TH | EN
TH | EN
หน้าแรกSustainabilityจากเศษผ้าในอุตสาหกรรมเครื่องนุ่มห่ม สู่ กระเป๋ารักษ์โลก และพวงหรีดเสื่อ สร้างประโยชน์ ลดขยะ

จากเศษผ้าในอุตสาหกรรมเครื่องนุ่มห่ม สู่ กระเป๋ารักษ์โลก และพวงหรีดเสื่อ สร้างประโยชน์ ลดขยะ

เพราะความต้องการที่จะลดขยะที่เกิดจากอุตสาหกรรมเครื่องนุ่งห่มให้เป็นศูนย์ (Fabric Zero Waste Alliance) เอ-เมส มัลติสโตร์ โดย บูติคนิวซิตี้ จึงร่วมมือกับพันธมิตร เปิดตัวโครงการ “A’MAZE GREEN SOCIETY” นำผ้าส่วนเกินจากอุตสาหกรรม 20% มาสร้างสรรค์ และต่อยอดเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ อย่าง ‘กระเป๋ารักษ์โลก’ และ ‘พวงหรีดเสื่อ’ เป็นการช่วยลดปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมอย่างเป็นรูปธรรมและยั่งยืน

ประวรา เอครพานิช ประธานกรรมการบริหาร บริษัท บูติคนิวซิตี้ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า นอกจากจะผลิตเครื่องแต่งกายที่สวยงามและมีความคงทนแล้ว บูติคนิวซิตี้ยังมีแนวคิดในเรื่องของเศรษฐกิจหมุนเวียน หรือ Circular Economy สนับสนุนให้ใช้สิ่งของหรือทรัพยากรที่มีอยู่ให้คุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุด แนวคิดดังกล่าว มีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนธุรกิจของทุกอุตสาหกรรม และยังเป็นการเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันให้กับประเทศ โดยเฉพาะการนำ “ขยะ” ที่เหลือจากกระบวนการผลิตของอุตสาหกรรม นำกลับมาใช้ประโยชน์ใหม่ เพื่อลดปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นปัญหาสำคัญในระดับโลก ที่ทุกฝ่ายต้องร่วมมือกันอย่างจริงจัง

โครงการ A’MAZE green society by BTNC: Create your own happiness มีเป้าหมายในการร่วมมือกับพันธมิตรและคู่ค้า ขับเคลื่อนอุตสาหกรรมเครื่องนุ่งห่มให้เป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม หรือ Green Industry 

ในกระบวนการผลิตเสื้อผ้า จะได้ชิ้นงานหรือสินค้าประมาณ 80% ที่เหลืออีก 20% จะเป็นผ้าส่วนเกินที่เหลือจากการผลิต ทำให้เรากลับมาคิดว่าจะทำอย่างไรกับผ้าส่วนเกินเหล่านี้ ที่จะไม่ให้เหลือเป็นขยะอุตสาหกรรม หรือ Fabric zero Waste alliance จึงมองหาคู่คิด ที่จะมาช่วยทำการ upcycle หรือนำผ้าส่วนเกินมาพัฒนาให้เกิดเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ และ recycle คือการนำผ้าส่วนเกินเหล่านั้นกลับมาใช้ประโยชน์ได้อีก 

บริษัทจึงได้ร่วมมือกับแบรนด์ “ลฤก” เป็นที่มาของผลิตภัณฑ์ “ระลึกรักษ์” และ เดอะ แพคเกจจิ้ง ที่ช่วยต่อยอดผ้าส่วนเกินให้กลายเป็น Mimi (มีมี่) กระเป๋ารักษ์โลก

“เรานำแบบดอกไม้วางลงไปตรงช่องว่างของแพทเทิร์นผ้าที่จะตัดเสื้อ เพื่อทำให้เหลือผ้าส่วนเกินให้น้อยที่สุด โดยดอกไม้ที่ได้หรือคิดเป็น 15% ของผ้าส่วนเกิน มาให้แบรนด์ “ลฤก” นำมาใช้ตกแต่งเป็นดอกไม้ประดับบนพวงหรีดเสื่อ ส่วนที่เหลืออีก 5% เราส่งไปให้ เดอะแพคเกจจิ้ง นำไปผ่านขบวนการรรีไซเคิล โดยนำไปผสมทดแทนวัตถุดิบในการผลิต เพื่อนำมาผลิตเป็นกระเป๋าMimi (มีมี่)” ประวรา กล่าวเสริม

นนทิกานต์ อัศรัสกร นักธุรกิจรุ่นใหม่ผู้ก่อตั้งแบรนด์ “ลฤก” เจ้าของไอเดียพวงหรีดเสื่อ กล่าวว่า “ลฤก” เป็นแบรนด์พวงหรีดที่มุ่งเน้นในเรื่องการช่วยเหลือสิ่งแวดล้อมและสังคม บริษัทดำเนินธุรกิจโดยวางแนวทางการลดขยะให้เป็นศูนย์ (Zero waste) พวงหรีดลฤก ประกอบด้วย เสื่อ 1 ผืน และอาสนะ 1 ชิ้น ซึ่งวัสดุที่ใช้ทำจากพลาสติกรีไซเคิล 100% และเป็นพวงหรีดที่วัดสามารถนำไปใช้ประโยชน์ต่อได้ 

การร่วมกับบูติคนิวซิตี้ ในการผลิตดอกไม้ผ้าส่วนเกินจากอุตสาหกรรม จึงเป็นที่มาของ “ระลึกรักษ์” เพื่อนำมาใช้ประดับตกแต่งพวงหรีด ซึ่งนอกจากให้ความสวยงามและเกิดคุณค่าทางจิตใจแล้ว ยังเป็นการนำทรัพยากรกลับมาใช้ซ้ำ ที่สำคัญยังเป็นการช่วยลดปริมาณขยะปลายทางที่นำไปสู่การกำจัดอีกด้วย

ภุชชงค์ วนิชจักร์วงศ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เดอะแพคเกจจิ้ง จำกัด ผู้ผลิตบรรจุภัณฑ์ เคมีภัณฑ์ เม็ดพลาสติก กล่าวว่า บริษัทฯ ดำเนินธุรกิจภายใต้นโยบายที่ให้ความสำคัญด้านสิ่งแวดล้อม พร้อมร่วมผลักดันขยะเหลือใช้จากกระบวนการผลิตให้เป็นศูนย์ (Zero Waste) เพื่อเป็นการหยุดยั้งปัญหาที่ส่งผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมตั้งแต่ต้นทาง แทนการกำจัดปัญหาขยะที่ปลายทาง โดยเฉพาะเม็ดพลาสติก ซึ่งเป็นวัตถุดิบหลักที่ใช้ในการผลิตเป็นบรรจุภัณฑ์ต่าง ๆ ดังนั้นการนำเศษพลาสติกที่เหลือจากกระบวนการผลิตและไม่มีสิ่งปนเปื้อน กลับมาใช้ซ้ำภายในโรงงาน (Recycle) ในรูปแบบของการนำกลับมาใช้ซ้ำทั้งหมดหรือผสมกับเม็ดพลาสติกใหม่ในอัตราส่วนต่าง ๆ ส่งผลให้ไม่มีขยะเหลือเป็นของเสียในอุตสาหกรรม (Reduce)  

สำหรับความร่วมมือกับบูติคนิวซิตี้ เป็นการนำผ้าโพลีเอสเตอร์จากการผลิตเสื้อผ้า ซึ่งเป็นผ้าส่วนเกินมาทำการรีไซเคิล โดยใช้ผสมทดแทนวัตถุดิบในการผลิตบางส่วน และพบว่าสามารถทดแทนได้ส่วนหนึ่ง โดยผลิตภัณฑ์ที่ได้ออกมา ยังอยู่ในคุณภาพมาตรฐานที่กำหนดไว้ จากนั้นนำมาผ่านกระบวนการทอเป็นแผ่นพลาสติกและนำมาตัดเย็บ จึงเป็นที่มาของกระเป๋าเอนกประสงค์ Mimi ซึ่งมีความแข็งแรงและทนทานสามารถนำกลับมาใช้ซ้ำได้หลายครั้ง

ทั้งนี้ การนำพลาสติกกลับมาใช้ใหม่หรือการรีไซเคิล นอกจากจะช่วยลดปริมาณขยะพลาสติกแล้ว ยังเป็นการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า และทำให้พลาสติกที่ผ่านการใช้งานแล้วไม่เป็นขยะอีกต่อไป จึงเป็นการช่วยอนุรักษ์ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอย่างเป็นรูปธรรม 

ประวรา เอครพานิช กล่าวเสริมตอนท้ายว่า “เรามีเป้าหมายที่จะขับเคลื่อนโครงการ AMAZE Green Society ให้เป็นโครงการระยะยาวอย่างต่อเนื่อง โดยเรายินดีอย่างยิ่งหากมีหน่วยงานหรือองค์กรใดที่ต้องการร่วมเป็นพันธมิตรคู่คิดที่จะเดินหน้าลดปริมาณขยะสิ่งทอไปด้วยกัน เราเชื่อว่า เมื่อเรามีเพื่อนมากขึ้น และสามารถขยาย Fabric Zero Waste Alliance เป็นวงกว้างขึ้น พวกเราก็จะสามารถเป็นส่วนหนึ่งในการผลักดันพันธกิจของประเทศไทยในการเป็นกลางทางคาร์บอนและลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้เป็นศูนย์ตามเป้าหมาย”

จากข้อมูลของสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) การปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) จากการใช้พลังงานของประเทศในปี 2565 อยู่ที่ประมาณ 247.7 ล้านตัน ปรับตัวเพิ่มขึ้น 1.5% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา โดยภาคอุตสาหกรรมมีสัดส่วนการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์อยู่ที่ 66.5 ล้านตัน ลดลงจากปีก่อน 6.7% และตามกรอบเป้าหมายเชิงยุทธศาสตร์เศรษฐกิจหมุนเวียน ปีพ.ศ. 2573 ของสำนักงานสภานโยบายการอุดมศึกษาวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ (สอวช.) ประเทศไทยมีเป้าหมายที่จะต้องลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์อย่างน้อย 30 ล้านตันในอีก 7 ปีข้างหน้า

กลไก “คาร์บอน เครดิต” ช่วยลดปัญหา “ก๊าซเรือนกระจก”

การสื่อสาร “เรื่องก๊าซเรือนกระจก” สำคัญต่อ “ธุรกิจวิถียั่งยืน”

ปศุสัตว์ไทยเตรียมพร้อมสู่เกษตรกรยั่งยืน ลดก๊าซเรือนกระจกในห่วงโซ่การผลิต

STAY CONNECTED

0แฟนคลับชอบ
440ผู้ติดตามติดตาม
spot_img

Lastest News

MUST READ