เรียลมี (Realme) แบรนด์โทรศัพท์สมาร์ทโฟนน้องใหม่ที่กำลังรุกคืบพื้นที่ตลาดยืนยันด้วยยอดขายที่เติบโตได้อย่างรวดเร็วภายในเวลาเพียง 3 ปีหลังก่อตั้งบริษัท จนขึ้นแท่นติดอันดับแบรนด์สมาร์ทโฟนอันดับที่ 6 ของโลกในปี 2564 ประกาศแผนทิศทางธุรกิจปี 2565 สำหรับลุยวงการไอทีไทย เตรียมขยับรุกตลาดระดับพรีเมียมด้วยการพัฒนาเรือธง GT Series พร้อมเสนอนวัตกรรมที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ในยุคดิจิทัล อย่างเครือข่าย 5G และ AIoT รวมถึงจัดทัพตั้งเป้าขยับขึ้นสู่แบรนด์ท็อป 3 ของโลกและของไทย
ศิรศร เบญจาธิกุล ผู้จัดการฝ่ายการตลาดผลิตภัณฑ์ บริษัท เรียลมี ประเทศไทย จำกัด เปิดเผยทิศทางธุรกิจของเรียลมีประเทศไทยระหว่างการให้สัมภาษณ์พิเศษกับกลุ่มผู้สื่อข่าว หลังแถลงผลการดำเนินงานของบริษัทตลอดช่วงปี 2564 ที่ผ่านมา ซึ่งถือได้ว่าประสบความสำเร็จได้ตามเป้าที่ตั้งไว้ ทั้งการที่เรียลมีสามารถส่งมอบสมาร์ทโฟนได้ครบ 100 ล้านเครื่องทั่วโลกตามกรอบเวลาที่กำหนด และการก้าวขึ้นสู่การเป็นแบรนด์สมาร์ทโฟนอันดับที่ 6 ของโลกได้สำเร็จ ขณะที่ตลาดในเมืองไทย เรียลมีก็ได้รับการตอบรับทางบวก ยืนยันได้จากการเป็นแบรนด์สมาร์ทโฟนอันดับ 5 ของโลก
ทั้งนี้ ในภาพรวมตลาดโลกของเรียลมีตลอดทั้งปีที่ผ่านมา ข้อมูลเชิงสถิติของ Strategy Analytics พบว่า ในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปีนี้ เรียลมีขึ้นแท่นแบรนด์สมาร์ตโฟนที่ส่งมอบสมาร์ทโฟนได้ 100 ล้านเครื่องทั่วโลกได้เร็วที่สุดในโลก คือใช้เวลาส่งมอบเพียง 37 เดือน ขณะที่จากการจัดอันดับของ Counterpoint เรียลมีสามารถขยับขึ้นเป็นแบรนด์สมาร์ทโฟนอันดับ 6 ของโลก ในช่วงไตรมาสที่ 2 และ 3 ของปี ถือเป็นการเติบโตแบบก้าวกระโดด ที่ทำให้เรียลมีกลายเป็นหนึ่งในแบรนด์ยักษ์ใหญ่ในอุตสาหกรรมผู้ผลิตสมาร์ทโฟนได้รวดเร็วที่สุดในโลก
ขณะที่ในส่วนของตลาดสมาร์ทโฟนไทย ศิรศร กล่าวว่า แม้จะเผชิญหน้ากับสภาวะผันผวนทางเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การระบาดของไวรัสโควิด-19 ในช่วงตลอด 2 ปีที่ผ่านมา แต่เรียลมียังคงได้รับความนิยมในหมู่ผู้บริโภคชาวไทย ยืนยันได้จากข้อมูลของ Canalys ที่พบว่า ไตรมาส 3 ปีนี้ แบรนด์เรียลมีติด 1 ใน 5 แบรนด์ยอดนิยม ด้วยจุดเด่นที่ประสิทธิภาพดีในราคาที่เอื้อมถึงได้
ความสำเร็จที่ผ่านมาของเรียลมีเกิดจากการดำเนินธุรกิจตามกลยุทธ์ 4 ด้าน ได้แก่ 1) แนวคิดพื้นฐานที่แข็งแกร่ง ที่มุ่งเจาะกลุ่มคนรุ่นใหม่และนำเสนอสินค้าที่สอดคล้องกับค่านิยมของหนุ่มสาวที่ต้องการสมาร์ตโฟนล้ำสมัยและใช้งานได้เต็มประสิทธิภาพคุ้มราคา 2) การส่งมอบสมาร์ทโฟนที่มีนวัตกรรมใหม่อย่างต่อเนื่อง อาทิ ระบบชาร์จ UltraDart 125W การใช้ชิปเซ็ต Qualcomm Snapdragon 888 เป็นเจ้าแรก ๆ รวมถึงเทคโนโลยีกล้องความละเอียด 64 ล้านพิกเซล ฯลฯ ในระดับราคาที่จับต้องได้ 3) ช่องทางจำหน่ายที่ครอบคลุมทั้งออฟไลน์และออนไลน์ โดยเรียลมียังคงมุ่งมั่นพัฒนาช่องทางการตลาดอีคอมเมิร์ซในประเทศต่าง ๆ เพื่อให้ผู้บริโภคเข้าถึงผลิตภัณฑ์ได้มากยิ่งขึ้น และ 4) พันธกิจ Dare to Leap กับการเปิดรับคนรุ่นใหม่เข้ามาทำงาน ช่วยให้บริษัทมีไอเดียสดใหม่ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ อยู่เสมอ
สำหรับตลาดสมาร์ทโฟนในปีหน้าที่กำลังจะมาถึง ศิรศร เชื่อมั่นว่า ตลาดโลกและตลาดไทยจะยังคงสามารถขยายตัวเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง เพราะความต้องการใช้สมาร์ทโฟนยังคงมีอยู่ไม่มีแผ่ว บวกกับการมาถึงของเกมออนไลน์บนมือถือ ทำให้ผู้บริโภคมีช่องทางเล่นเกมออนไลน์มากขึ้น จากเดิมที่มีอยู่แค่เครื่องคอมพิวเตอร์พีซี หรือแล็บท็อป ตลอดจนการก้าวเข้ามาของเครือข่าย 5G ซึ่งเรียลมีตั้งเป้าจะเพิ่มสมาร์ทโฟนที่รองรับ 5G และอุปกรณ์ที่เกี่ยวกับ 5G ในปีหน้าให้ได้
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากปัจจัยท้าทายที่ยังคงมีอยู่ ทั้งจากปัญหาการขาดแคลนชิปในการผลิต และการแข่งขันระหว่างแบรนด์ผู้ผลิตสมาร์ทโฟนที่มีแนวโน้มจะทวีความดุเดือดมากขึ้น ศิรศร ในฐานะตัวแทนเรียลมี ประเทศไทย ประกาศชัดว่าเรียลมีจำเป็นต้องจัดทัพปรับทิศทางธุรกิจเพื่อดันให้เรียลมีติดอันดับต้น ๆ ในฐานะเจ้าตลาดสมาร์ทโฟนไทย
“ในส่วนของซัพพลายเออร์ เราเป็นเจ้าแรก ๆ ที่ทดลองใช้ชิปเซ็ตรุ่นใหม่ ๆ ทดแทนชิพเซ็ทในส่วนที่ขาดตลาด พร้อมแสวงหาซัพพลายเออร์ใหม่ ๆ เพิ่มเติม ขณะเดียวกันก็จัดงบลงทุนวิจัยและพัฒนานวัตกรรมในการรองรับ 5G เพื่อให้ผลิตภัณฑ์ของเรียลมีทั้งหมด ครอบคลุมทั้งสมาร์ทโฟน อุปกรณ์สวมใส่ (wearable devices) อย่าง สมาร์ทวอช หูฟัง และเครื่องใช้ไฟ้ฟาภายในบ้าน สามารถเชื่อมต่อกับระบบอินเทอร์เน็ตได้อย่างรวดเร็ว และมีความเสถียรมากขึ้น”
ทั้งนี้ ในช่วงปี 2564 ที่ผ่านมา เรียลมีประสบความสำเร็จในการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ AIoT ซึ่งมีทั้ง realme Pad แท็บเล็ตรุ่นแรกของแบรนด์ที่ตีตลาดด้วยสเปกคุ้มราคา realme Book แล็ปท็อปรุ่นแรกของแบรนด์ และอุปกรณ์ AIoT อีกมากมาย โดยแบรนด์ เรียลมี สามารถติดอันดับ 3 ในสินค้าประเภท Basic watch และประเภท TWS ของเมืองไทยได้สำเร็จ ด้วยอัตราการเติบโตต่อปีที่ 1,091% และ 188% ตามลำดับ
“ดังนั้น ในอนาคต เรียลมีจึงตั้งเป้าให้ความสำคัญกับการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ ๆ ทั้ง 5G และ AIoT โดยมีแผนจะนำเสนอภายใต้แบรนด์ไลฟ์สไตล์ใหม่ในชื่อ TechLife เพื่อตอบโจทย์ Smart Life ของผู้คนในปัจจุบันให้ครอบคลุมมากขึ้น” ศิรศรกล่าว
ขณะเดียวกัน ในปีหน้า ศิรศร กล่าวว่า เรียลมีวางแผนเปิดตัวผลิตภัณฑ์หลากหลายกลุ่ม รวมถึงเตรียมนำเสนอสุดยอดเทคโนโลยีมากมายเพื่อรักษาตำแหน่งผู้นำในตลาดไอที โดยจะพัฒนาให้สินค้ามีราคาที่จับต้องได้ เพื่อให้ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดต่าง ๆ ได้สบายกระเป๋ามากยิ่งขึ้น รวมถึงเปิดตัวสมาร์ทโฟนระบบ 5G ให้ได้มากกว่า 30 รุ่น คิดเป็น 70% ของสัดส่วนสมาร์ทโฟนทั้งหมด และในอีก 2 ปีข้างหน้า ทางเรียลมีจะลงทุน 300 ล้านเหรียญสหรัฐทั่วโลกในด้านการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยี 5G และพัฒนาผลิตภัณฑ์ 5G เพื่อก้าวเข้าสู่ยุค 5G อย่างเต็มตัว
ขณะเดียวกัน เพื่อให้สามารถแข่งขันกับคู่แข่งในตลาด ศิรศร เผยว่า เรียลมีจะยังคงเดินหน้าทำการตลาดตามกลยุทธ์หลักของแบรนด์ นั่นคือ 1+5+T เพื่อมุ่งหวังที่จะสร้างระบบนิเวศเรียลมี หรือ realme Ecosystem ให้เกิดขึ้นอยู่รอบตัวผู้บริโภค โดยเลข 1 หมายถึงสมาร์ทโฟนที่จะเป็นศูนย์กลางการควบคุมระบบนิเวศทั้งหมด ขณะที่เลข 5 แทน แทนหมวดหมู่หลักของอุปกรณ์ AIoT ทั้งหมด ได้แก่ 1. อุปกรณ์หูฟังไร้สาย 2. อุปกรณ์สวมใส่ 3. โทรทัศน์ 4. แท็บเล็ต และ 5. แล็ปท็อป ส่วนอักษร T ย่อมาจากแบรนด์ TechLife ซึ่งทั้งหมดนี้จะมี realme Link แอปพลิเคชันเชื่อมต่อกัน และสร้างเป็นระบบนิเวศ AIoT เพื่อให้ผู้ใช้งานอุปกรณ์ เรียลมีสามารถใช้งานร่วมได้อย่างเต็มรูปแบบ
นอกจากนี้ ในส่วนของการเพิ่มยอดขาย นอกจากเพิ่มแบรนด์ช็อปในปัจจุบันที่มีอยู่ 75 แห่งทั่วประเทศให้ได้ 120 แห่งในปีหน้าแล้ว ทางเรียลมียังวางแผนจับมือเป็นพันธมิตรกับคู่ค้าใหม่ ๆ เพื่อเพิ่มช่องทางการใช้งานผลิตภัณฑ์ของเรียลมี นอกเหนือจากสมาร์ทโฟน ยิ่งไปกว่านั้น ทางเรียลมียังมีแผนที่จะขยับตลาดสมาร์ทโฟนเรียลมีไปสู่ระดับพรีเมียมมากขึ้น
“ปี 2564 ที่ผ่านมา เรียลมีมองว่าประเทศไทยมีศักยภาพในการทำตลาดสมาร์ทโฟนในระดับพรีเมียมได้ดีมาก และยังเป็นประเทศเดียวในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่มีการเปิดตัวสมาร์ตโฟนตระกูล GT series ครบทุกรุ่น หลังจากนี้ realme จะนำสมาร์ตโฟนสุดพรีเมียมในตระกูล GT Series นั่นคือ GT 2 series มาทำตลาดในไทย ซึ่งเป็นรุ่นพรีเมียมที่สุดของ realme พร้อมชูไฮไลต์ 3 เทคโนโลยีสุดล้ำเป็นครั้งแรกของโลก ทั้งการใช้วัสดุที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม นวัตกรรมการถ่ายภาพ และเทคโนโลยีการสื่อสารขั้นสุด ด้วยราคาที่อยู่ในระดับหมื่นต้น ๆ เท่านั้น” ศิรศรกล่าว
ศิรศร เสริมปิดท้ายว่า ความต่างที่น่าจะเป็นจุดแกร่งและเป็นจุดขายของเรียลมีก็คือการพยายามให้ลูกค้ามีตัวเลือกมากขึ้นภายใต้ความเข้าใจถึงความต้องการของผู้บริโภคแต่ละกลุ่ม และสอดคล้องกับการรับรู้แบรนด์เรียลมี (Brand Perception) ของผู้บริโภคว่าเรียลมีคือแบรนด์ที่มีนวัตกรรมล้ำหน้า ออกแบบโดดเด่น ฟังก์ชั่นใช้งานครบถ้วน และราคาจับต้องได้
AIS เดินหน้าขยายโครงสร้างพื้นฐาน 5G ยุทธศาสตร์ปี 65 สู่การเป็นองค์กรอัจฉริยะ
Meta เผย 5 เทรนด์ดิจิทัลปี 2022 เปิด 4 กลุยทธ์เร่งเครื่องสู่เมตาเวิร์ส กับบทบาทยึดโยงคน-ชุมชน-ธุรกิจ
