TH | EN
TH | EN
หน้าแรกColumnistBitkub OnlineLightning Network คืออะไร รู้จักผู้เสริมความเร็วระดับอัสนีให้ Bitcoin

Lightning Network คืออะไร รู้จักผู้เสริมความเร็วระดับอัสนีให้ Bitcoin

ราชาแห่งสกุลเงินดิจิทัลอย่าง Bitcoin แม้จะครองตำแหน่งนี้มานานกว่าทศวรรต แต่ความสามารถในการปรับขนาด (Scalability) ของมันก็เป็นประเด็นที่ถูกพูดถึงบ่อย ๆ นั่นเพราะว่า Bitcoin มีขีดจำกัดในการประมวลผลธุรกรรม ส่งผลให้เกิดความแออัดและค่าธรรมเนียมสูง ซึ่งเป็นปัญหาที่ทำให้ไม่เกิดการใช้งาน Bitcoin เป็นวงกว้างอย่างที่คาดหวัง

เพื่อที่จะแก้ปัญหาดังกล่าว Lightning Network จึงถือกำเนิดขึ้น และเราจะมาทำความรู้จักโซลูชันการปรับขนาดที่โดดเด่นที่สุดของ Bitcoin กันในบทความนี้

Lightning Network คืออะไร?

Lightning Network เป็นโปรโตคอลการชำระเงินแบบ Off-chain แบบกระจายศูนย์ที่ทำงานบน บล็อกเชนของ Bitcoin มีหน้าที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถทำธุรกรรมได้รวดเร็วและมีค่าธรรมเนียมถูกลงด้วยการสร้างเครือข่ายช่องทางการชำระเงินระหว่างผู้ใช้ ช่องทางการชำระเงินเหล่านี้ช่วยให้ผู้ใช้สามารถทำธุรกรรมนอกเครือข่ายได้ (Off-chain) จึงสามารถช่วยลดภาระให้กับบล็อกเชนหลักได้

ใครคือผู้สร้าง Lightning Network?

แนวคิดของ Lightning Network ถูกเปิดเผยครั้งแรกผ่าน Whitepaper เมื่อปี 2015 เขียนโดย Joseph Poon และ Thaddeus Dryja ซึ่งพวกเขาได้เสนอวิธีแก้ปัญหาความสามารถในการปรับขนาดของ Bitcoin ซึ่งเป็นการวางรากฐานไปสู่การพัฒนาของ Lightning Network

ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ชุมชนนักพัฒนาได้ทำงานอย่างหนักเพื่อปรับแต่งและนำ Lightning Network ไปใช้ โดยมีองค์กรที่โดดเด่นอย่าง Blockstream และ Lightning Labs ที่ได้มีส่วนร่วมอย่างมากในการพัฒนาและนำ Lightning Network ไปใช้จริง

Lightning Network ทำงานอย่างไร?

Lightning Network ใช้สัญญาอัจฉริยะ (Smart contract) เพื่อสร้างช่องทางการชำระเงินระหว่างผู้ใช้ ช่องทางเหล่านี้เป็นเหมือนพื้นที่ส่วนตัวที่อนุญาตให้ผู้ใช้รับส่ง Bitcoin ได้โดยไม่ต้องบันทึกทุก ๆ ธุรกรรมลงบนบล็อกเชนหลัก ธุรกรรมภายในช่องเหล่านี้จะถูกสรุปและส่งไปบันทึกบนบล็อกเชนหลักเมื่อปิดช่องเท่านั้น

ตัวอย่าง: A กับ B ต้องการทำธุรกรรมโดยใช้ Lightning Network พวกเขาเปิดช่องทางการชำระเงินด้วยการสร้างรายการธุรกรรมแบบหลายลายเซ็น (Multi-signature) บนบล็อกเชนของ Bitcoin รายการธุรกรรมนี้จะทำการล็อกเงินของพวกเขาในที่อยู่ที่ใช้ร่วมกันไว้ A กับ B จึงสามารถทำธุรกรรมระหว่างกันผ่านช่องทางดังกล่าวได้โดยไม่ต้องใช้บล็อกเชนหลัก

ในกรณีที่ A ต้องการส่ง Bitcoin ให้ B เขาก็สามารถอัปเดตธุรกรรมโดยโยกเงินส่วนหนึ่งจากกองเงินของ A ไปที่ B ภายในช่องทางนี้ จากนั้นทั้งคู่ก็ร่วมกันเซ็นกำกับธุรกรรมที่อัปเดตใหม่นี้ การโอนก็ถือว่าเป็นอันเรียบร้อย แถมพวกเขายังสามารถอัปเดตธุรกรรมภายในช่องทางนี้กี่ครั้งก็ได้ตามที่ต้องการ และเมื่อพวกเขาทำธุรกรรมเสร็จและตัดสินใจปิดช่องทางนี้ลง สถานะสุดท้ายของการทำธุรกรรมจะถูกส่งไปบันทึกบนเครือข่ายบล็อกเชนหลักของ Bitcoin

ทำไม Lightning Network จึงมีความสำคัญ?

Lightning Network ให้ประโยชน์ที่สำคัญหลายอย่างกับ Bitcoin หนึ่งคือช่วยเพิ่มความสามารถในการปรับขนาดได้อย่างมากโดยการลดภาระของบล็อกเชนหลัก ธุรกรรมหลายล้านรายการสามารถเกิดขึ้นได้โดยไม่ทำให้เครือข่าย Bitcoin แออัด การปรับปรุงความสามารถในการปรับขนาดนี้นำไปสู่เวลาการยืนยันที่เร็วขึ้นและค่าธรรมเนียมที่ถูกลง

สอง Lightning Network ส่งเสริมความเป็นส่วนตัว เนื่องจากธุรกรรมภายในช่องทางการชำระเงินไม่ได้ถูกบันทึกไว้ในบล็อกเชน จึงไม่ปรากฏต่อสาธารณะ คุณสมบัตินี้ช่วยเพิ่มความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้และปกป้องข้อมูลทางการเงินที่ละเอียดอ่อนได้

นอกจากนี้ Lightning Network ยังส่งเสริมนวัตกรรมและขยายกรณีการใช้งานของ Bitcoin ช่วยให้สามารถพัฒนาแอปพลิเคชันและบริการที่ต้องพึ่งพาธุรกรรมที่รวดเร็วและค่าธรรมเนียมที่ถูก ร้านค้าสามารถรับชำระเงินด้วย Bitcoin ได้ทันทีโดยไม่ต้องรอการยืนยัน จึงอาจช่วยเปิดประตูสู่การยอมรับอย่างแพร่หลายและการรวมเข้ากับการทำธุรกรรมในชีวิตประจำวันได้

สรุป

Lightning Network คือเลเยอร์สองของ Bitcoin ที่ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อแก้ปัญหาด้านการขยายขนาด โดยเป็นการสร้างช่องทางการทำธุรกรรมระหว่างผู้ใช้ที่อยู่นอกเครือข่ายหลัก ทำให้ผู้ใช้สามารถทำธุรกรรมระหว่างกันได้โดยไม่สร้างความแออัดให้กับเครือข่ายหลัก จึงสามารถช่วยเพิ่มความเร็วและลดค่าธรรมเนียมในการทำธุรกรรมด้วย Bitcoin ได้นั่นเอง

อ้างอิง Lightning Network, Investopedia, Cointelegraph, Bitkub Blog

บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ

ทำไมนักลงทุนคริปโทต้องรู้จัก BITCOIN HALVING?

CBDC คืออะไร รู้จักอนาคตของเงินบาท บนเทคโนโลยีบล็อกเชน

STAY CONNECTED

0แฟนคลับชอบ
440ผู้ติดตามติดตาม
spot_img

Lastest News

MUST READ