บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) หรือ NT ร่วมกับ บริษัท ลอคบอกซ์ กรุ๊ป จำกัด เปิดตัว ‘บริการรับฝากส่งพัสดุนวัตกรรม Pick Up & Drop Off (PUDO) ภายใต้คอนเซปต์ “ส่งง่าย รับง่าย จ่ายถูก”’ ให้บริการตู้ล็อกเกอร์รับฝากส่งพัสดุ ณ ศูนย์บริการลูกค้า NT สำนักงานแจ้งวัฒนะ เดินหน้าขยายจุดให้บริการเพิ่มมากกว่า 10 แห่ง ที่ศูนย์บริการ NT ใกล้บ้าน พร้อมกันนี้ Lock Box ยังมีแผนการขยายสาขาให้บริการครอบคลุมกว่า 1,000 จุดทั่วกรุงเทพฯ สู่การให้บริการในเขตชุมชน สนองตอบความต้องการใช้งานที่เปลี่ยนแปลงในยุคดิจิทัล
สมยศ ธนพิรุณธร รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานขายและปฏิบัติการลูกค้า 1 NT เปิดเผยว่า ความร่วมมือในครั้งนี้ เป็นส่วนหนึ่งในการขยายการดำเนินธุรกิจของ NT ที่จะนำศักยภาพที่แต่ละองค์กรมีอยู่ มาร่วมกันขยายธุรกิจให้เกิดประโยชน์ในมิติต่าง ๆ ต่อผู้ใช้บริการ
“NT นำทรัพยากรที่ดินและอาคารในพื้นที่ต่าง ๆ ที่มีอยู่กว่า 1,000 แห่งในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล เช่น อาคารศูนย์บริการลูกค้า อาคารชุมสายโทรศัพท์เดิม ฯลฯ มาพัฒนาการให้บริการติดตั้งตู้ล็อคเกอร์อัจฉริยะรับฝากส่งพัสดุของ Lock Box ที่สามารถเข้าถึงผู้ใช้บริการในพื้นที่ต่าง ๆ ได้มากขึ้น เบื้องต้นได้เริ่มติดตั้งตู้และเปิดทดลองให้บริการใน 2 จุดได้แก่ ศูนย์บริการลูกค้า NT สาขาแจ้งวัฒนะ และศูนย์บริการลูกค้า NT สาขาคลองเตย
โดยภายใน 3 เดือนจะมีการขยายการให้บริการไปยังศูนย์บริการอีก 7 แห่ง และภายในสิ้นปี 66 ตั้งเป้าหมายว่าจะขยายได้เกิน 10 แห่ง โดยในอนาคตยังมีแผนร่วมกันที่จะขยายพื้นที่ไปสู่การให้บริการตามตู้ชุมสายโทรศัพท์เดิมตามเป้าหมาย Lock Box มากกว่า 1,000 แห่ง ซึ่งมากกว่าครึ่งอยู่ในจุดที่เป็นชุมชน จึงเหมาะที่จะนำมาพัฒนาเพื่อรองรับความต้องการใช้งานของกลุ่มลูกค้าทั่วไปในวงกว้าง
อิทธิชัย พูลวรลักษณ์ ผู้ก่อตั้งและซีอีโอ บริษัท ลอคบอกซ์ กรุ๊ป จำกัด เปิดเผยว่า Lock Box เป็นผู้ให้บริการล็อคเกอร์เจ้าแรกของไทย ที่สามารถรวบรวมหลากหลายบริการของลูกค้ากลุ่ม E-Commerce ได้ครบวงจรภายในตู้เดียว ทั้งบริการ รับ-ฝาก-ส่งพัสดุด่วน, บริการ COD, บริการ Return Parcel, บริการรวมขนส่งในที่เดียว และบริการอื่น ๆ จุดแข็งของ Lock Box คือ ความปลอดภัย ประสิทธิภาพขนส่ง เทคโนโลยีที่สะดวก ใช้งานง่าย และมีจุดให้บริการครอบคลุมซึ่งสามารถใช้งานได้ตลอด 24 ชั่วโมง ความร่วมมือกับ NT ในครั้งนี้ ถือเป็นการนำจุดแข็งที่มีเข้าไปตอบโจทย์ และเติมเต็มตลาดอีคอมเมิร์ซได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
“Lock Box มีระบบที่สามารถให้ความมั่นใจในการใช้งานด้วยการผูกหมายเลขโทรศัพท์ ระบบลายนิ้วมือ กล้องวงจรปิด ไว้บนคลาวด์ทั้งหมดตั้งแต่วันแรกที่เริ่มทำธุรกิจ ทำให้สามารถเก็บบันทึกภาพได้ 60 วัน พร้อมกับจัดให้มีระบบคอลเซ็นเตอร์ 24 ชั่วโมง เพื่อช่วยอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ใช้บริการอย่างมีประสิทธิภาพ สำหรับในอนาคต Lock Box มีแผนที่จะขยายบริการให้เป็น 1,000 สาขาในปี 2566 นี้ ซึ่งการได้จับมือกับพันธมิตรที่มีความพร้อมในเรื่องของสถานที่ รวมทั้งมีความเข้าใจใน Trend ของเทคโนโลยีต่าง ๆ ที่เปลี่ยนไปอย่าง NT ถือเป็นส่วนสำคัญที่จะสนับสนุนให้ milestone บรรลุตามเป้าหมายที่กำหนดไว้”
ข่าวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
เซ็นทรัลกรุ๊ป ผนึก J. Front Retailing ยกระดับธุรกิจรีเทล เชื่อมโยงเครือข่ายไทย-ญี่ปุ่น
Ripple สยายปีกบล็อกเชนและสินทรัพย์ดิจิทัล ปูพรม “Internet of Value” สู่เอเปค
