TH | EN
TH | EN
หน้าแรกInterviewเอเชีย แค็บ เดินหน้าขยายธุรกิจ CABB แท็กซี่-CABB EV สวนกระแส วิกฤติโควิด-19

เอเชีย แค็บ เดินหน้าขยายธุรกิจ CABB แท็กซี่-CABB EV สวนกระแส วิกฤติโควิด-19

แม้ว่าความปลอดภัยจากการใช้บริการรถสาธารณะจะเป็นอีกหนึ่งความกังวลของผู้บริโภค แต่ “เอเชีย แค็บ” เชื่อมั่นในคุณภาพกรบริการที่แตกต่าง เตรียม ส่ง CABB Taxi อีก 600 คัน CABB EV 1,000 คัน ลงตลาดปีนี้และปีหน้า ตามลำดับ

การให้บริการสาธารณะอยู่ในชีวิตประจำวันของผู้บริโภคมากที่สุด ในแต่ละวันมีคนเดินทางมากเป็นหลักล้านคน ตัวรถบริการสาธารณะจะเป็นตัวขับเคลื่อนสำคัญในการลดมลภาวะทางอากาศ การพัฒนารถแท็กซี่ EV จะได้ประโยชน์ 2 ด้าน คือ การพัฒนาการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ และการสนับสนุนส่งเสริมให้กรุงเทพฯ มีมลภาวะที่ดีขึ้น 

ศฤงคาร สุทัศน์ชูโต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอเชีย แค็บ จำกัด (Asia Cab) กล่าวว่า ปฏิเสธไม่ได้ว่าการใช้พลังงานมีส่วนสำคัญในการรักษามลพิษของโลก EV เป็นแทรนด์ของโลกที่ไม่มีใครปฏิเสธ รถยนต์สาธารณะจะเป็นจุดขับเคลื่อนที่มีผลกระทบสูง เพราะเปลี่ยนแปลงที่จำนวนหลักร้อยหลักพันคน 

“เราต้องการเป็นปลาเร็ว รถค้นแรกจะออกจากสายการผลิตในไตรมาสที่ 1 ปี 2565” ศฤงคาร กล่าว

ต้นทุนพลังงานเป็นสัดส่วนต้นทุนในการให้บริการ ต้นทุนค่าแบตเตอรี่คิดเป็น 50% ขอบต้นทุนรถ EV การที่ต้นทุนพลังงานลดลง จะส่งผลให้พนักงานขับรถ บริษัทในฐานผู้ดำเนินกิจการ และผู้บริโภคในฐานะผู้โดยสาร ดังนั้น ค่าบริการรถแท็กซี่ EV จะถูกลงจากปัจจุบัน 

“สำหรับการผลิตและส่งออกนั้นอยู่ในระหว่างการพูดคุยหารือ พันธมิตรของเราเป็นบริษัทข้ามชาติและมีแนวโน้มว่าจะพาเราไปตลาดต่างประเทศที่มีโอกาสทางธุรกิจ”

พันธมิตรต่างมุ่งหวังการสร้างรถต้นแบบรถแท็กซี่ EV (CABB EV) รถแท็กซี่ไฟฟ้าต้นแบบสัญชาติไทยให้สำเร็จ แม้ภาพลักษณ์ดูคลาสสิกแต่ภายในทันสมัย ความร่วมมือในครั้งนี้ ต้องการยกระดับภาพลักษณ์และคุณภาพการให้บริการรถสาธารณะในประเทศไทย 

“ความร่วมมือนี้เป็นการทำวิจัยและพัฒนาร่วมกันระหว่างพันธมิตร CABB EV คันแรกจะลงสู่ท้องถนนไตรมาสแรกปีหน้า และเราคาดว่านำออกสู่ตลาดทั้งหมด 1,000 คัน”

รถ EV ของ Asia Cab ถูกออกแบบและสร้างมาเพื่อเป็นรถ EV สำหรับใช้สาธารณะ ไม่ได้ถูกสร้างมาเพื่อเป็น Passenger Car เหมือนรถที่ให้บริการสาธารณะโดยทั่วไป ความปลอดภัยของรถสาธารณะเป็นมาตรฐานสำคัญ 

ความแตกต่างที่ชัดเจน คือ เป็นรถสาธารณะที่ปลอดภัยสำหรับการเดินทางทั้งต่อผู้โดยสารในประเทศและผู้โดยสารจากต่างประเทศ และสร้างมาเพื่อสาธารณะประโยชน์ อาทิ สำหรับ Wheelchair รถทั่วไปที่สามารถขน Wheelchair ได้ยังมีจำนวนจำกัด 

“บริการรถสาธารณะในประเทศไทยมีหลายรูปแบบมาก ตั้งแต่ระดับตอบสนองทุกความต้องการ เราอยู่ในเซ็กเมนต์เล็ก ๆ หนึ่ง และปริมาณรถก็มีจำนวนจำกัด จากการที่เราทำการวิคราะห์ความต้องการของผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมาย เราคิดว่าเรามาถูกทางในกรณีที่เราตอบสนองเรื่องความปลอดภัย ทั้งความสะอาด ความเป็นส่วนตัว มีระบบการ Tracking ที่ชัดเจน และรูปแบบลักษณะของห้องโดยสาร รถแท็กซี่ของเราออกแบบมาเพื่อผู้โดยสารโดยเฉพาะ”

CABB Taxi โฟกัสกรุงเทพฯ

ปัจจุบัน Asia Cab มีรถแท็กซี่ให้บริการอยู่ 300 คัน ความต้องการรถแท็กซี่ในกรุงเทพฯ อยู่ที่ประมาณ 70,000- 90,000 คัน ในช่วงแรกบริษัทจะโฟกัสที่ตลาดกรุงเทพฯก่อน

ยอดปี 2563 มีการใช้พลังงานเพื่อการขนส่งลดลง 20-30% แต่ตั้งแต่ต้นปี 2564 ยอดบริการของ CABB Taxi เติบโต 300% จำนวนผู้ใช้บริการยังไม่มาก เนื่องจากส่วนมากจะเป็นการใช้บริการซ้ำ ช่วงที่ผ่านมาสำหรับรถ 300 คันแรกของบริษัท ถือว่าเป็นช่วงทดลองการให้บริการ ทั้งระบบการเรียกรถ ระบบการจ่ายผลประโยชน์ให้กับบุคลากรที่เกี่ยวข้อง ทดลองดูระยะทางและเส้นทาง จำนวนเที่ยวต่อวัน 1,400 เที่ยวต่อวัน ซึ่งสัดส่วนที่ให้บริการครบ 24 ชั่วโมงยังน้อยมาก 

บริษัทมีเป้าหมายที่จะเพิ่มรถ ตอนนี้มีอยู่ในการผลิตอีก 600 คัน ที่เตรียมจะทยอยออกสู่ท้องถนน ศฤงคาร กล่าวว่า CABB Taxi กำลังก้าวจากช่วงทดลองไปสู่การให้บริการเต็มรูปแบบ 

“กลุ่มลูกค้าเรากลุ่มแรก คือ คนที่รู้จัก London Taxi เคยนั่งรถแบบนี้อยู่แล้ว ไม่ลังเลที่จะขึ้น เมื่อเขาขึ้นครั้งแรก ก็เกิดการซื้อซ้ำเรื่อย ๆ กลุ่มถัดมาเริ่มมีการบอกต่อ กลุ่มผู้ใช้บริการกลุ่มใหญ่ คือ กลุ่ม Wheelchair เพราะรถเราเป็นรถที่ออกแบบมาให้เอา Wheelchair ขึ้นได้ และกลุ่มส่งนักเรียนตามโรงเรียน แต่เราก็มองกลุ่มช้อปปิ้งและกลุ่มที่ชอบการผจญภัยด้วย”

บริษัทมีแผนจะขยายพื้นที่การให้บริการจากกรุงเทพฯ ไปสู่จังหวัดที่มีผู้อยู่อาศัยหนาแน่น มีการเดินทางเป็นปกติ มีปัญหาเรื่องการให้บริการรถสาธารณะที่ไม่เพียง ปัจจุบันเริ่มทำการศึกษาตลาดในแต่ละจังหวัดซึ่งมีลักษณะต่างกัน บทบาทของ CABB Taxi คือ ต้องการเข้าไปเป็นผู้ให้บริการท้องถิ่นของตลาดนั้น ๆ 

“กำลังการผลิตของเรา เราจะตอบโจทย์ให้กับตลาดกรุงเทพฯ ก่อน”

กลยุทธ์หลักของ Asia Cab คือ การเป็นเจ้าของรถ ทำให้สามารถออกแบบปรับปรุงรูปแบบและคุณภาพของตัวรถได้

การให้บริการผ่านช่องทางที่หลากหลาย ทั้งผ่านแอปพลิเคชัน คอลเซ็นเตอร์ และจุดเรียกรถ และรูปบบในการชำระเงินครอบคลุม QR Code บัตรเดบิต บัตรเครดิต โดยจะเน้น Cashless เป็นหลัก เนื่องจากปัจจุบันวิกฤติสาธารณสุขทำให้ Cashless ได้รับความนิยมมากขึ้น 

“เราพัฒนาซอฟต์แวร์ของเราเอง เราเป็นบริษัทไทยเพิ่งตั้ง และเป็นน้องใหม่ของวงการ ในช่วงต้นเรามุ่งหวังจะพัฒนาซอฟต์แวร์ของบริษัทเราให้ทัดเทียมกับบริษัทที่ใหญ่กว่าเรามาก อย่างน้อย ๆ ขอให้เราทัดเทียมเขาก่อน หลังจากนั้น เราก็จะมีความแตกต่างฉีกออกไป”

ทั้งนี้ ความสามารถในการให้บริการของ CABB Taxi ยังมีขีดจำกัด อาทิ บางช่วงเวลาที่มีความต้องการใช้บริการสูง การให้บริการเต็มขีดความสามารถ บริษัทจะทยอยออกรถใหม่เข้าสู่ตลาดเดือนละ 50 คัน ช่วงเวลาเสาร์-อาทิตย์ ขายดีกว่าวันธรรมดา หากช่วงเวลาส่วนมากจะใช้บริการกลางวันมากกว่ากลางคืน 

“หนึ่งในเป้าหมายของเรา คือ ยกระดับคุณภาพชีวิตคนขับ คนขับของเราต้องได้ผลตอบแทนที่คุ้มค่า และมีเป้าหมายในการในการดำเนินชีวิตที่ชัดเจน ถ้าเราคาดหวังคุณภาพการให้บริการที่ดี สิ่งแรก เราต้องดูแลคนขับรถของเราให้มีคุณภาพชีวิตที่ดี คือ รายได้ดีมีโอกาสเป็นเจ้าของรถ อาทิ คนขับรุ่นแรก หากอยู่กับเราจนถึงปีที่ 7 และ 8 จะได้รับผลตอบแทน 100,000 บาท ส่วนในปีที่ 9 หากเขาไม่รับ 100,000 บาท เราจะโอนรถให้เขาเป็นเจ้าของเลย รถแท็กซี่ในประเทศไทยในกรุงเทพฯ ให้บริการได้ 9 ปี แต่รถรุ่นที่เรามาทำแท็กซี่วิ่งกัน 20-25 ปี คนขับสามารถเอารถที่ได้ไปขับเพื่อธุรกรรมอื่นได้ตามกฎหมาย” ศฤงคาร กล่าวทิ้งท้าย

STAY CONNECTED

0แฟนคลับชอบ
440ผู้ติดตามติดตาม
spot_img

Lastest News

MUST READ