต้การแข่งขันที่เข้มข้นในโลกไฮบริดคลาวด์ยุคปัจจุบัน โดยในช่วงปีที่ผ่านมา นูทานิคซ์ได้เพิ่มความร่วมมือกับพันธมิตรเดิมอย่าง HPE, และเลอโนโว (Lenovo) ควบคู่ไปกับการสร้างพันธมิตรใหม่อย่าง Red Hat และยกระดับความร่วมมืออย่างเป็นทางการกับทาง Citrix ตลอดจนเดินหน้าทำงานร่วมกับผู้ให้บริการคลาวด์ด้วยกันอย่างไมโครซอฟท์ และ AWS (Amazon Web Services)

ด้านปัจจัยสำคัญประการสุดท้ายอย่างการกำหนดรูปแบบรายได้ของธุรกิจเพื่อให้บริษัทสามารถขยายตัวเติบโตอยู่ในระดับแนวหน้าของอุตสาหกรรม ไม่ว่าจะเป็นในแง่ของรายได้และจำนวนการต่อสัญญาใหม่ ที่มีการเรียกเก็บเงินตามมูลค่าสัญญารายปี (Annual Contract Value  – ACV) ซึ่งเป็นตัวชี้วัดที่แสดงให้เห็นว่าสัญญาของลูกค้ามีมูลค่าเท่าใด โดยตั้งเป้าเติบโต 25% ต่อปี ในช่วง 3 ปีข้างหน้า

นอกจากนี้ ทางนูทานิคซ์ยังตั้งเป้าที่จะบรรลุสภาพคล่องทางการเงินให้มีกระแสเงินสดอิสระ (free cash flow) ซึ่งเป็นเงินสดที่สามารถนำไปจ่ายหนี้สิน จ่ายเงินปันผล หรือขยายธุรกิจได้อย่างยั่งยืนภายในสิ้นปีปฏิทินนี้ (2022) และสร้างรายได้จากการดำเนินงานให้เพิ่มขึ้นในอีกสองไตรมาสหลังจากนั้น โดย Rajiv ยืนยันความสำเร็จของแนวทางธุรกิจที่ดำเนินการอยู่ด้วยผลงานของนูทานิคซ์ ที่ผ่านที่สามารถเพิ่มรายได้ได้ในทุกไตรมาสในช่วงสี่ไตรมาสล่าสุด

“โมเดลทางการเงินคือสิ่งที่เราขับเคลื่อนเพื่อการเติบโตของบริษัท และสิ่งที่ทำให้เราตระหนักถึงการเปลี่ยนผ่าน ก็คือการที่เราต้องเปลี่ยนจากบริษัทซอฟต์แวร์เป็นบริษัทคลาวด์ระบบสมาชิก ที่ทำรายได้ให้กับองค์กรจากการขายระยะเวลาของการต่อสัญญา ช่วยให้สามารถเก็บเงินล่วงหน้าได้จำนวนมาก” ราจีฟอธิบาย ก่อนเสริมว่า ด้วยระบบสมาชิกที่นำมาใช้งานในปัจจุบัน นูทานิคซ์สามารถขายบริการภายใต้สัญญาใช้งานในระยะสั้น ๆ และจะไม่ขายเครือข่ายเป็นผลิตภัณฑ์แบบเดี่ยว ๆ สแตนด์อโลนอีกต่อไป แต่จะขายบริการที่ขมวดรวม การจัดการ การดำเนินงาน และระบบอัตโนมัติของคลาวด์เป็นแพกเกจแทนที่จะพยายามขายแยกทุกชิ้นเหมือนในอดีตที่ผ่านมา

“ดังนั้น เมื่อเราชี้แจงรูปแบบทางการเงินของเรา มันมีองค์ประกอบหลักสองอย่างในนั้น มันเรียกธุรกิจขาขึ้นใหม่ที่เราได้สร้างธุรกิจใหม่ให้กับบริษัท ขณะที่ส่วนที่สองคือการต่ออายุสัญญาทั้งหมดที่จะถูกยกเลิก เพื่อให้รูปแบบทางการเงินของเราสามารถเป็นบริษัทสมาชิกได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีเป้าหมายเติบโตที่ 1,600 ล้านดอลลาร์เติบโตที่ 25% ของ ACV และมีกระแสเงินสดอิสระในทางบวกภายในสิ้นปี” ราจีฟระบุ ก่อนให้คำมั่นว่า นูทานิคซ์จะยังคงเดินหน้าพัฒนานวัตกรรมเทคโนโลยีคลาวด์โซลูชันต่อไป

เชื่อมั่นในโมเดลสมัครสมาชิก

ทั้งนี้ในมุมมองของราจีฟ โมเดลธุรกิจการสมัครสมาชิกเป็นรูปแบบที่เหมาะสมสำหรับนูทานิคซ์ เพราะทำให้ลูกค้ามีทางเลือกมากขึ้นในการเข้าถึงผลิตภัณฑ์และบริการของบริษัท

“คือถ้ามองในมุมของลูกค้า การสมัครสมาชิกทำให้ลูกค้ามีทางเลือกและมีอิสระ สามารถใช้งานคลาวด์โดยไม่ต้องล็อกอิน ลูกค้าสามารถทำงานร่วมกับเราในระยะเวลาที่ต้องการทำงาน อยากทำสัญญา 1 ปี หรือ 2-3 ปี ย่อมได้แน่นอน อะไรก็ตามที่ลูกค้าคิดว่าเหมาะกับตนเองทำได้หมด ยิ่งเมื่อพิจารณาจากสถานการณ์การระบาดของไวรัสโควิด-19 ทำให้เห็นว่ามีคนจำนวนไม่มาที่พร้อมทำสัญญาระยะยาว เพราะมีปัญหาติดขัดทางการเงิน เรียกได้ว่าการมีความยืดหยุ่นในการลงทุนในระยะสั้นจึงเป็นสิ่งที่ดีสำหรับลูกค้า อีกทั้ง ลูกค้ายังชอบความเรียบง่ายเกี่ยวกับวิธีการใช้คลาวด์ของเรา โดยไม่เพียงแต่จะสามารถใช้ในศูนย์ข้อมูลของตัวเองเท่านั้น แต่ยังสามารถใช้สิทธิ์การใช้งานการสมัครรับข้อมูลนั้นเป็นซอฟต์แวร์เดียวกันกับที่เราจัดส่งและให้ใช้ในระบบพับลิกคลาวด์”

นอกจากนี้ ราจีฟยืนยันว่าการสมัครสมาชิกที่มีความยืดหยุ่นและความสามารถในการจ่ายได้อย่างสมบูรณ์นั้น เป็นประโยชน์ต่อลูกค้าอย่างแท้จริง และเป็นเหตุผลว่าทำไมการสมัครสมาชิกจึงมีแนวโน้มการเติบโตในเชิงบวก ที่องค์กรไม่ว่าจะขนาดใหญ่หรือเล็กในขณะนี้ต่างหันมาปรับเปลี่ยนบริการเป็นระบบสมาชิกจ่ายตามจริงเมื่อใช้งานกันมากขึ้น ซึ่งสำหรับนูทานิคซ์ในฐานะบริษัท รูปแบบธุรกิจดังกล่าวทำให้สามารถคาดการณ์ทิศทางธุรกิจของนูทานิคซ์มากขึ้น

“เพราะเมื่อคุณเห็นการสมัครสมาชิกเป็นอัตราการต่ออายุสัญญาที่สูงมากขึ้น นั่นหมายความว่าลูกค้าพึงพอใจในผลิตภัณฑ์และจะใช้ผลิตภัณฑ์ของนูทานิคซ์ต่อไป เท่ากับว่า แม้ระยะเวลาสัญญาจะสิ้นสุดลง แต่ลูกค้าก็จะกลับมาต่ออายุสัญญาแน่นอน”

ยิ่งไปกว่านั้น นอกเหนือจากทำให้สามารถคาดการณ์ทิศทางธุรกิจได้แล้ว ระบบสมัครสมาชิกยังช่วยให้บริษัทสร้าง “ความภักดี” (brand loyalty) ของลูกค้า และยกระดับการรับรู้ การเข้าถึง และการมีส่วนร่วมกับนูทานิคซ์

“วิสัยทัศน์คือการทำให้คลาวด์ล่องหนเพื่อให้บริษัทต่าง ๆ สามารถมุ่งเน้นไปที่การบริหารจัดการธุรกิจของตนได้อย่างเต็มที่ ขณะที่พันธกิจคือการเป็นที่ชื่นชอบของลูกค้า ด้วยแพลตฟอร์มไฮบริดมัลติคลาวด์แบบเปิดที่สามารถช่วยให้ลูกค้าสร้าง เรียกใช้ จัดการและรักษาความปลอดภัยแอปพลิเคชันทั้งหมดตามที่ต้องการ ภายใต้แนวทางสำคัญ 4 ประการตามที่ได้บอกไปก่อนหน้านี้ โดยเรามุ่งจะส่งมอบโครงสร้างพื้นฐานระบบคลาวด์ การจัดการระบบคลาวด์ การจัดเก็บข้อมูลแบบรวมศูนย์ ฐานข้อมูลแบบมัลติคลาวด์ และยังคงเป็นพันธมิตรกับลูกค้าต่อไป โดยมุ่งเน้นที่การเปลี่ยนการสมัครรับบริการคลาวด์ของเราเป็นระบบสมาชิก และแน่นอนว่าท้ายที่สุดแล้ว สิ่งเหล่านี้จะส่งผลให้เกิดการเติบโตทางธุรกิจและทำกำไรในทางบวก”

พร้อมเผชิญหน้ากับความท้าทายและคู่แข่ง

หลังจากเข้ารับตำแหน่งซีอีโอของนูทานิคซ์มาครบ 1 ปีเต็ม ราจีฟพบว่า ความท้าทายหลักของบริษัทในปีนี้คือการค่อย ๆ ดำเนินการตามลำดับความสำคัญทั้งสี่อย่างและรักษาความเป็นผู้นำของตลาดทั้งในด้านรายได้และความนิยม ในขณะเดียวกัน ก็ต้องจับตามองสถานการณ์ของไวรัสโควิด-19 ที่ยังคงเป็นปัจจัยเสี่ยงที่น่าเป็นห่วง รวมถึงการเรียนรู้และปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมการทำงานทางไกล

“ผมคิดว่า ในฐานะบริษัทด้านเทคโนโลยี เราต้องมีความยืดหยุ่นและมีกึ๋นมากพอที่จะสามารถปรับตัวและเคลื่อนไหวได้ ทุกสิ่งเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอด เทคโนโลยีเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอด ดังนั้น ลูกค้าย่อมต้องการการเปลี่ยนแปลงจากเรา และเมื่อสถานการณ์อย่างโควิด-19 เข้ามา เรายิ่งจำเป็นต้องปรับตัวและเติบโตจากความยากลำบากเหล่านี้ ทั้งหมดคือสิ่งที่ทำให้เรามีความยืดหยุ่นทนทานต่อทุกสถานการณ์” ราจีฟกล่าว

ในส่วนของคู่แข่งและการแข่งขัน ราจีฟได้จัดกลุ่มคู่แข่งออกเป็น 3 กลุ่ม กลุ่มแรกก็คือคู่แข่งบริษัทผู้ให้บริการโครงสร้างพื้นฐานจัดเก็บ ประมวลผล หรือเครือข่ายสำหรับองค์กร กลุ่มที่สองคือบริษัทผู้ให้บริการไฮบริดมัลติคลาวด์โซลูชันแบบเดียวกับนูทานิคซ์ และกลุ่มสุดท้ายคือ บริษัทที่ใช้พับลิกคลาวด์ในท้องถิ่นนั้น ๆ

แม้จะมีคู่แข่งรายใหญ่ในสนามมากมาย แต่ราจีฟชี้ว่านูทานิคซ์ก็ยังมีความแตกต่างที่โดดเด่น 4 ด้านด้วยกัน หนึ่งคือความเชี่ยวชาญของบริษัทในการบริหารจัดการข้อมูล

“ปัจจุบัน ข้อมูลเป็นเสมือนเส้นเลือดหลักขององค์กร ข้อมูลมีอยู่ทุกที่ เรารู้วิธีจัดการข้อมูล เรารู้วิธีจัดเก็บข้อมูล เรารู้วิธีป้องกัน เรารู้วิธีแปลข้อมูล รวมถึงรู้ทุกสิ่งที่ต้องมีหรือจำเป็นต้องดำเนินการเกี่ยวกับข้อมูล ควบคู่ไปกับการสร้างคลาวด์โซลูชันที่มีประสิทธิภาพเพื่อช่วยให้บริษัทจัดการข้อมูลของตนได้ สิ่งนี้คือความแตกต่างแรกสุดที่ลูกค้าจะสามารถสัมผัสได้จากเรา”

ส่วนความแตกต่างประการที่สองคือความเรียบง่าย ตามด้วยการให้อิสระและความยืดหยุ่นแก่ลูกค้าในทุกระดับชั้น และประการสุดท้ายคือการมุ่งตอบสนองความพึงพอใจของลูกค้าอย่างแท้จริง

นอกจากนี้ เพื่อให้การเติบโตเป็นไปอย่างยั่งยืน ราจีฟกล่าวว่าทางบริษัทให้ความใส่ใจกับนโยบาย ESG (สิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล) โดยนูทานิคซ์ตั้งเป้าที่จะทำให้ศูนย์ข้อมูล ผลิตภัณฑ์ และโครงสร้างพื้นฐานด้านไอทีมีประสิทธิภาพมากขึ้น แต่ใช้พลังงานน้อยลง ควบคู่ไปกับการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอน ขณะเดียวกัน ราจีฟ ยังย้ำถึงความสำคัญของอีกหนึ่งองค์ประกอบสำคัญของการเติบโตอย่างยั่งยืนด้วยการพัฒนาทักษะความสามารถของบุคลากร ตลอดจนเปิดโอกาสให้คนทุกกลุ่ม ไม่ว่าจะมีเพศสภาพ ความเชื่อทางการเมือง หรืออยู่ในกลุ่มใดของสังคมสามารถทำงานภายในองค์กรได้อย่างเต็มที่

อศินา พรวศิน – สัมภาษณ์
นงลักษณ์ อัจนปัญญา – เรียบเรียง

บทสัมภาษณ์อื่น ๆ

‘ธนัตถ์ เตชะธนบัตร’ 20 ปีที่โนเกีย กับการขับเคลื่อน Thailand 4.0 ด้วยเทคโนโลยีเครือข่าย

ดร.ต้า-วิโรจน์ จิรพัฒนกุล และ ‘Skooldio’ บทบาท “เรือจ้าง” ในยุคดิจิทัล กับพันธกิจ Professional Education

ETRAN จากความฝัน สู่ยานยนต์พลังงานสะอาด

STAY CONNECTED

0แฟนคลับชอบ
440ผู้ติดตามติดตาม
spot_img

Lastest News

MUST READ