หลัง ๆ มานี้ผมรู้สึกเหมือนมีเหตุการณ์ซ้ำ ๆ ที่กระตุ้นความคิดอ่านผม ความคิดที่ว่า “ฝันให้ไกล ไปให้ถึง” หรือการสร้างแรงบันดาลใจให้กับตัวเอง
เรื่องการกำหนดเป้าหมาย เป็นสิ่งสำคัญที่ผมคิดว่าไม่แต่เฉพาะเรื่องงานเท่านั้น แต่หมายถึงการดำรงชีวิตของคนเราด้วย มนุษย์เราไม่สามารถดำเนินชีวิตไปตามอารมณ์ ไปตามสภาวะการณ์โดยปราศจากเป้าหมาย
เป้าหมายเป็นสิ่งที่เรากำหนดสิ่งที่เราตั้งใจ สิ่งที่เราต้องการที่อยากจะทำ อยากจะเป็น ซึ่งจะถูกทดสอบด้วยความ”แน่วแน่” ว่าสิ่งที่เราต้องการนี้ เริ่มต้นด้วยความฝัน แล้วจะเปลี่ยนไปเรื่อย ๆ ตามวัย ตามประสบการณ์ที่เข้ามากระทบ หรือมุ่งมั่นจริงจังที่จะทำให้ได้ ไม่ว่าเวลาจะเปลี่ยนไปอย่างไร
เรื่องนี้เป็นเรื่องแรกและเป็นเรื่องยากที่สุด ความมุ่งมั่นมักจะเปลี่ยนไปไม่สิ้นสุด เมื่อมันยัง “ไม่ใช่” แปลกไหมที่จะเปลี่ยนไปไม่สิ้นสุด ไม่แปลกหรอกครับถ้าคุณยังไม่นิ่ง แต่จะแปลกมากหากมันไม่สิ้นสุด จริงไหม
มันจึงต้องตามด้วยการกำหนดเวลาว่าจะทำให้ได้ตามเป้าหมายนี้เมื่อไร แน่นอนต้องสอดคล้องกับความเป็นจริง ไม่ต้องถึงกับกำหนดช่วงเวลาที่ยาวนานมาก แต่กำหนดเป็นช่วง ๆ อย่างปีสองปีนี้จะทำได้แค่ไหน แล้วค่อยขยับไปเรื่อย ๆ
ผมนึกถึงตัวเองเมื่อหลายปีก่อน ตอนเริ่มทำงานแรก ๆ ตั้งเป้าว่าจะมีเงินแสนให้ได้ภายใน 5 ปี ในตอนนั้น ผมคิดอย่างไรกับจำนวนเงินกับเวลา ว่าเอาอะไรมายืนยันว่าผมทำได้
สมัยนั้นเงินเดือนหมื่นต้น ๆ บอกกับตัวเองว่าเก็บไว้ 50% ของเงินที่หาได้ ผ่านไปสักปีหนึ่ง ก็น่าจะมีเงินออมเกือบแสนผ่านไปสัก 5 ปี อย่างน้อย ๆ น่าจะมีเงินเกือบครึ่งล้านที่จะลงทุนทำอะไรได้
ดูดีนะครับตอนเริ่มต้นคิด แต่สุดท้ายไปไม่ถึงเป้าหมาย
วัยเริ่มต้นทำงานกับเป้าหมายที่จะสะสมเงินสักก้อนเพื่อสร้างโอกาสให้กับตนเอง กลับไปไม่ถึงเป้าหมาย ทั้งที่ไม่ได้คิดอะไรใหญ่โตมโหฬารเลย
ไม่บรรลุเป้าหมายเพราะ “แพ้ใจ” ตัวเองครับ 2-3 เดือนแรกนะพอไหว แต่พอผ่านไปเริ่มต่อรองกับตัวเองจาก 50% ขอลดลงตอดนิดตอดหน่อย จนสุดท้ายเหลือไม่ถึง 10%
มีเป้าหมาย กำหนดระยะเวลา แต่ไปไม่ถึง….เพราะเป้าหมายไกลไปไหม ความพยายามในการไป…ไม่ถึง
และเมื่อทำไม่ได้ ก็ไม่มีความพยายามที่จะเริ่มต้น “อีกครั้ง” หรือจะเรียกว่าปรับปรุงข้อผิดพลาดเพื่อเริ่มต้นใหม่
เวลาก็มีผลกับการตั้งเป้าหมาย อย่างคนรุ่นผม เมื่อทำงานสักระยะหนึ่ง จะคิดเรื่องการมีบ้านเป็นของตนเองด้วยความเชื่อว่าที่อยู่อาศัยที่เป็นของตัวเอง คือรางวัลความสำเร็จ ขณะที่คนยุคนี้ เขามองเรื่องความมั่นคงคือการสะสม asset ที่คล่องตัว เปลี่ยนได้ง่าย ผลตอบแทนที่เห็นเป็นรูปร่างมากกว่าการก้มหน้าก้มตาผ่อนบ้านไปทุกเดือน พอเงยหน้าขึ้นมาอีกที เกษียณอายุเสียแล้ว
ขณะที่คนรุ่นใหม่ เขาอาจจะไม่ไปผ่อนบ้านซึ่งใช้ระยะเวลานับสิบปี แต่อาจเลือกลงทุนไปกับคริปโต หรือการลงทุนในตลาดทุน ที่เห็นผลตอบแทนได้ในระยะเวลาที่สั้นกว่า โดยเลือกที่จะเช่าบ้าน หรืออาศัยกับพ่อแม่ไปเรื่อย ๆ
แต่ไม่ว่าจะเลือกแบบไหนในวัยไหน สิ่งสำคัญที่เหมือนกันทุกวัย คือ ไม่ทุ่มเทในคราวเดียวจนหมด การลงทุนนะครับ ไม่ใช่การพนัน และต้องเป็นเงินเย็นไม่ใช่เงินร้อนที่ไปหยิบยืมคนอื่นมา ต้นทุนจะสูงกว่าเมื่อมาคำนวณกับผลตอบแทน
ปัญหาของการตั้งเป้าหมาย อยู่ที่ขนาดของเป้าหมาย เวลาและความมุ่งมั่น
ความมุ่งมั่นนี่แหละคือความสำคัญ ทำให้สิ่งที่ดูเหมือนเป็นไปไม่ได้ให้กลายเป็นเรื่องที่เป็นไปได้
การจัดการกับความมุ่งมั่นเป็นได้ทั้งตัวเสริมและตัวทำลายเป้าหมายที่ตั้งใจไว้ และผมเชื่อว่าเป้าหมายเล็ก ๆ หากทำได้ เป้าหมายใหญ่ ๆ ก็ไม่ไกลเกินฝัน
เป้าหมายที่เราตั้งขึ้นมา หลาย ๆ ครั้งเราไม่ได้คิดเองหรอกครับ เราจำเราเรียนรู้จากเขามา เห็นตัวอย่างเขาแล้วก็อยากทำเหมือนเขา แต่ถ้าหากความมุ่งมั่นไม่เหมือนเขา ก็ทำไม่ได้เหมือนเขา
การเรียนรู้ความสำเร็จของคนอื่น จึงต้องดูความล้มเหลวของว่าเขาใช้อะไรจึงผลักตัวเองให้ทำตามเป้าหมายได้
และหากตั้งเป้าหมายแล้วทำไม่ได้ติดต่อกันหลายครั้ง ทั้งที่ตัวเองเชื่อว่า “ความมุ่งมั่น” ที่ตัวเองมีอยู่ไม่ได้ลดลงเลย
ลอง “อยู่กับสิ่งที่มี ไม่ใช่สิ่งที่หวัง” ดีไหมครับ
บางคนอาจจะแย้งว่า เท่ากับยอมรับไม่สู้ต่อหรือ
อยู่ที่แต่ละท่านครับจะฝันให้ไกลแล้ว(พยายาม)ไปให้ถึง หรือจะอยู่กับสิ่งที่มี ไม่ใช่สิ่งที่ฝัน สำคัญที่เลือกแบบไหน ก็ทำด้วยความเต็มใจและตั้งใจ
เราดำรงชีวิตโดยไม่มีเป้าหมายไม่ได้หรอกครับ!!
คอลัมน์: Personal Finance ที่ผมรู้จัก (แต่ทำไม่ได้) EP6