TH | EN
TH | EN
หน้าแรกColumnist0G อนาคตของสมาร์ทซิตี้

0G อนาคตของสมาร์ทซิตี้

ปกติเรามักจะคุ้นเคยกับโครงข่าย 2G/3G/4G หรือ 5G ยิ่งตัวเลขมากขึ้นเท่าไร ยิ่งดูทันสมัยมากขึ้น เท่านั้น แต่ความจริงแล้วยังมีโครงข่ายที่เรียกว่า “0G” ซึ่งเป็นโครงข่ายมหัศจรรย์ ที่กว่า 72 ประเทศทั่วโลกยอมรับและนำมาใช้ช่วยยกระดับการพัฒนาประเทศ เพิ่มศักยภาพให้กับภาคธุรกิจอุตสาหกรรมต่าง ๆ ที่ผ่านมาผมจึงมักจะถูกสอบถามจากผู้ประกอบการหลายรายว่า “ทำไมเราถึงพัฒนา Internet of Things (IoT) บน โครงข่ายของ 0G และ 0G ดีกว่าโครงข่ายอื่นอย่างไร?” 

เวลาเจอคำถามนี้ ผมมักจะเปรียบเทียบประสิทธิภาพของแต่ละโครงข่ายกับรถบนถนน ถ้าตัวเลขยิ่งสูงเท่าไร ก็คือรถที่มีสมรรถนะสูง ขับได้เร็ว หรือสามารถขนสัมภาระได้มาก แต่ข้อเสียก็คือกินน้ำมันมาก โครงข่าย 0G ผมจะเปรียบกับรถจักรยานยนต์ที่อาจจะวิ่งช้ากว่ารถขนของ บรรทุกสัมภาระได้น้อยกว่า แต่มีความคล่องตัวกว่า และประหยัดน้ำมันมากกว่า ซึ่งถ้าเราเลือกรถหรูประสิทธิภาพสูง เราก็ต้องลงทุนสูงตามไปด้วย ขณะที่การใช้งานจริงต้องการรถมอเตอร์ไซค์ที่ลงทุนก็น้อยกว่าและยังตอบโจทย์การใช้งานได้ดีมากกว่า

เหมือนกับการลงทุนโครงข่าย ความถี่ยิ่งสูง ยิ่งต้องลงทุนมาก ทั้งที่การรับส่งข้อมูลนั้น ไม่จำเป็น ต้องใช้คลื่นความถี่สูงเหล่านั้นเลย คลื่นความถี่ต่ำแบบ 0G กลับตอบโจทย์กว่า เพราะมีความเสถียร และปลอดภัยสูง อีกทั้งมีข้อจำกัดในการรับ-ส่งข้อมูลน้อยกว่าแต่ครอบคลุมพื้นที่ได้มากกว่า

ลักษณะการทำงานของโครงข่าย 0G คือ อุปกรณ์ IoT จะส่งสัญญาณข้อมูลไปที่ base station ใน sleep mode จึงปิดช่องโหว่ป้องกันการถูกเจาะระบบจากแฮกเกอร์ได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ สัญญาณที่ถ่ายทอดผ่านโครงข่าย 0G จะไม่เชื่อมต่อกันตลอดเวลา ระบบจึงไม่อ่อนไหวกับการถูกโจมตีจากคนนอก ข้อดีอีกอย่างคือ 0G ใช้พลังงานน้อยมาก ดังนั้น อายุการใช้งานของแบตเตอรี่อุปกรณ์ IoT จึงอยู่ได้นานเป็นปี ๆ โดยไม่ต้องเปลี่ยนบ่อย

0G คือ อนาคตของสมารท์ซิตี้ 

สำหรับประเทศไทย รัฐบาลได้วางนโยบายขับเคลื่อนประเทศ เพื่อมุ่งสู่ผู้นำด้านการพัฒนาเมืองอัจฉริยะในภูมิภาค จากข้อมูลสำนักงานเมืองอัจฉริยะประเทศไทย ระบุเป้าหมายไว้ว่าภายในปี 2564 จะขยายเมืองอัจฉริยะให้ได้กว่า 60 เมืองใน 30 จังหวัด โดยมีปัจจัยสำคัญสู่ความสำเร็จ ไม่ว่าจะเป็น ระบบการเชื่อมโยง การสื่อสารทั่วถึง มีอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงที่เพียงพอต่อการใช้งาน รวมถึง IoT และระบบเซ็นเซอร์มาเชื่อมต่อระหว่างโครงสร้างทางกายภาพกับโครงสร้างทางดิจิทัล รับส่งและรวบรวมข้อมูลจากส่วนต่าง ๆ มาทำการวิเคราะห์ประมวลผลแบบอัตโนมัติ และนำไปบริหารจัดการทรัพยากรต่าง ๆ ที่มีอยู่ให้ใช้งานได้อย่างคุ้มค่ามากขึ้น สร้างประโยชน์ต่อประชากรที่อาศัยอยู่มากยิ่งขึ้น

เมืองอัจฉริยะ จะต้องใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่ชาญฉลาด และเพื่อเอาชนะอุปสรรคดังกล่าว องค์กรปกครองท้องถิ่นที่ต้องนำโซลูชัน IoT มาใช้จำเป็นต้องพิจารณาเรื่องเครือข่ายและเทคโนโลยี โดยต้องวางแผนลงทุนเพื่อวันข้างหน้า คำนึงถึงการบริหารค่าใช้จ่าย และอีกปัจจัยสำคัญคือด้านความปลอดภัยระดับสูงสุด ซึ่งตัวเลือกหนึ่งที่สามารถตอบโจทย์ครบครัน คือ เครือข่าย 0G

การเชื่อมต่ออุปกรณ์ IoT เข้ากับเครือข่าย 0G มีความโดดเด่นที่สามารถส่งข้อความขนาดสั้นได้อย่างต่อเนื่องช่วยให้หน่วยงานรับผิดชอบของเมืองอัจฉริยะจัดเก็บข้อมูลเชิงลึกที่สามารถนำไปช่วยตัดสินใจในการบริหารจัดการเมืองด้วยต้นทุนที่ต่ำกว่าตัวเลือกเครือข่ายรูปแบบเดิมอย่างมาก

นอกจากนี้ เครือข่าย 0G ใช้พลังงานในการรับส่งข้อมูลต่ำ จึงมีอายุการใช้งานแบตเตอรี่ที่ยาวนานขึ้นและไม่จำเป็นต้องบำรุงรักษาเป็นประจำ ส่งผลให้อุปกรณ์ทำงานได้อย่างราบรื่นและประหยัดค่าใช้จ่ายทั้งระบบ 

เครือข่าย 0G ยังถูกออกแบบสำหรับใช้กับอุปกรณ์ IoT มีโซลูชัน และชุดอุปกรณ์เซ็นเซอร์สำเร็จที่หลากหลาย เหมาะสมพร้อมใช้งานเพื่อพัฒนาเมืองอัจฉริยะ และสามารถใช้ข้อมูลที่รวบรวมได้ในการช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิตของพลเมือง เช่น การบริหารจัดการของเสียในชุมชน ไปจนถึงสมาร์ทโซลูชันเรื่องความปลอดภัยและสิ่งแวดล้อม

นอกจากนี้ ยังสามารถปรับใช้กับแพลตฟอร์มการทำงานที่หลากหลายไม่ว่าเป็นด้านบริการสุขภาพ เกษตรกรรม พลังงาน หรือระบบขนส่งและโลจิสติสก์ ซึ่งสอดคล้องกับหลักเกณฑ์ของการเป็นเมืองอัจฉริยะ 

ด้านความปลอดภัยของข้อมูล เครือข่าย 0G ใช้รูปแบบการสื่อสารทางเดียว โดยเมื่ออุปกรณ์ IoT ส่งข้อมูลไปยังสถานีฐานแล้วตัวอุปกรณ์จะเข้าสู่โหมดสลีป (sleep mode) ทันที ต่างจากระบบการสื่อสารแบบสองทางที่มักจะปรากฎหน้าต่างขนาดเล็กซึ่งเปิดโอกาสให้แฮกเกอร์สามารถเจาะเข้าไปในเครือข่ายและเข้าควบคุมอุปกรณ์ได้

ปัจจุบันโครงข่ายบริการ (Base Station) ของ 0G ครอบคลุมทั่วประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่กรุงเทพฯ ปริมณฑล และจังหวัดต่างๆ ในโครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ตามแผนยุทธศาสตร์ไทยแลนด์ 4.0

สมาร์ทซิตี้ในหลาย ๆ ประเทศก็ใช้โครงข่าย 0G ในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของพลเมือง ยกตัวอย่างเช่น ประเทศสเปนมีการติดตั้งอุปกรณ์ IoT กับไฟบนถนน ทำให้รัฐบาลสามารถเก็บข้อมูลการใช้ไฟ เพื่อนำมาใช้ ในการวางแผนการใช้ไฟให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น รวมถึงวางแผนการซ่อมบำรุงในแต่ละจุดล่วงหน้าโดยระบบอัตโนมัติ

ประเทศอังกฤษมีการติดตั้งเซ็นเซอร์เพื่อแจ้งเตือนการรั่วไหลของน้ำในบ้านและตึกต่าง ๆ ทำให้การบริหารจัดการน้ำมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น หรือประเทศเดนมาร์กนำเซ็นเซอร์ไปติดตั้งกับถังขยะสาธารณะ เมื่อถังขยะเต็มก็จะส่งข้อมูลแจ้งเตือน ทำให้ระบบการบริหารจัดการขยะดีขึ้น สภาพแวดล้อมสะอาด ส่งผลให้พลเมืองมีสุขอนามัยที่ดีขึ้นอีกด้วย

อย่างไรก็ตาม IoT จะสามารถแสดงศักยภาพได้เต็มที่ ก็ต่อเมื่อมีการใช้งานในสเกลที่ใหญ่ และมีประสิทธิภาพมากพอ หากเจ้าหน้าที่รัฐเลือกที่จะพัฒนาสมาร์ทซิตี้บนโครงข่าย 0G จะสามารถใช้เม็ดเงินลงทุนน้อยกว่าโครงข่ายอื่นหลายเท่า มีความปลอดภัยสูงกว่า อีกทั้งตัวอุปกรณ์เซ็นเซอร์ก็สามารถติดตั้งง่าย และทุกคนสามารถเรียนรู้การใช้งานได้อย่างรวดเร็ว

ด้วยเหตุผลที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ คงไม่มีใครปฏิเสธแล้วว่า 0G คือ หัวใจของ IoT และการพัฒนาสมาร์ทซิตี้ ได้อย่างแท้จริง โดย บริษัท ติงส์ ออน เน็ต จำกัด ในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้าน IoT มองว่า เครือข่าย 0G เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับการขับเคลื่อนการพัฒนาเมืองอัจฉริยะ ให้เต็มรูปแบบ ภายใต้นโยบาย Thailand 4.0 ที่มุ่งยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนคนไทยให้ดีขึ้น

Content Contributor: บริษัทติงส์ออนเน็ตจำกัด (TON) ผู้นำไอโอทีโซลูชันครบวงจร ให้บริการครอบคลุมการให้คำปรึกษา การกำหนดกลยุทธ์ การวิเคราะห์ข้อมูลด้านไอโอที รองรับการใช้งานอุปกรณ์และบริการ Internet of Things อย่างเต็มรูปแบบ เพิ่มขีดความสามารถให้กับหลากหลายอุตสาหกรรม ทุกธุรกิจตั้งแต่ B2B จนถึง B2C

STAY CONNECTED

0แฟนคลับชอบ
440ผู้ติดตามติดตาม
spot_img

Lastest News

MUST READ