เมื่อ ESG ไม่ได้เป็นกระแสระยะสั้นที่จะมาแล้วจบไป แต่เป็นเรื่องที่ต้องผนวกไว้ในกระบวนการธุรกิจและการดำเนินชีวิต การตัดสินใจเชิงนโยบายในโลกยุคใหม่ ESG Declaration ของสมาคมธนาคารไทย จึงถือเป็นอีกก้าวสำคัญของภาคการเงินไทยที่ยกระดับการทำหน้าที่สนับสนุนการปรับตัวของประเทศสู่การเติบโตอย่างยั่งยืนของเศรษฐกิจ
ดร. เศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า อีกก้าวสำคัญของภาคการเงินไทยที่ยกระดับการทำหน้าที่สนับสนุนการปรับตัวของประเทศสู่การเติบโตอย่างยั่งยืนของเศรษฐกิจ ซึ่งถือเป็นแนวทางหลักสำหรับการพัฒนาประเทศในช่วงเวลานี้
ปัจจุบันแนวคิดเรื่องความยั่งยืนที่ประกอบด้วยประเด็นทั้งด้านสิ่งแวดล้อม สังคม หรือธรรมาภิบาล หรือเรียกสั้น ๆ ว่า ESG ไม่ได้เป็นกระแสระยะสั้นที่จะมาแล้วจบไป แต่จะเป็นเรื่องที่ทุกภาคส่วนต้องคำนึงถึงและผนวกไว้ในกระบวนการ ธุรกิจ และการดำเนินชีวิต รวมถึงการตัดสินใจเชิงนโยบายอย่างเป็นรูปธรรมเพื่อให้อยู่รอดในโลกยุคใหม่ได้
โดยผู้บริโภคทั่วโลก นักลงทุน และผู้ใช้บริการทางการเงิน ต่างให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ และจะกดดันให้ธุรกิจต่าง ๆ ต้องเร่งปรับตัว
นอกจากนี้ หน่วยงานภาครัฐในหลายประเทศ เริ่มยกระดับการบังคับใช้กฎหมายและหลักเกณฑ์ที่กำหนดให้ภาคธุรกิจต้องดำเนินงานในเรื่องความยั่งยืนอย่างจริงจัง เช่น การกำหนดมาตรฐานขั้นต่ำการเปิดเผยข้อมูลด้านความยั่งยืนที่ตลาดหลักทรัพย์ในหลายประเทศ ได้ทยอยบังคับใช้กันแล้ว รวมถึงนโยบายการค้าระหว่างประเทศ เช่น มาตรการ Carbon Boarder Adjustment Mechanism หรือที่เรียกกันว่า CBAM ของสหภาพยุโรป ซึ่งเป็นสัญญาณเตือนว่าการดำเนินธุรกิจในระยะต่อไปจำเป็นต้องมีแผนการดำเนินงานรวมถึงผลลัพธ์เรื่องความยั่งยืนที่เป็นรูปธรรม
ขณะนี้ประเทศไทยกำลังเผชิญความท้าทายความยั่งยืนในหลายมิติ ทั้งด้านธรรมาภิบาล สังคม และสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่ส่งกระทบเร็วและรุนแรงกว่าที่คาด รวมถึงมิติด้านสังคมในช่วงของการเงินภาคประชาชน รวมถึงเรื่องของการเข้าถึงบริการทางการเงินและหนี้ครัวเรือนที่อาจซ้ำเติมปัญหาความเหลื่อมล้ำจนฉุดรั้งการเติบโตของไทยได้
“กสิกรไทย” วาง 6 ยุทธศาสตร์ด้าน ESG มุ่งสู่เป้าหมายธนาคารแห่งความยั่งยืน
ดีลอยท์ เผย ESG เป็นวาระขับเคลื่อนธุรกิจขององค์กรอย่างยั่งยืน
แม้ที่ผ่านมา บริษัทขนาดใหญ่ในไทยจะเริ่มยกระดับการดำเนินธุรกิจสู่ความยั่งยืนไปพอสมควรแล้ว สะท้อนจากบริษัทไทยเข้าเป็นสมาชิก Dow Jones sustainability Index หรือ DGSI มีจำนวนสูงที่สุดในกลุ่มประเทศอาเซียน แต่หากมองในภาพรวมที่จะตอบโจทย์ในเรื่องนี้ของประเทศยังต้องปรับตัวอีกมาก
จากผลสำรวจระดับการเปิดเผยข้อมูลด้านความยั่งยืนตามมาตรฐานสากลพบว่า มีเพียงร้อยละ 16 ของบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ไทยที่สามารถเปิดเผยข้อมูลการจัดการเรื่องก๊าซเรือนกระจกของตนเองได้ และมีเพียงร้อยละ 7 ที่สามารถเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับสิทธิมนุษยชน ซึ่งในจำนวนนี้ยังไม่นับรวมธุรกิจทั้งขนาดกลางและขนาดเล็กหรือ SMEs ที่อยู่นอกตลาดหลักทรัพย์ที่อาจยังไม่ตระหนักรู้ หรือไม่มีเงินทุนเพียงพอสำหรับการปรับตัวในเรื่องนี้
ธนาคารแห่งประเทศไทยในฐานะผู้กำกับดูแล จึงตระหนักถึงบทบาทของภาคการเงินไทย ที่จะเป็นกลไกสำคัญในการจัดสรรเงินทุนแก่ภาคธุรกิจและภาคครัวเรือน ให้สามารถปรับตัวสู่ความยั่งยืนได้ดีขึ้น โดยเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ธปท. ได้เผยแพร่แนวนโยบายภูมิทัศน์ใหม่ภาคการเงินไทย เพื่อเศรษฐกิจดิจิทัลและการเติบโตอย่างยั่งยืน หรือเรียกกันสั้น ๆ ว่า Financial Landscape เพื่อเป็นแนวทางในการปรับภาคการเงินให้ยืดหยุ่น และยกระดับบริการทางการเงินให้ตอบโจทย์โลกอนาคตได้ดีขึ้น ซึ่งได้รวมถึงการปรับตัวภายใต้ ESG
โดยสิ่งที่ ธปท. อยากเห็นคือ หนึ่ง สถาบันการเงินมีกระบวนการผนวกเรื่อง ESG เข้าเป็นส่วนหนึ่งของการตัดสินใจและดำเนินธุรกิจอย่างเป็นระบบ สอง สถาบันการเงินมีผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงินที่จะเอื้อให้ภาคธุรกิจปรับตัว รับมือกับการเปลี่ยนแปลงด้านสิ่งแวดล้อมได้อย่างเท่าทัน รวมถึงมีความรับผิดชอบ ที่จะช่วยให้ภาคประชาชนบริหารการเงินได้อย่างเหมาะสม และจัดการหนี้สินได้อย่างยั่งยืน สาม สถาบันการเงินสามารถบริหารจัดการความเสี่ยง โดยเฉพาะความเสี่ยงที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงด้านสิ่งแวดล้อมและสังคมได้อย่างทันการณ์ โดยไม่ส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพของระบบการเงิน
ล่าสุด ธปท. เพิ่งได้ออกเอกสารทิศทางการพัฒนาสู่ความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อมภายใต้ภูมิทัศน์ใหม่ภาคการเงินไทย เพื่อให้เห็นแนวทางของ ธปท. ที่จะสนับสนุนให้ภาคการเงินพร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงด้านสิ่งแวดล้อมและสามารถตอบโจทย์การปรับตัวของระบบเศรษฐกิจได้
บทบาทของภาคการเงินด้านสิ่งแวดล้อมที่ธปท. เพิ่งเผยแพร่ซึ่งการดำเนินงานที่ผ่านมา เริ่มมีความคืบหน้า แต่การขับเคลื่อนให้เห็นผลที่ชัดเจนยังทำได้จำกัด เนื่องจากแต่ละภาคส่วนในระบบเศรษฐกิจยังมีแนวทางการจัดกลุ่มหรือมาตรวัดความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมในกิจกรรมต่าง ๆ ที่ไม่ตรงกันการสนับสนุนหรือการจัดสรรเงินทุนจึงยังเกิดขึ้นได้ไม่เต็มที่ และไม่ตรงจุดเท่าที่ควร
ดังนั้น ในการช่วยผลักดันการปรับตัวของภาคการเงิน อย่างแรก ธปท. จึงจะเร่งให้มีการกำหนดนิยามหรือจัดกลุ่มกิจกรรมทางเศรษฐกิจ หรือที่เรียกกันว่า Taxonomy เพื่อสร้างความเข้าใจและมาตรฐานการประเมินกิจกรรมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมที่ตรงกัน สามารถนำไปใช้อ้างอิงในการกำหนดนโยบาย วางแผนเชิงกลยุทธ์ รวมถึงพัฒนาผลิตภัณฑ์และการบริการที่ตอบโจทย์ของภาคธุรกิจได้ในวงกว้าง ซึ่งจะเริ่มด้วย Sector สำคัญ คือ ภาคพลังงานและขนส่ง คาดว่าจะเสร็จภายในต้นปี 2566
การจัดกลุ่มกิจกรรมทางเศรษฐกิจนี้ จำเป็นต้องมีข้อมูลระดับมหภาค เพื่อใช้ประเมินความเสี่ยงและโอกาสจากการเปลี่ยนแปลงด้านสิ่งแวดล้อม เช่น การปล่อยก๊าซเรือนกระจกของแต่ละอุตสาหกรรม อีกทั้งภาคการเงินที่ต้องการข้อมูลระดับ Firm Level เพื่อใช้ประเมินว่าธุรกิจดำเนินการสอดคล้องกับทิศทางที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากน้อยเพียงใด เพื่อจัดสรรเงินทุนให้เหมาะสม
เรื่องที่ 2 ที่ ธปท.จะเร่งผลักดัน คือ การพัฒนาฐานข้อมูลและสนับสนุนให้ภาคธุรกิจเปิดเผยข้อมูลด้านสิ่งแวดล้อมที่ได้มาตรฐาน ซึ่งต้องเชื่อมโยงกับภาคส่วนอื่น ๆ เพื่อให้เป็นโครงสร้างพื้นฐานของการขับเคลื่อนเรื่องนี้ในระดับประเทศ
ตัวอย่างเหล่านี้ คือ เครื่องมือที่ ธปท. จะช่วยให้การจัดทรัพยากรในภาคการเงินทำได้ตรงจุดยิ่งขึ้น แต่เพื่อให้เรามี Eco System หรือระบบนิเวศสำหรับการดำเนินการด้าน ESG ที่สมบูรณ์ต้องอาศัยการปรับธุรกิจของภาคการเงินแบบครบวงจร หรือ N to N ให้คำนึงถึงเรื่องสิ่งแวดล้อมอย่างเป็นระบบด้วย ซึ่งเมื่อปี 2562 ธนาคารพาณิชย์ไทยได้ร่วมกันลงนามใน Sustainable Banking Guideline เพื่อส่งเสริม Responsible Lending หรือการให้สินเชื่ออย่างรับผิดชอบ เพื่อนำปัจจัยด้าน ESG มาร่วมพิจารณากำหนดนโยบายและกระบวนการให้สินเชื่อ
จากจุดเริ่มต้นในวันนั้น จะเห็นพัฒนาการและการปรับการดำเนินธุรกิจให้สอดรับกับแนวคิดด้านความยั่งยืนของธนาคารพาณิชย์มาอย่างต่อเนื่อง และ ธปท. จะเร่งส่งเสริมให้สถาบันการเงินผนวกแนวคิดด้านสิ่งแวดล้อมเป็นส่วนหนึ่งของการดำเนินงานอย่างมีมาตรฐาน โดยจะออกแนวนโยบายการดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อมเพื่อใช้อ้างอิงเป็นมาตรฐานขั้นต่ำในการดำเนินงานและบริหารจัดการความเสี่ยงของสถาบันการเงิน หรือที่เรียกว่า Standard Practice
อย่างไรก็ดี การขับเคลื่อนให้ระบบเศรษฐกิจสามารถเปลี่ยนผ่านไปสู่ความยั่งยืนทางด้านสิ่งแวดล้อมและด้านสังคม จะอยู่ภายใต้หลักการเดียวคือต้องคำนึงถึงจังหวะเวลา Timing และความเร็ว หรือ Speed ที่เหมาะสม รวมทั้งต้องสอดคล้องกับบริบทของประเทศและความพร้อมของแต่ละภาคส่วน โดยจำเป็นต้องสร้างสมดุล ระหว่างการเดินหน้าสู่เป้าหมายด้านความยั่งยืนและผลข้างเคียงเชิงลบที่จะเกิดขึ้นกับภาคส่วนต่าง ๆ โดยเฉพาะลูกหนี้รายย่อยและธุรกิจ SMEs ดังนั้น การดำเนินการจึงต้องไม่ช้าเกินไปจนเกิดผลกระทบลุกลามไม่สามารถแก้ไขได้ และไม่เร็วเกินไปจนภาคเศรษฐกิจโดยเฉพาะกลุ่มที่ยังขาดความพร้อมไม่สามารถปรับตัวได้ทัน
การส่งเสริมธุรกิจประกันภัยให้ยั่งยืนด้วยปัจจัย ESG
สมาคมธนาคารไทยและธนาคารสมาชิกทุกแห่ง จะร่วมกันประกาศเจตนารมณ์ที่จะผนวกรวมทุกมิติ ด้านความยั่งยืนเข้าเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมและการดำเนินธุรกิจของภาคการเงินไทย ซึ่งถือเป็นคำมั่นสัญญาที่ธนาคารพาณิชย์ไทยจะให้กับสาธารณชน ว่าจะเร่งปรับกระบวนการดำเนินธุรกิจไปสู่การพัฒนาบริการทางการเงินที่ตอบโจทย์ ESG ของประเทศ และยืนยันความตั้งใจด้วยการกำหนดแผนดำเนินงาน กรอบเวลา และแนวทางการประเมินผลสัมฤทธิ์ที่ชัดเจน
ซึ่งการประกาศร่วมกันในครั้งนี้จะทำให้เกิดการเดินหน้าในเรื่อง ESG ของธนาคารพาณิชย์แต่ละแห่ง มีความสอดคล้องกันกับมาตรฐานใกล้เคียงกันยิ่งขึ้น และจะช่วยเร่งการปรับตัวของภาคการเงินในภาพรวมได้ ซึ่งสอดรับกับแนวทางนโยบายของธปท.ภายใต้ภูมิพัฒน์ภูมิทัศน์ใหม่ภาคการเงินไทย
ในระยะต่อไป เราจะได้เห็นธนาคารพาณิชย์ที่มีโครงสร้างการบริหารจัดการภายในที่ทำให้การดำเนินธุรกิจต้องคำนึงถึงความยั่งยืนอย่างเป็นระบบ ซึ่งท้ายที่สุดจะทำให้เกิดผลิตภัณฑ์หรือบริการทางเงินที่ตอบโจทย์และสร้างแรงจูงใจให้ธุรกิจปรับตัว รวมถึงการคำนึงถึงความยั่งยืนของลูกค้าหรือลูกหนี้ อย่างเป็นรูปธรรม
“การบูรณาการความร่วมมือระหว่างภาครัฐ ภาคเศรษฐกิจจริงและภาคการเงินเมื่อรวมกับความตระหนักรู้และความพร้อมที่จะปรับตัวของประชาชน จะช่วยขับเคลื่อนให้ไทยสามารถบรรลุเป้าหมายการเติบโตทางด้านเศรษฐกิจและสังคมที่ยั่งยืนได้อย่างราบรื่นและทันการ”
เจตนารมณ์ด้านสิ่งแวดล้อม สังคม ธรรมาภิบาล
ขัตติยา อินทรวิชัย กรรมการ สมาคมธนาคารไทย, CEO Co-sponsor ด้าน Sustainability และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกสิกรไทย กล่าวว่า ปัญหาภาวะโลกร้อน ก่อให้เกิดความท้าทายครั้งใหม่ต่อความยั่งยืนและคุกคามต่อการดำรงอยู่ของมวลมนุษยชาติและสรรพสิ่งทั้งหมดบนโลกนี้ สิ่งมีชีวิตทั้งหลายต่างตกอยู่ในภาวะที่เปราะบางโดยไม่มีข้อยกเว้น สถาบันการเงิน ซึ่งเป็นหนึ่งในกลไกขับเคลื่อนการขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศ ได้ให้การสนับสนุนทางด้านการเงินเพื่อยกขีดระดับความสามารถในการพัฒนาและปรับตัวเพื่อรับมือกับความท้าทายที่เกิดขึ้น ตลอดจนเอื้ออำนวยให้การเปลี่ยนผ่านเป็นไปได้อย่างราบรื่น
ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงของภูมิอากาศ สมาคมธนาคารไทยตระหนักดีถึงความเร่งด่วน และความรุนแรงของปัญหาการเปลี่ยนสภาพภูมิอากาศ โดยคำนึงถึงความเสี่ยงและโอกาสใหม่ ๆ ในด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาลที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ความหลากหลายและสิทธิมนุษยชน การเข้าถึงบริการทางการเงินอย่างครอบคลุม และการจัดการปัญหาความไม่เสมอภาคสมาคมธนาคารไทยมุ่งมั่นให้การสนับสนุน ประเทศไทยอย่างจริงจัง บนเส้นทางสู่เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนขององค์การสหประชาชาติ รวมถึงพันธกิจของประเทศที่มีต่อความตกลงปารีสด้วยบทบาทตัวกลางทางการเงินที่มีความรับผิดชอบ ส่งเสริมความยั่งยืนในการประกอบธุรกิจ และขับเคลื่อนการเติบโตอย่างยั่งยืนของประเทศไทย
ทั้งนี้ การผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเชิงระบบดังกล่าว ต้องอาศัยการผสานพลังระหว่างกัน รวมถึงความมุ่งมั่นในพันธกิจที่มีความหมาย การเร่งดำเนินการในระยะอันใกล้ ให้สอดรับกันทั้งระบบการเงิน
สมาชิกของสมาคมธนาคารไทยจึงเห็นชอบร่วมกันในการประกาศเจตนารมณ์ด้านสิ่งแวดล้อม สังคม ธรรมาภิบาลหรือ ESG Declaration ยกระดับการดำเนินงานเพื่อ เสริมสร้างความยืดหยุ่นให้กับภาคการเงินในระยะต่อไป ทั้งในด้านการลดความเสี่ยง การปรับตัวในมิติของสิ่งแวดล้อมสังคม และธรรมาภิบาล ตลอดจนการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ รวมทั้งพัฒนาแนวทางการปฏิบัติที่ยั่งยืนอันสอดคล้องกับปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง แนวปฏิบัติในระดับประเทศ แนวทางการธนาคารเพื่อความยั่งยืนในการให้สินเชื่ออย่างรับผิดชอบของสมาคมธนาคารไทย กรอบการกำกับดูแลของธนาคารแห่งประเทศไทยและแนวปฏิบัติที่ดีในระดับสากลที่เกี่ยวข้อง
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หลักการธนาคารที่รับผิดชอบขององค์การสหประชาชาติ หลักการชี้แนะเรื่องธุรกิจและสิทธิมนุษยชนขององค์การสหประชาชาติ และแนวปฏิบัติการเปิดเผยข้อมูลทางการเงินที่เกี่ยวข้องกับสภาพภูมิอากาศ โดยจะดำเนินการตามแนวทางที่มีความสำคัญดังต่อไปนี้
หนึ่ง ด้านธรรมาภิบาล มีระบบการกำกับดูแลกิจการที่ดี และดำเนินการกำกับดูแลได้อย่างมีประสิทธิผลในระดับคณะกรรมการโดยกำหนดภาระและขอบเขตความรับผิดชอบที่ชัดเจนในระดับการจัดการ ในเรื่องที่เกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล โดยเฉพาะการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การเข้าถึงบริการทางการเงินอย่างทั่วถึง และการเคารพต่อสิทธิมนุษยชน
สอง ยุทธศาสตร์ ให้มีการบูรณาการพันธกิจด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล เข้ากับยุทธศาสตร์การดำเนินธุรกิจ และกำหนดกรอบด้านการเงินที่ยั่งยืน เพื่อลดผลกระทบเชิงลบและสนับสนุนการขยายตัวทางเศรษฐกิจ ควบคู่ไปกับการพัฒนาด้านสังคมและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน โดยสมาคมธนาคารจะให้การสนับสนุนอย่างเต็มกำลัง เพื่อสนับสนุนรัฐบาลขับเคลื่อนประเทศให้สามารถเปลี่ยนผ่านไปสู่เป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์อย่างราบรื่น
สาม การบริหารความเสี่ยงด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล ภาคธนาคาร จะผนวกรวมประเด็นด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล รวมถึงการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ไว้ในกระบวนการการบริหารความเสี่ยง ทั้งด้านการวิเคราะห์สถานการณ์ และการทดสอบภาวะวิกฤต เพื่อประเมินผลกระทบต่อการดำเนินงานธุรกรรมและ portfolio ของธนาคารพาณิชย์
สี่ ผลิตภัณฑ์ทางการเงินปรับใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อส่งเสริมการเข้าถึงบริการทางการเงิน รวมทั้งนวัตกรรมทางการเงินที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและยั่งยืน ตลอดจนให้ความช่วยเหลือลูกค้า ให้สามารถบรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ และการเติบโตที่ยั่งยืน
ห้า การสื่อสาร การสื่อสารและประสานความร่วมมือจากผู้ที่มีส่วนได้เสียทุกภาคส่วน ในการสร้างจิตสำนึกสาธารณะด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล รวมถึงการดำเนินงานเพื่อสนับสนุนการบรรลุเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน
สุดท้าย การเปิดเผยข้อมูลทางการเงินพัฒนาระบบติดตามและรายงานที่สอดคล้องกับกรอบการกำกับดูแลของประเทศไทยและมาตรฐานการเปิดเผยข้อมูลด้านความยั่งยืนในระดับสากล
“สมาคมธนาคารไทยขอให้คำมั่นที่จะร่วมมือกันดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงด้วยความโปร่งใสและยืดหยุ่น เพื่อให้การทำงานระหว่างธนาคารสมาชิกของสมาคมธนาคารไทย สอดประสานบนมาตรฐานเดียวกัน ภายใต้หลักการปฏิบัติตามให้มากที่สุด หรือชี้แจงเหตุผลในกรณีที่ไม่สามารถปฏิบัติได้ หรือ Comply or Explain โดยจะจัดทำคู่มือที่ระบุรายละเอียดการดำเนินงานที่เกี่ยวข้อง กรอบเวลา และตัวชี้วัดผลการดำเนินงานสำหรับแต่ละองค์ประกอบด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล เพื่อผลักดันให้ภาคการธนาคารเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญ ในการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมอย่างยั่งยืน เพื่อนำพาให้เศรษฐกิจเจริญก้าวหน้า และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากยิ่งขึ้น”
พันธสัญญาจากภาครัฐ
World Economic Forum ในปี 2022 ได้เปิดรายงานความเสี่ยงของโลกเอาไว้ และระบุว่าความล้มเหลวในการจัดการปัญหาเรื่องโลกร้อนเป็นความเสี่ยงอันดับหนึ่ง ความแปรปรวนของสภาพอากาศที่รุนแรงมากขึ้นในแต่ละปีเป็นความเสี่ยงเป็นอันดับที่ 2 ซึ่งแต่ละปีจะรุนแรงมากขึ้นมากขึ้นทุกปี
ประเทศไทยปล่อยก๊าซเรือนกระจกออกมาเป็นอันดับที่ 21 ของโลก ถ้าเทียบเป็น % อยู่แค่ 0.8 %เท่านั้นเอง ยังไม่ถึง 1% เลย แต่ว่าในทางกลับกันแล้ว เวลาเจอปัญหาภัยพิบัติขึ้นมา ประเทศไทยเป็นอันดับ 9 ที่จะโดนเผชิญกับปัญหาภัยพิบัติก่อน
วราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า รัฐบาลได้ประกาศนโยบายเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียวหรือว่า Bio Circular Green Economy เป็นวาระแห่งชาติที่จะขับเคลื่อนประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังสถานการณ์ covid-19 การที่จะ Build Forward Greener
การเน้นในเรื่อง ESG ในภาคการลงทุน ภาคเอกชน การที่จะเดินไปข้างหน้า การที่จะมี Responsible Investment การลงทุนที่ต้องเน้นถึงความเป็นมิตร คำนึงถึงความเสี่ยงและโอกาส ที่ไม่ใช่คำนึงผลกำไรอย่างเดียว คำนึงถึง environment คำนึงถึง social รวมถึงกับ governance เป็นหัวใจสำคัญในการที่จะหมุนไปข้างหน้าทำให้เกิดความยั่งยืนเกิดขึ้น
“ทำอย่างไรที่จะทำให้เศรษฐกิจโตขึ้นโดยที่มันจะไม่มีผลกระทบ Environment Impact เข้ามา วันนี้หัวใจสำคัญ คือ จะทำอย่างไรที่จะ Decouple ตัว Economic Development กับ Environmental Sustainability กันได้ ดังนั้นการลงทุนที่มีความรับผิดชอบ ESG จะเป็นส่วนสำคัญในการที่จะขับเคลื่อน Bio Circular Green Economy”
ด้าน EU มีมาตรการทางภาษี CBAM ที่เกิดขึ้น ครอบคลุมสินค้าอยู่ 5 ชนิด เหล็ก เหล็กกล้า อลูมิเนียม ปุ๋ย พลังงาน และซีเมนต์ ในอนาคตตัว CBAM นี้กำลังจะเริ่มทดลองใช้ในปี 2566 และจะบังคับใช้ในปี 2567
“CBAM ครอบคลุมอยู่ 5 ชนิด คณะ Sub-Committee ของ EU กำลังพิจารณาชนิดที่ 6 เกี่ยวกับยานยนต์ (automotive) วันดีคืนดีถ้าหากว่าเขาประกาศว่าเขาจะรวมไปถึง Agricultural Products หรือสินค้าการเกษตรขึ้นมา ถามว่าพี่น้องเกษตรกรไทยเราจะทำกันอย่างไร เราจะปรับตัวกันอย่างไร”
สำหรับประเทศไทย มีแผนยุทธศาสตร์ระยะยาวในการพัฒนาการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในระดับต่ำ (Long-term Greenhouse Gas Emissions Development Strategies หรือ LTS) มีการปรับเป้าหมายการมีส่วนร่วมที่ประเทศ (National Determined Contribution หรือ NDC) กำหนดว่า จะก้าวเข้าสู่สถานะ Carbon Neutrality ภายในปี 2050 หรือ 3 ปีจากนี้ไป จะปลดปล่อยอยู่ที่ประมาณ 370 ล้านตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า จะต้องลดลงมาปรับลดลงมาให้เหลือประมาณ 120 ล้านตันเท่านั้น
ขณะนี้กระทรวงทรัพยฯ กำลังอยู่ในขั้นตอนที่จะ revise แผน ทั้ง LTS และ NDC ให้ถึงร้อยละ 40 คือ การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้ลดลงมาให้ได้ ประมาณ 40% ภายในปี 2030 คือต้องลดให้มากกว่าเดิมอีก 10% ซึ่งตัวช่วยที่สำคัญคือ Green Finance การเพิ่มสัดส่วนการใช้พลังงานและปรับเปลี่ยนจาก Fossil Fuel มาเป็น Renewable ให้มากขึ้น พลังงานลม พลังงาน Solar หรือ Hydro Power กับการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน
กระทรวงพลังงานมีนโยบาย 4D 1E คือ Decarbonization, Deregulation, Decentralization, Digitization รวมทั้ง 1 E คือ Electrification การส่งเสริมการใช้ยานยนต์พาหนะที่เป็นไฟฟ้ามากขึ้น มาตรการทางภาษีต่า งๆ
ด้านการดำเนินการ 6 ด้านของประเทศไทย คือ ด้านนโยบาย ด้านการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมต่าง ๆ กับการพัฒนาการดักจับ และการใช้ประโยชน์ หรือ CCS (Carbon Capture and Storage) และ (Carbon Capture Utilization and Storage) ด้านการเงินและการลงทุน
“การศึกษาของ State Street Global Advisor พบว่านักลงทุนให้ความสำคัญกับการลงทุนที่ยั่งยืน Responsible Investment พอร์ตการลงทุนประมาณ 80% นั้น ได้จัดสรรเงินทุนให้กับองค์กรที่มีการดำเนินธุรกิจภายใต้แนวคิดของ ESG มากขึ้น ในตลาดหลักทรัพย์ของไทยมีการสำรวจเช่นกัน พบว่าการลงทุนในธุรกิจที่สอดคล้องกับ ESG จะได้ผลตอบแทนมากกว่าการลงทุนทั่วไป”
ด้านการจัดการกลไกของตลาดคาร์บอนทั้งในและต่างประเทศ ด้านการเพิ่มปริมาณการดูดซับก๊าซเรือนกระจกในประเทศไทย และด้านที่เกี่ยวกับร่างพระราชบัญญัติเป็นกฎหมาย
ขณะนี้ กระทรวงทรัพยฯ กำลังผลักดันร่างพ.ร.บ. จัดพระราชบัญญัติการเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศ หรือพรบ.Climate Change เป็นแผนการดำเนินการภายใต้แผนปฏิรูปประเทศ คาดว่าภายในสิ้นปี 2565 นี้ จะสามารถนำเสนอร่างพรบ. Climate Change เข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรีได้
ข่าวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
EVLOMO จับมือซีเมนส์ สร้างเครือข่ายชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าที่ใหญ่ที่สุดใน SEA
แสนสิริ จับมือกว่า 10 พันธมิตร ตั้งทีม R&D พัฒนา NET-ZERO HOME