TH | EN
TH | EN
หน้าแรกBusinessKE Group ชูยุทธศาสตร์ New S-Curve

KE Group ชูยุทธศาสตร์ New S-Curve

ลุยสร้างแพลตฟอร์มเชื่อมออฟไลน์-ออนไลน์พลิกโฉมแวดวงอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ ถือเป็นอีกหนึ่งอุตสาหกรรมที่ได้รับการจับตามองจากนักลงทุนทั้งไทยและต่างชาติค่อนข้างมาก สำหรับตลาดอสังหาริมทรัพย์ของไทย 

ถึงแม้จะได้รับผลกระทบจากการระบาดของไวรัสโควิด-19 แต่ในมุมมองของ ศุภานวิต เอี่ยมสกุลรัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) KE Group บริษัทยักษ์ใหญ่ด้านการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ระดับบน ตั้งแต่บ้านหรูในแบรนด์ “คริสตัล” และ Lifestyle Community Mall ที่นำแนวคิด Design Center อันเป็นเอกลักษณ์ของเมืองใหญ่ในฝั่งสหรัฐอเมริกามาบุกเบิกพัฒนาในประเทศไทยจนกลายเป็น  Crystal Design Center (CDC) กลับมองว่า ตลาดอสังหาริมทรัพย์ของไทยยังมีพื้นที่ให้ขยายตัวเติบโตต่อไปได้

ทั้งนี้ ซีอิโอหญิงของ KE Group กล่าวกับ The Story Thailand ว่า ภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ของไทยน่าจะขยายตัวเติบโตได้สักประมาณ 3-5% ไม่หวือหวาร้อนแรง แต่ก็โตได้ โดยที่การระบาดของโควิด-19 ทำให้ผู้บริโภคมองหาบ้านแนวราบมากกว่าบ้านในแนวดิ่งมากขึ้น 

ลงทุนอสังหาริมทรัพย์ 

สำหรับภาพรวมของ KE Group ศุภานวิต กล่าวว่า บริษัทเชื่อมั่นว่า ในทุกวิกฤติมีโอกาส ดังนั้น จึงมองหาโอกาสที่น่าสนใจหลายอย่างที่มีลักษณะของ S-Curve เป็นหลัก ภายใต้แนวคิดดังกล่าว ทำให้แนวทางการลงทุนของ KE Group ในปี 2021 จะแบ่งออกเป็น 3 แนวทางหลักด้วยกันคือ 1) Fund Investment 2)Real estate Development และ 3) Technology Innovation Joint Venture

สำหรับ Fund Investment และ Real Estate Development ทาง KE Group ตั้งเป้าสัดส่วนการลงทุนไว้ที่ประมาณ 60-70% ขณะที่ Technology Innovation Join Venture จะอยู่ที่ประมาณ 30% โดย KE Group ยืนยันว่า การลงทุนหลัก ๆ จะยังคงเป็นการลงทุนที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ เพราะเป็นการการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนในระดับสูง เมื่อเทียบกับตัวอื่น ๆ 

“เรามีข้อได้เปรียบในเรื่องของประสบการณ์และปริมาณข้อมูล ทำให้เรามองเห็นกระแสเงินที่ไหลเวียนในโครงการจนสามารถคาดการณ์แนวโน้มทิศทางการเติบโตของโครงการต่าง ๆ ได้”

สำหรับการลงทุนในลักษณะของความเป็นหุ้นส่วนพันธมิตร KE Group มองว่าเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างและพัฒนาสินค้าและบริหารตัวใหม่ ผ่านการร่วมมือกับผู้ประกอบการที่อยู่ในธุรกิจนั้น ๆ ซึ่งมีความเชี่ยวชาญชำนาญกว่า ซึ่ง  KE Group วางสถานะของตนให้เป็น Strategic Partners ที่พร้อมทำงานร่วมกันเพื่อพัฒนาต่อยอดโปรเจกต์ในขยายตัวครอบคลุมในวงกว้าง ซึ่งหนึ่งในความร่วมมือที่สำคัญ ก็คือ การจับมือเป็นพันธมิตรกับ Alibaba Cloud สร้างแพลตฟอร์ม SKY OS 

SKY OS เชื่อมโลกออฟไลน์-ออนไลน์

ศุภานวิต อธิบายว่า SKY OS เป็นแพลตฟอร์มที่ตั้งขึ้นมาใช้สำหรับรองรับโมเดลธุรกิจทางด้าน Retail และ Real Estate ภายใต้ความร่วมมือกับ Alibaba Cloud โดย KE Group ได้เริ่มนำมาใช้ในฝั่งของภาคการค้าปลีกของกลุ่มก่อน 

ทั้งนี้ KE Group จะรับหน้าที่หลัก ๆ ในการบริหารงานเชิง Front-End ที่จะคอยประสานงานติดต่อลูกค้าทั้งที่เป็นผู้บริโภคและผู้ประกอบการ ขณะที่ Alibaba คือ Digital Intelligence Engine ที่คอยพัฒนาดูแลระบบ บริหารจัดการและวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อเชื่อมโยงกับระบบนิเวศ 

แพลตฟอร์ม SKY OS เป็นโครงการที่เกิดขึ้นภายใต้แนวคิดของ KE Group ที่ต้องการจะเดินหน้าขยาย Community Mall และโครงการหมู่บ้านไปในต่างจังหวัด โดยเฉพาะหัวเมืองใหญ่ ๆ โดยแพลตฟอร์มดังกล่าวจะมีส่วนในการสร้างฐานลูกค้าที่มีความเข้มแข็งและมีกำลังทรัพย์ที่ดีเพียงพอต่อการใช้จ่าย

SKY OS คือแพลตฟอร์มที่จะเชื่อมโลกออนไลน์และออฟไลน์เข้าไว้ด้วยกัน โดยที่ลูกค้าที่เป็นผู้บริโภคจะได้ประโยชน์ในการเข้าถึงสินค้าบริการ และการสะสมแต้มเพื่อแลกรับสิทธิประโยชน์ ในขณะที่ผู้ประกอบการนอกจากจะเข้าถึงลูกค้าแล้วยังเชื่อมโยง (Synergy) ระหว่างผู้ประกอบการด้วยกันเอง รวมถึงเป็นอี-คอมเมิร์ซและมาร์เก็ตเพลสสำหรับผู้ประกอบการและผู้บริโภค

“KE Group ตั้งเป้าเริ่มต้นสำหรับสมาชิกแพลตฟอร์ม SKY OS ไว้ที่ประมาณ 200,000-500,000 คน โดยตัวเลขดังกล่าวมาจากฐานข้อมูลในระบบ ซึ่งเราเชื่อว่า จะมีโอกาสขยายตัวโตได้มากกว่า 2 ใน 10 ต่อปี”

ทั้งนี้ KE Group มองว่า นวัตกรรมและเทคโนโลยีใหม่ ๆ ถือเป็นองค์ประกอบในการขับเคลื่อนธุรกิจในโลกใหม่ที่ต้องพึ่งพาอาศัยกลไกการทำงานอย่างชาญฉลาด โดยการใช้นวัตกรรมเทคโนโลยีจะทำให้ธุรกิจเกิดการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญและเป็นการเติบโตแบบยั่งยืน 

ยึดมั่นวิสัยทัศน์ We grow the world together

KE Group มองว่า ปัจจัยหลักที่จะทำให้บริษัทสามารถเติบโตต่อไปข้างหน้าได้อย่างมั่นคง คือ การสร้างเสริมและเพิ่มพูนความหลากหลายในสินค้าและบริการภายใต้แบรนด์ต่าง ๆ ของ KE Group 

“ทุกโครงการที่เราลงมือทำจะมีเอกลักษณ์โดดเด่นในด้านต่าง ๆ เช่น Smart City, Creativity, Innovation และมีมูลค่าอย่างใดอย่างหนึ่งในการตอบแทบคืนสังคม เพราะเราต้องการเป็นผู้นำในธุรกิจ ทำให้แต่ละโปรเจกต์ของเรา เป็นอะไรที่เจียรนัยคัดสรรสิ่งที่ดีที่สุดแล้วมาให้กับลูกค้า และพันธมิตรหรือผู้ประกอบการของเรา”

นอกจากการเพิ่มความหลากหลายในตัวโครงการต่าง ๆ แล้ว ยังหมายรวมถึง การเพิ่มความหลากหลายในการลงทุนของกองทุนของ KE Group โดยมองหาตลาดลงทุนใหม่ ๆ ในธุรกิจอื่น เช่น ออฟฟิศ อาคารสำนักงานและโรงแรม ซึ่งการลงทุนดังกล่าวดำเนินการภายใต้กรอบกฎเกณฑ์ที่ระมัดระวังรอบคอบ และคำนึงถึงจังหวะเวลาที่เหมาะสม เพื่อให้การลงทุนนั้น ๆ ได้ผลตอบแทนที่คุ้มค่ามากที่สุด 

เป้าหมายการเติบโตของบริษัทในระยะยาว KE Group ตั้งเป้าที่จะเป็นบริษุทไทยที่มีมุมมองทางการลงทุนครอบคลุมทั้งในตลาดประเทศไทยและตลาดต่างประเทศ 

“KE Group เป็นบริษัทของไทยที่มีความตั้งใจที่จะดำเนินการลงทุนในตลาดต่างประเทศ ถามว่าเราตั้งใจจะขึ้นเป็น Global Company หรือไม่ จริง ๆ ก็ต้องตอบว่า ตอนนี้ KE Group มีบริษัทอยู่ในหลายประเทศบ้างแล้ว ซึ่งในภาพรวม เราตั้งเป้าทั้งในระดับ Local และ Global Perspective”

อศินา พรวศิน – สัมภาษณ์
นงลักษณ์ อัจนปัญญา – เรียบเรียง

STAY CONNECTED

0แฟนคลับชอบ
440ผู้ติดตามติดตาม
spot_img

Lastest News

MUST READ