TH | EN
TH | EN
หน้าแรกColumnist"วัคซีน" อาวุธลับ... ฟื้นเศรษฐกิจ

“วัคซีน” อาวุธลับ… ฟื้นเศรษฐกิจ

เป็นเวลากว่าปีที่โลกต้องสู้กับไวรัสโควิด-19 ระบาด แม้จะยังไม่เห็นชัยชนะอย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด แต่หลาย ๆ ประเทศก็เริ่มเห็น “แสงสว่างปลายอุโมงค์” หลังจากที่ประเทศยักษ์ใหญ่อย่างอังกฤษ สหรัฐฯ เยอรมัน จีน และอินเดีย เริ่มประสบความสำเร็จในการผลิตวัคซีนฉีดป้องกันเชื้อโควิด-19

มีหลายประเทศเริ่มระดมฉีดให้ประชาชน โดยอิสราเอลเป็นประเทศแรก ล่าสุดสามารถฉีดได้มากกว่า 90% ของคนของเขาแล้ว ตามมาด้วย UAE อังกฤษ และสหรัฐฯ ที่คนส่วนใหญ่ได้รับวัคซีนแล้ว ทำให้จำนวนผู้ป่วยรายใหม่ในประเทศเหล่านี้ลดลงอย่างน่าพอใจ

-ไอเดียสำคัญกว่าเงิน … เคล็ดลับธุรกิจ “พี่โทนี่”
-ถอดรหัสเจ้าสัวซีพี ติวเข้ม “คาถาฝ่าวิกฤติ”

การที่จำนวนผู้ติดเชื้อลดลงย่อมมีความสำคัญต่อเศรษฐกิจอย่างมาก อย่างที่รู้ ๆ กันว่าวิกฤติครั้งนี้ ไม่ได้เกิดจากความอ่อนแอทางเศรษฐกิจเหมือนหลาย ๆ ครั้งในอดีต แต่มีสาเหตุหลักมาจากปัจจัยด้านสุขภาพ คือ เชื้อไวรัสที่ทำให้คนกลัว ไม่กล้าใช้ชีวิตตามปกติ นั่นแปลว่า ถ้าโควิด-19 ยังระบาดไม่มีอะไรมารักษา เศรษฐกิจก็จะไม่สามารถฟื้นตัวได้ 

หันไปมองประเทศอื่นแล้วย้อนกลับมามองบ้านเรารู้สึกใจหาย แม้ว่าในช่วงโควิด-19 ระบาดใหม่ ๆ ประเทศไทยได้รับคำยกย่องจากองค์การอนามัยโลกและประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกว่ารับมือกับการระบาดโควิด-19 ได้ดีอันดับ 4 ของโลก แต่พอมาดูขีดความสามารถในการจัดหาวัคซีนกลายเป็น “หนังคนละม้วน” เข้าตำราม้าตีนต้น แต่แผ่วปลาย ทั้งล่าช้า ทั้งสร้างความสับสน และมีประเด็นให้สังคมต้องตั้งคำถามมากมาย

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ประเด็นการกระจายการฉีดวัคซีน ยิ่งสร้างความกังขา เมื่อโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งประกาศจะนำเข้าวัคซีนมาบริการประชาชน แต่ก็ถูกเบรกหัวทิ่ม แม้ต่อมามีข่าวว่าจะเปิดโอกาสให้โรงพยาบาลเอกชนสามารถนำเข้าวัคซีนมาบริการประชาชนได้ก็ตาม แต่ก็ยังไม่มีอะไรคืบหน้า ทั้งที่มีข่าวว่าโรงพยาบาลเอกชนบางแห่งพร้อมทำเพื่อชาติโดยนำเข้าวัคซีนมาบริการประชาชนด้วย “ราคาต้นทุน” แต่ก็ยังไม่มีเสียงขานรับจากภาครัฐแต่อย่างใด

น่าเป็นห่วงว่า หากรัฐบาลยังจำกัดให้มีการนำเข้าโดยหน่วยงานรัฐและบริษัทเอกชนเท่าที่มีอยู่ ในขณะนี้ไม่รู้ว่าจะรับมือสถานการณ์การแพร่ระบาดรอบ 2 ที่อาจจะกลายเป็นการระบาดรอบ 3 ได้ทันหรือไม่ และจะทันกับความเสียหายทางเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ระบาดหรือไม่

อย่าลืมว่า เส้นเลือดใหญ่ทางเศรษฐกิจของไทยต้องพึ่งพารายได้จาก “ท่องเที่ยว” ซึ่งทุกวันนี้อยู่ในสภาพ “ไปไม่กลับ-หลับไม่ตื่น-ฟื้นไม่มี” มากว่าปีแล้ว รายได้จากการท่องเที่ยวก่อนที่มีโควิด-19 ระบาดมีสัดส่วน 12-15% ของจีดีพี มีแรงงานที่อยู่ในวงจรนี้ราว 10 ล้านคน แต่ถ้ารวมแรงงานที่อยู่ในธุรกิจเกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยวและบริการอาจจะมีราว ๆ 20 ล้านคน แต่ทุกวันนี้แรงงานเหล่านี้ไม่มีงานทำ ต้องตกงาน เนื่องมาจากธุรกิจท่องเที่ยวและบริการปิดกิจการ

สถิติตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างประเทศเข้ามาเที่ยวในบ้านเราก่อนโควิด-19 ระบาดมีประมาณ 40 ล้านคน/ปี ในปีที่ผ่านมา นักท่องเที่ยวต่างประเทศที่มาเที่ยวเกือบจะเป็น 0 ปี 64 นี้ คาดว่าไม่เกิน 5-6 ล้านคน รายได้ก็ราว 5-6 หมื่นล้านบาท เทียบกับช่วงก่อนโควิด-19 ระบาดแทบไม่เห็นฝุ่น ก็คงมีแต่นักท่องเที่ยวไทยที่รัฐบาลพยายามรณรงค์ในโครงการเราเที่ยวด้วยกันแต่ก็แค่ “น้ำจิ้ม” ไม่ใช่ “เมนคอร์ส”

จึงฟันธงว่า “พระเอก” ที่จะช่วยปลุกเศรษฐกิจไทยให้ฟื้นกลับมาได้ ไม่ใช่มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลที่ “ลด-แลก-แจก-แถม” ไม่ว่าจะเป็นโครงการ เราเที่ยวด้วยกัน-เราชนะ-เรารักกัน หรือโครงการ “คนละครึ่ง” ซึ่งเป็นการเยียวยาชั่วคราว เพื่อ “ซื้อเวลา” รอให้เศรษฐกิจฟื้น มาตรการเหล่านี้ไม่ใช่พระเอก อย่างดีก็เป็นแค่ “พระรอง” หากรัฐบาลจะให้เศรษฐกิจไทยปี 64 เป็นไปตามที่ตั้งเป้าราว 2.6% ของจีดีพี มีทางเดียวเท่านั้น คือ ประชาชาชนจะต้องได้รับ “วัคซีน” อย่างทั่วถึงและต้องเร็วที่สุดเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่จะเข้ามาเที่ยว

ขณะเดียวกันรัฐบาลจะต้องหาทางที่จะดึงนักท่องเที่ยวจากประเทศที่มีการฉีดวัคซีนเป็นส่วนใหญ่ เช่น ในยุโรป สหรัฐฯ ญี่ปุ่น ฮ่องกง สิงคโปร์ ออสเตรเลีย รวมถึงจีน ซึ่งเป็นลูกค้าหลัก ซึ่งรัฐต้องลดขั้นตอนการเข้ามาของนักท่องเที่ยวแต่ต้องยึดหลักความปลอดภัยให้มากที่สุด จึงจะช่วยภาคท่องเที่ยวและเศรษฐกิจโดยรวมฟื้นตัวได้

มีผู้รู้เล่าให้ฟังว่าถ้ามีการฉีดวัคซีนอย่างทั่วถึง สมมติ ค่าวัคซีน 1 บาท จะช่วยลดค่าใช้จ่ายทางการแพทย์ อาทิ ค่าตรวจหาเชื้อ ค่ารักษา ค่าอุปกรณ์ป้องกัน ได้ถึง 40 บาท แต่ถ้ารวมการลดผลกระทบทางเศรษฐกิจด้วย จะได้ผลตอบแทนคืนมาถึง 100 บาทเลยทีเดียวจึงไม่แปลกใจทำไมรัฐบาลหลาย ๆ ประเทศจึงเร่งระดมฉีดวัคซีนให้ประชาชนของเขาได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ

เหนือสิ่งใดรัฐบาลต้องสร้างความเชื่อมั่นกับประชาชนในการเข้ารับการฉีดวัคซีน อย่าให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอยอย่างกรณี “ครม.” ต้องเลื่อนการฉีดวัคซีนกระทันหันเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา

ทวี มีเงิน

ภาพประกอบจาก Brickinfo Media via Shutterstock

STAY CONNECTED

0แฟนคลับชอบ
440ผู้ติดตามติดตาม
spot_img

Lastest News

MUST READ