TH | EN
TH | EN
หน้าแรกColumnistเบื้องหลังคำสั่ง... "คนไทยต้องได้ดูบอลยูโร"

เบื้องหลังคำสั่ง… “คนไทยต้องได้ดูบอลยูโร”

หากจะจัดอันดับความนิยม “มหกรรมกีฬาระดับโลก” ต้องบอกว่า “ฟุตบอลโลก” เป็น “มหากาพย์กีฬา” ที่คนทั้งโลกตั้งหน้าตั้งตารอคอยมากที่สุด รองลงมาน่าจะเป็น “กีฬาโอลิมปิก” ซึ่งจะจัดขึ้นในปลายเดือนหน้าที่ประเทศญี่ปุ่นอันดับต่อมา “ฟุตบอลยูโร” ที่กำลังแข่งขันในช่วงนี้ไม่เฉพาะคนยุโรปเท่านั้นที่รอคอย แต่คนทั้งโลก รวมทั้งคนไทยเฝ้ารอคอยเช่นกัน แต่เนื่องด้วยสถานการณ์โควิดระบาด ทำให้กระแสความตื่นตัวดูจะเงียบเหงากว่าทุกครั้ง

อย่างไรก็ตาม ลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดฟุตบอลยูโร 2020 มีกระแสข่าวมาว่า “ค่ายทรูวิชั่น” ขาใหญ่ช่องกีฬาเปิด “ดีล” ไว้กับ “สหภาพสมาคมฟุตบอลยุโรป” หรือ “ยูฟ่า” ไว้นานแล้ว แต่ยังไม่มีความคืบหน้าซึ่งค่าลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดที่ทางยูฟ่าเสนอมาราคา 18 ล้านยูโร หรือราว ๆ 500 กว่าล้านบาท แต่พอใกล้วันมีข่าวแว่วมาว่าค่ายทรูวิชั่นเสนอกลับไปในราคา 8 แสนยูโร หรือ 20 กว่าล้านบาทเท่านั้น ทางยูฟ่าไม่ตกลง “ดีล” นี้จึงล่ม

แต่จู่ ๆ ก็มีสิ่งที่ไม่คาดฝันในการประชุมครม.เมื่อวันอังคาร ที่ 8 มิถุนายน ที่ผ่านมา “ลุงตู่” พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มีคำสั่งให้ “เสี่ยแฮงค์” อนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ดูแลงานสื่อของรัฐ ที่มีทั้งช่อง 9 อสมท. และช่อง NBT (ช่อง11) ให้หาทางทำอย่างไรก็ได้ เพื่อคนไทยได้ดูฟุตบอลยูโรครั้งนี้ “ลุงตู่” ยังอ้างว่าหากไม่มีการถ่ายทอดสด เกรงว่าแฟนบอลจะพากันรุมด่ารัฐบาล

นั่นแปลว่า ภาระกิจนี้ “เสี่ยแฮงค์” ต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 2 วันเท่านั้น ปกติภาคเอกชนเจรจาต้องใช้เวลาเป็นเดือนจึงเป็นเรื่องที่ยากยิ่งกว่า “เข็นครกขึ้นภูเขา”

เมื่อ​ “เสี่ยแฮงค์”​ รับมอบนโยบายยังคิดไม่ออกว่าจะทำอย่างไร จึงนำเรื่องนี้มาปรึกษา “สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม หนึ่งในแกนนำกลุ่ม 2ส (สมศักดิ์-สุริยะ) เมื่อสุริยะได้ฟังเรื่องราวทั้งหมดก็ยกหูโทรศัพท์ไปหา “พี่ชายสุดที่รัก”​ที่ชื่อ “โกมล จึงรุ่งเรืองกิจ” ทันที โดยเจรจาขอให้ช่วยงานนี้ซึ่ง “เสี่ยโกมล” ก็แสนจะใจดี เมื่อน้องชายอุตส่าห์ต่อสายขอความช่วยเหลือ มีหรือจะปฏิเสธ จึงตอบตกลงทันที

ทำไมต้องเป็น “เสี่ยโกมล” นอกจากจะเป็นพี่ชายรัฐมนตรีในรัฐบาลนี้แล้ว ยังเป็นพ่อของ “เสี่ยโฟม” พงษ์กวิน จึงรุ่งเรืองกิจ” กรรมการบริหาร พรรคพลังประชารัฐ และเป็นทีมที่ปรึกษาของ “อาสุริยะ” ในกระทรวงอุตสาหกรรมอีกด้วย และคนที่มีส่วนผลักดันเรื่องนี้จริง ๆ ก็คือ เสี่ยโฟม และทีมงานเฉพาะกิจ ที่ตั้งขึ้นมาอย่างเร่งด่วน เพื่อปฏิบัติภารกิจนี้โดยเฉพาะ ทีมงานประกอบด้วยนักการเมืองหนุ่มระดับด็อกเตอร์ที่สุริยะไว้ใจ เป็นหัวเรี่ยวหัวแรง มีรองอธิการบดีมหาวิทยาลัยชื่อดังของรัฐ และคนจากกสทช. เพื่อมานั่งอ่านสัญญาของยูฟ่าที่เป็นภาษาอังกฤษกว่า 80 หน้า ชนิดไม่ต้องหลับนอน

เมื่อทีมงานศึกษารายละเอียดเรียบร้อยแล้ว ก็ยื่นเงื่อนไขไปยังยูฟ่าใหม่ ในนามช่อง NBT ที่จะเป็นผู้ที่ถ่ายทอดสด เจรจาต่อรองไม่นาน ในที่สุดตกลงกันได้ในราคา 10 ล้านยูโร หรือ 310 ล้านบาท ซึ่งเงินค่าลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดก็ด้วยความอนุเคราะห์จากผู้ใหญ่ใจดีที่ชื่อ “เสี่ยโกมล” พี่ชายของสุริยะ และพ่อของเสี่ยโฟมนั่นเอง

นี่คือ ที่มาที่ไปของเบื้องหลังความสำเร็จในการเจรจาซื้อลิขสิทธิ์ฟุตบอลยูโร 2020 แบบสายฟ้าแลบ

ถามว่าทำไมเสี่ยโกมลยอมควัก 310 ล้านบาท เม็ดเงินจำนวนนี้ไม่น้อยเลยสำหรับเศรษฐีธรรมดา แต่ก็ไม่มากสำหรับเสี่ยโกมล เพราะเขา คือ ประธาน บริษัท ซัมมิท ไพน์เฮิร์สท กอล์ฟ คลับ จำกัด สนามกอล์ฟชื่อดังระดับประเทศ จึงไม่แปลกใจว่าทำไมต้องมีการแถลงข่าว “คืนความสุขให้คนไทยดูบอลยูโร2020” ที่นี่ และยังเป็นประธาน บริษัท ซัมมิท ฟุตแวร์ จำกัด ผลิตและจำหน่ายรองเท้ายี่ห้อ “แอโร่ซอล์ฟ” ส่วนใหญ่ผลิตเพื่อส่งออกต่างประเทศ และยังมีหุ้นส่วนในธุรกิจของตระกูล

เหนือสิ่งอื่นใด แม้เสี่ยแฮงค์จะเป็นเจ้าของโปรเจกต์ แต่งานนี้ใครก็รู้คนที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จ คือ “สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ” ที่เคยไฝ่ฝันอยากจะนั่งรัฐมนตรีพลังงานแต่ยังไม่สามารถชนะใจ “ลุงตู่” และ “ลุงป้อม” ได้แต่งานนี้ “สุริยะ” ได้ใจลุงป้อม “เต็ม 10 ไม่มีหัก” และ “เสี่ยโกมล”​ พี่ชายก็เป็นพระเอกในสายตาแฟนบอล

งานนี้ทำให้ราคา “สุริยะ”​ และ “อนุชา” พุ่งปรี๊ด ทั้งในสายตาลุงตู่-ลุงป้อม และสมาชิกพรรคพลังประชารัฐทันที แต่อย่าลืม “โลกนี้ไม่มีอะไรฟรี” ก็ต้องจับตาดูกันว่า รายจ่ายกลับคืนนั้นจะเป็นอะไร …. อย่าได้กระพริบตา

ผู้เขียน: ทวี มีเงิน …. นักเขียน นักหนังสือพิมพ์ คอลัมนิสต์ อดีตบรรณาธิการหนังสือพิมพ์ธุรกิจยักษ์ใหญ่ ผู้คร่ำหวอดในวงการสื่อหนังสือพิมพ์ธุรกิจมากว่า 30 ปี

STAY CONNECTED

0แฟนคลับชอบ
440ผู้ติดตามติดตาม
spot_img

Lastest News

MUST READ