TH | EN
TH | EN
หน้าแรกColumnistแปลง "ส่วย" เป็น "ภาษี" ... ตัดวงจรอุบาทว์

แปลง “ส่วย” เป็น “ภาษี” … ตัดวงจรอุบาทว์

คงไม่มีใครปฏิเสธว่าโควิด-19 ได้กระชากหน้ากากให้เห็นการทำงานของรัฐบาลข้าราชการไร้ประสิทธิภาพหลาย ๆเรื่อง เฉพาะอย่างยิ่งกรณี “บ่อนการพนัน” และ “ขบวนการลักลอบขนแรงงานต่างชาติ” แต่เดิม “บ่อนเถื่อน” และ “แรงงานเถื่อน” เป็นที่รับรู้กันมานานแต่ไม่ได้สนใจไยดีเท่าไร ทั้งที่ “เศรษฐกิจใต้ดิน” เหล่านี้เป็นภัยร้ายแรงต่อระบบ “เศรษฐกิจบนดิน

ที่สำคัญคือ “บ่อนเถื่อน” และ “ขบวนการค้ามนุษย์” เป็นที่มาของรายได้ของผู้มีอิทธิพล เป็นที่มาของการทุจริตคอร์รัปชันในวงการคนมีเครื่องแบบ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ทั้ง “บ่อนเถื่อน” ​และ “ขบวนการลักลอบแรงงานเถื่อน” เป็นต้นเหตุการแพร่เชื้อโควิด-19

จากงานวิจัยของนักเศรษฐศาสตร์ชาวยุโรปบ่งชี้ว่า ระบบเศรษฐกิจใต้ดินของประเทศกลุ่มที่พัฒนาแล้วจะมีสัดส่วนต่อ จีดีพีน้อยที่สุดอยู่ที่ประมาณ 17% ในขณะที่ในประเทศกลุ่มที่กำลังพัฒนาอยู่ที่ประมาณ 35% แต่ก็เป็นตัวเลขที่นานมาแล้วตอนนี้คงเพิ่มขึ้นกว่าเดิม

สำหรับประเทศไทยเคยมีการประเมินกันว่าเม็ดเงินที่สะพัดในระบบเศรษฐกิจใต้ดินราว 50% ของจีดีพีเลยทีเดียว

เม็ดเงินธุรกิจใต้ดินเหล่านี้ ก็จะถูกแปรรูปมาเป็น “ส่วย” ให้แก่ผู้หลักใหญ่ในบ้านเมือง ทั้งนักการเมืองระดับชาติ ระดับท้องถิ่น จนถึงคนในเครื่องแบบ ที่มีหน้าที่รับผิดชอบแต่ละปีมหาศาล

ล่าสุด “พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา” นายกรัฐมนตรี ได้แต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบ 2 ชุดชุดแรก ให้ตรวจสอบการลักลอบเข้าเมือง เป็นเหตุให้โควิดระบาดรอบ 2 โดยมีนายภักดี โพธิศิริ อดีต ป.ป.ช. เป็นประธาน และชุดที่ 2 ให้ตรวจสอบการกระทำความผิดกรณีบ่อนการพนัน เป็นเหตุให้โควิดแพร่เชื้อ ชุดนี้มีนายชาญเชาวน์ ไชยานุกิจ อดีตปลัดกระทรวงยุติธรรม เป็นประธาน

ทั้ง 2 ชุด มีอำนาจตั้งอนุกรรมการ คณะทำงาน และประสานหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้อง เพื่อขอข้อมูล รับเรื่องร้องเรียน เบาะแสจากประชาชนได้ และสั่งให้เจ้าหน้าที่นำตัวคนผิดมาลงโทษได้ ไม่ว่าผู้นั้นจะเป็นคนทั่วไป หรือเป็นเจ้าหน้าที่รัฐก็ตาม

การตรวจสอบต่าง ๆ “รายงานลับ” ต่อนายกฯ โดยตรง แต่ก็ไม่รู้ว่าการตั้งขึ้นมาจะช่วยแก้ปัญหา หรือแค่ซื้อเวลา นอกจากจะทำงานซ้ำซ้อนกับเจ้าหน้าที่รับผิดชอบแล้ว เกรงว่าจะเป็นแค่ “เสือกระดาษ”​ เท่านั้น

อย่างไรก็ตาม ทางออกในเรื่องนี้ไม่ยาก หากรัฐบาลกล้าเอา “ธุรกิจใต้ดิน” มาอยู่ “บนดิน” เปิดให้บ่อนการพนันที่มีใบอนุญาตอย่างถูกกฎหมาย มีการกำกับดูแล และมีการเสียภาษีให้รัฐ เพื่อนำเม็ดเงินกลับมาใช้จ่ายดูแลประชาชน แทนการเข้ากระเป๋าผู้มีอิทธิพลและเจ้าหน้าที่บางคน

ในกรณี “การพนัน” ตั้งแต่หวยใต้ดิน จนถึงบ่อนการพนันประเภทต่าง ๆ อาจจะซับซ้อน การแก้ปัญหาด้วยการเอามาอยู่ “บนดิน” อาจจะไม่ง่าย แต่ก็เชื่อว่า แม้จะแก้ปัญหาไม่ได้ทั้งหมด แต่อาจจะทำให้ทุเลาเบาลงอย่างน้อย ๆ ก็

“ตัดวงจรอุบาทว์” ระหว่างเจ้าหน้าที่รัฐกับบรรดาเจ้าพ่อทั้งหลาย ด้วยการนำรายได้จากบ่อนแทนที่จะเอาไป “จ่ายใต้โต๊ะ” ก็มาจ่ายเป็นภาษี เอามาพัฒนาหรือเอามาใช้ประโยชน์อื่น ๆ ได้

ส่วนเรื่อง “การลักลอบ” นำแรงงานต่างด้าวเข้ามาในประเทศ แก้ง่ายหน่อย แต่รัฐบาลต้องปรับทัศนคติ โดยต้องมองว่าแรงงานราคาถูกเหล่านี้ มีส่วนช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศไทยให้มีต้นทุนต่ำ สามารถแข่งขันในตลาดโลกได้

ดังนั้น แทนที่จะปล่อยให้ลักลอบเข้ามาโดย “จ่ายใต้โต๊ะ” รัฐบาลก็อาจจะกำหนดโควต้าตามความต้องการแรงงานในแต่ละอุตสาหกรรม ว่าต้องการเท่าไร แล้วประสานกับรัฐบาลต้นทางเปิดทางให้แรงงานเข้ามาแบบฟรี ๆ ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย ไม่ต้องจ่าย “ส่วย” ให้ผู้มีอิทธิพลใด ๆ ทั้งสิ้น

ตรงนี้จะทำให้เราควบคุมการเข้าออกประเทศของบรรดาแรงงานในช่วงที่มีโควิด-19 ระบาดได้ และอาจจะให้รัฐบาลต้นทางตรวจร่างกายก่อน เมื่อเข้ามาถึงชายแดนไทย จะมีด่านตรวจอีกรอบ และกักตัว 14 วัน โดยให้เอกชนที่รับแรงงานไปทำงานรับผิดชอบจ่ายค่าแรงงานช่วงกักตัว ยังไงก็ดีกว่าจ่าย “ส่วย” ให้เจ้าหน้าที่แน่ ๆ

เรื่องอย่างนี้แก้ได้ไม่ยาก ขึ้นอยู่กับรัฐบาล จะกล้าที่จะล้างบางพวกผู้มีอิทธิพลและคนมีสีเหล่านี้หรือไม่

STAY CONNECTED

0แฟนคลับชอบ
440ผู้ติดตามติดตาม
spot_img

Lastest News

MUST READ