TH | EN
TH | EN
หน้าแรกSustainabilityโอกิลวี่ ประเทศไทย โชว์ Capabilities ใหม่ ชวนพันธมิตรด้านความยั่งยืนและลูกค้า ปั้นแรงบันดาลใจ สู่แรงบันดาลจริง

โอกิลวี่ ประเทศไทย โชว์ Capabilities ใหม่ ชวนพันธมิตรด้านความยั่งยืนและลูกค้า ปั้นแรงบันดาลใจ สู่แรงบันดาลจริง

โอกิลวี่ ประเทศไทย เผยวิสัยทัศน์สำคัญภายในงาน “Sustainability & Creativity for Impact” อีเวนต์เปิดบ้านครั้งสำคัญ ที่ลูกค้า และพันธมิตรของโอกิลวี่จากหลากหลายธุรกิจ จะได้รับฟังแนวคิดและทิศทางการสนับสนุนลูกค้าในฐานะ Creative Agency ที่เชี่ยวชาญในเชิงกลยุทธ์ และการใช้ความคิดสร้างสรรค์เพื่อสร้างเรื่องราวกระตุ้นการเติบโตที่ยั่งยืนให้กับแบรนด์ องค์กร สังคม และโลกใบนี้

จิรวรา วีรยวรรธน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร โอกิลวี่ ประเทศไทย กล่าวว่า “Sustainability หรือประเด็นด้านความยั่งยืน คือสิ่งที่สังคมโลกกำลังให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก กระตุ้นให้ธุรกิจ แบรนด์ และหน่วยงานต่าง ๆ ต้องปรับกลยุทธ์การดำเนินงานเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลง เช่นเดียวกับ Ogilvy Global Network และ โอกิลวี่ ประเทศไทย ที่มองว่าแบรนด์ส่วนใหญ่มีความใกล้ชิด จนเรียกได้ว่าแทบจะเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของผู้บริโภค แบรนด์ที่ให้ความสำคัญและเอาใจใส่ประเด็นความยั่งยืน จะสามารถจูงใจให้ผู้คนรู้สึกดีต่อแบรนด์และธุรกิจได้จริง ยิ่งไปกว่านั้น โอกิลวี่เชื่อว่าความคิดสร้างสรรค์ไม่ได้มีประโยชน์เพียงการสร้างแบรนด์ การขายของ หรือสร้างการเติบโตทางธุรกิจ แต่ยังใช้แก้ไขปัญหาเกี่ยวกับผู้คนและสังคมที่ซับซ้อนท้าทายได้

ในประเทศไทย มีธุรกิจและแบรนด์จำนวนมากที่มีผลงานด้าน ESG ที่โดดเด่น สามารถสร้างผลกระทบเชิงบวกได้อย่างเป็นรูปธรรม แต่ยังมีความท้าทายในการนำเรื่องราวดังกล่าว มาสื่อสารเพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงให้กับผู้คนและสังคม ดังนั้นความคิดสร้างสรรค์ หรือ Creativity จะเป็นจิ๊กซอว์ชิ้นสำคัญ ที่สามารถสนับสนุนลูกค้าในส่วนนี้ได้”

โอกิลวี่ ก่อตั้ง ‘Sustainability & Social Impact Team’ หรือ ทีมนักวางกลยุทธ์การสื่อสารด้านความยั่งยืนในสำนักงานโอกิลวี่ทุกประเทศทั่วโลก โดยในปี 2022 ทีมเรามีการเติบโตกว่า 30% จากผู้เข้าร่วมใหม่ ๆ ที่สนใจประเด็นทางสังคมเดียวกัน เรานำแนวคิดด้านความยั่งยืนเข้าไปผสานกับแผนงานต่างๆ เพื่อเติมเต็มความโดดเด่นในการเป็นผู้นำด้านความยั่งยืนให้กับลูกค้า ตั้งแต่การพัฒนากลยุทธ์ ESG ตลอดจนการทำแบรนดิ้ง และการสื่อสารแบรนด์ไปยังผู้บริโภค (อ้างอิงจาก WPP’s Sustainability Report 2022)”

ศุภศิษฏ์ โชคมงคลเสถียร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายกลยุทธ์ ระบุว่า “ทุกวันนี้ การพัฒนาแบรนด์ให้กับแต่ละองค์กร มีผู้มีส่วนได้ส่วนเสียหลัก (Key Stakeholders) มากขึ้น ทุกภาคส่วนมองหาจุดยืนด้านความยั่งยืน และผลกระทบเชิงบวกที่แบรนด์สร้างขึ้น เราเชื่อว่าความคิดสร้างสรรค์ที่ดี จะต้องสามารถทำงานกับกลุ่มเป้าหมายได้หลากหลาย แก้ปัญหาได้มากกว่าเพียงเรื่องเดียว พัฒนาแบรนด์ และชื่อเสียงขององค์กรในระยะยาวได้

ทั้งหมดนี้ คือสาเหตุที่โอกิลวี่ ประเทศไทย เป็นผู้นำในการนำ Sustainability Practice มาเติมเต็มในทุก Capabilities ตั้งแต่การวางกลยุทธ์การสร้างแบรนด์ (Branding & Strategy) งานครีเอทีฟ (Creative) งานด้านนวัตกรรมและการสร้างสรรค์ประสบการณ์ (Technology & Experience) งานประชาสัมพันธ์ (Public Relations) ผ่านทีมงานที่มีแพชชัน ประสบการณ์ และความเชี่ยวชาญในประเด็นความยั่งยืน เพื่อร่วมกันสร้างความเปลี่ยนแปลงเชิงบวกต่อธุรกิจ แบรนด์ ผู้บริโภค ชุมชน สังคม ตลอดจนประเทศชาติ”

PR-Ogilvy-Sustainability

ศศิภาส์ มงคลนาวิน ผู้อำนวยการกลุ่มฝ่ายกลยุทธ์ โอกิลวี่ ประเทศไทย กล่าวว่า “เป็นที่น่าสนใจว่า จาก 100 แบรนด์ชั้นนำที่มีมูลค่าสูงสุดระดับโลกในปี 2566 มีเพียง 2% เท่านั้นที่สามารถสร้างภาพจำด้านความยั่งยืนในสายตาผู้บริโภค ดังนั้น แม้ธุรกิจจะมีความแข็งแกร่งในแง่แบรนด์ (Strong Core Branding) แต่ไม่ได้หมายความว่าจะสร้างการรับรู้ว่าเป็นแบรนด์ที่ให้ความสำคัญด้านความยั่งยืน (Strong Sustainability Perceptions) ในสายตาผู้คนได้เสมอไป

การสร้างแบรนด์ และการสื่อสารผ่านแคมเปญที่สร้างผลลัพธ์ด้านความยั่งยืนจึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง ที่จะทำให้เกิดความแตกต่างและภาพจำที่ชัดเจน เพื่อสร้างการเติบโตทางธุรกิจในอนาคต โดยจากการศึกษาของ UN Global Compact พบว่า ภายในปี 2573 การดำเนินงานด้านความยั่งยืนจะสร้างมูลค่าทางการตลาดได้มากกว่า 12 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ และแบรนด์ที่เป็นผู้นำในวันนี้มุ่งสื่อสารกับผู้บริโภคในวงกว้างและไม่ Hard-Sell นโยบายความยั่งยืนแต่กลับเชื่อมกับผู้บริโภคที่มีความหลากหลายด้วยการสื่อสารที่เข้าถึงแบบ Personalize กับแต่ละ segmentation ผ่านความคิดสร้างสรรค์”

โดยที่ผ่านมา โอกิลวี่ ประเทศไทย ได้ร่วมกับลูกค้าสร้าง Impact ต่อสังคมโลกผ่านแคมเปญสร้างสรรค์มากมาย ไม่ว่าจะเป็นแคมเปญ “กาแฟที่แฟร์กับคนทั้งโลก” ของ Café Amazon ผ่านการนิยามมาตรฐานความยั่งยืนใหม่ในอุตสาหกรรมกาแฟ ที่ผู้คน สิ่งแวดล้อม และโลกใบนี้ ได้ประโยชน์ร่วมกันแบบแฟร์ ๆ ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ หรือช่วยส่งเสริมให้ทุกคนสามารถเปลี่ยนแปลงสู่ความเป็นตัวเองที่ดีขึ้นผ่านจุดเริ่มต้นเล็ก ๆ ภายใต้แคมเปญ “Every Little Act Matters” ของ Nestle หรือการร่วมมือระหว่างการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) และ Yggdrasil ค่ายเกมชื่อดังแห่งยุค สร้างประสบการณ์เดินทางแบบดิจิทัลในเกมออนไลน์ชื่อดังอย่าง ‘Home Sweet Home’ กระตุ้นการจับจ่ายจากผู้บริโภคกลุ่ม Gen Z เกมเมอร์ทั่วโลก เพื่อช่วยฟื้นฟูธุรกิจท้องถิ่นหลังวิกฤต โควิด-19

แคมเปญ “HALLS Breath of Thailand”  ที่สร้าง QR Code บนซองผลิตภัณฑ์ โดยร่วมมือกับ ททท. ในการรวบรวมรายชื่อสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมมาไว้ในเว็บไซต์ของแคมเปญ เพื่อช่วยโปรโมตและสร้างรายได้ให้กับสถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ และทำให้ทุกคนสามารถเข้าไปดูข้อมูล ปักหมุดวางแผนการเที่ยวได้อย่างง่ายดาย

และต้องยอมรับว่า ไม่มีธุรกิจหรืออุตสาหกรรมใดที่สามารถเดินหน้าเพื่อบรรลุเป้าหมายด้านความยั่งยืนได้เพียงลำพัง การร่วมมือกันคือสิ่งสำคัญที่จะพาเราก้าวเดินไปสู่ผลสำเร็จได้อย่างมีประสิทธิภาพโดยการนี้ โอกิลวี่ ประเทศไทย ได้ชวนพันธมิตรด้านความยั่งยืนจากหลากหลายภาคส่วนเข้ามาแบ่งปันมุมมองและประสบการณ์ 

เสกสรร รวยภิรมย์ ผู้ก่อตั้งมูลนิธิสติ (SATI Foundation) ซึ่งดำเนินงานมาร่วม 10 ปี มีเป้าหมายแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาและคุณภาพชีวิตให้เด็กและผู้คนในสังคมที่ขาดโอกาส พร้อมสร้างธุรกิจเพื่อช่วยเหลือสังคม เช่น Na Projects Group ร้านอาหารแพลนต์เบส Broccoli Revolution และปีนี้ได้ก่อตั้ง ISSA สตาร์ตอัพที่สนับสนุนแรงงานจากประเทศเพื่อนบ้านที่เข้ามาหาโอกาสในเมืองไทย  กล่าวว่า “ผมไม่ได้มองว่า Social Impact และ Sustainability เป็นเรื่องที่ต้องแยกหรือเพิ่มจากสิ่งที่แบรนด์หรือธุรกิจทำ แต่มันรวมอยู่ในแผนธุรกิจได้เลย ซึ่งจะสามารถทำได้แบบยั่งยืน ต่อเนื่อง

ผมใส่แนวคิดนี้ลงไปในกิจการของตัวเอง เพื่อเป็นการพิสูจน์ว่าการพัฒนาธุรกิจให้มีอิมแพ็คต่อสังคมนั้นสามารถเกิดขึ้นได้จริง โดยหัวใจสำคัญ คือ Long Term Commitment การใช้ Data-Tracking ในการเก็บข้อมูล Social Impact ที่ทำไป  ซึ่งมูลนิธิสติ ก็ตั้งใจสร้างและใช้ Dashboard รวมถึง Real-time Tracking เพื่อวัดผลงานบนโปรเจ็คต์ที่เราทำอย่างต่อเนื่อง พร้อมปรับแผนงานให้บรรลุเป้าหมายที่เราวางไว้”

ธนบูรณ์ สมบูรณ์ ผู้ก่อตั้ง Greenery คอมมูนิตี้ผู้บริโภครุ่นใหม่ที่สนใจการใช้ชีวิตที่ยั่งยืน และยังเป็นผู้ก่อตั้ง CreativeMOVE องค์กรนวัตกรรมสังคมที่เชื่อว่า “ความคิดสร้างสรรค์ ศิลปะ และงานออกแบบ สามารถเปลี่ยนโลกได้” กล่าวว่า “คนมักถามผมว่า คนยุคนี้สนใจความยั่งยืนจริงหรือ พร้อมที่จะจ่ายเพื่อความ Sustainable จริงมั้ย ผมก็จะตอบตลอดว่าจริง เพราะเดี๋ยวนี้ GEN Y ให้ความสำคัญ เรื่องความยั่งยืนและการรักษ์โลกมากขึ้น ส่วน GEN Z ก็มีความภูมิใจที่ได้ซื้อ ได้ใช้ ได้โชว์ว่าเป็นส่วนหนึ่งในการซัพพอร์ตแบรนด์ที่ให้ความสำคัญและทำธุรกิจด้วยความยั่งยืน ทั้งยังสามารถสร้างการมีส่วนร่วมกับผู้บริโภคได้

จากประสบการณ์การทำ Marketing & Media และการเป็นที่ปรึกษาธุรกิจและแบรนด์เพื่อสังคมมากว่า11 ปี ผมเห็นความเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจน จากแต่ก่อนที่ Brand ทำน้อยแต่พูดเยอะ ทุกวันนี้ consumer เก่งขึ้น เข้าใจเรื่องความยั่งยืนมากขึ้น ถ้าเพียงปลูกต้นไม้แล้วเคลมบนความยั่งยืน คนก็ดูออก ทุกวันนี้สำหรับแบรนด์คือการ ทำจริง พูดดัง ส่งต่อแรงบันดาลใจ และชวนผู้คนมาร่วมสร้างการเปลี่ยนแปลงไปด้วยกัน”

ข่าวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ

เอ็มเทค ให้บริการฐานข้อมูลค่ากลางคาร์บอน หนุนอุตสาหกรรมอะลูมิเนียม ปลดล็อก CBAM

ใครฆ่าคุณค่าข่าว? ข่าวไร้คุณค่าฆ่าสังคม?

STAY CONNECTED

0แฟนคลับชอบ
440ผู้ติดตามติดตาม
spot_img

Lastest News

MUST READ