TH | EN
TH | EN
หน้าแรกBusinessสภาอุตสาหกรรม เผยยอดส่งออกรถยนต์เดือนพ.ย. โตต่อเนื่อง ลุ้นสิ้นปีทะลุเป้า

สภาอุตสาหกรรม เผยยอดส่งออกรถยนต์เดือนพ.ย. โตต่อเนื่อง ลุ้นสิ้นปีทะลุเป้า

สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เผยยอดส่งออกรถยนต์เดือนพฤศจิกายน 2566 จำนวน 99,609 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนพฤศจิกายน 2565 ร้อยละ 13.22

สุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ รองประธานและโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยจำนวนการผลิต ยอดขายภายในประเทศ และการส่งออกรถยนต์และรถจักรยานยนต์ของประเทศในเดือนพฤศจิกายน 2566 ส่งออกได้ 99,609 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนที่แล้วร้อยละ 8.46 และเพิ่มขึ้นจากเดือนพฤศจิกายน 2565 ร้อยละ 13.22 จากเศรษฐกิจของประเทศคู่ค้ายังดี จึงส่งออกเพิ่มขึ้นในตลาดออสเตรเลีย ตะวันออกกลาง ยุโรป อเมริกาเหนือ อเมริกากลางและอเมริกาใต้

การผลิต

จำนวนรถยนต์ทั้งหมดที่ผลิตได้ในเดือนพฤศจิกายน 2566 มีทั้งสิ้น 163,337 คัน ลดลงจากเดือนพฤศจิกายน 2565 ร้อยละ 14.10 เพราะฐานการผลิตสูงในปีที่แล้วจากการได้รับชิ้นส่วนเซมิคอนดักเตอร์มากขึ้นเพราะการระบาดของโรคโควิด 19 ชะลอตัวลง คนทำงานกลับไปทำงานที่สำนักงานมากขึ้น คอมพิวเตอร์และมือถือขายลดลง แต่เพิ่มขึ้นจากเดือนตุลาคม 2566 ร้อยละ 2.90

จำนวนรถยนต์ที่ผลิตได้ในเดือนมกราคม – พฤศจิกายน 2566 มีจำนวนทั้งสิ้น 1,708,042 คัน ลดลงจากเดือนมกราคม – พฤศจิกายน 2565 ร้อยละ 0.98

รถยนต์นั่ง เดือนพฤศจิกายน 2566 ผลิตได้ 60,396 คัน ลดลงจากเดือนพฤศจิกายน 2565 ร้อยละ 13.56 โดยแบ่งเป็น

  • รถยนต์นั่ง Internal Combustion Engine มีจำนวน 42,490 คัน ลดลงจากเดือนพฤศจิกายน 2565 ร้อยละ 89
  • รถยนต์นั่ง Battery Electric Vehicle ในเดือนพฤศจิกายนปี 2566 และ 2565 ไม่มีการผลิต
  • รถยนต์นั่ง Plug-in Hybrid Electric Vehicle มีจำนวน 750 คัน ลดลงจากเดือนพฤศจิกายน 2565 ร้อยละ 97
  • รถยนต์นั่ง Hybrid Electric Vehicle มีจำนวน 17,156 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนพฤศจิกายน 2565 ร้อยละ 99

ยอดผลิตของรถยนต์นั่ง ตั้งแต่เดือนมกราคม – พฤศจิกายน 2566 มีจำนวน 598,704 คัน เท่ากับร้อยละ 35.05 ของยอดการผลิตทั้งหมด เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม – พฤศจิกายน 2565 ร้อยละ 9.57 แบ่งเป็น

  • รถยนต์นั่ง Internal Combustion Engine มีจำนวน 458,420 คัน ลดลงจากเดือนพฤศจิกายน 2565 ร้อยละ 96
  • รถยนต์นั่ง Battery Electric Vehicle มีจำนวน 151 คัน ซึ่งช่วงเวลาเดียวกันในปีที่แล้วยังไม่มีการผลิต
  • รถยนต์นั่ง Plug-in Hybrid Electric Vehicle มีจำนวน 8,774 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม – พฤศจิกายน 2565 ร้อยละ 68
  • รถยนต์นั่ง Hybrid Electric Vehicle มีจำนวน 131,359 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม – พฤศจิกายน 2565 ร้อยละ 39

รถยนต์โดยสารขนาดต่ำกว่า 10 ตัน และมากกว่า 10 ตัน ขึ้นไป ในเดือนพฤศจิกายน 2566 ผลิตได้ 8 คัน ลดลงจากปีที่แล้วร้อยละ 38.46 รวมเดือนมกราคม – พฤศจิกายน 2566 ผลิตได้ 116 คัน เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วร้อยละ 141.67

รถยนต์บรรทุก เดือนพฤศจิกายน 2566 ผลิตได้ทั้งหมด 102,933 คัน ลดลงจากเดือนพฤศจิกายน 2565 ร้อยละ 14.42 และตั้งแต่เดือนมกราคม – พฤศจิกายน 2566 ผลิตได้ทั้งสิ้น 1,109,222 คัน ลดลงจากเดือนมกราคม – พฤศจิกายน 2565 ร้อยละ 5.87

รถกระบะขนาด 1 ตัน เดือนพฤศจิกายน 2566 ผลิตได้ทั้งหมด 99,234 คัน ลดลงจากเดือนพฤศจิกายน 2565 ร้อยละ 15.04 และตั้งแต่เดือนมกราคม – พฤศจิกายน 2566 ผลิตได้ทั้งสิ้น 1,074,778 คัน เท่ากับร้อยละ 62.92ของยอดการผลิตทั้งหมด ลดลงจากเดือนมกราคม – พฤศจิกายน 2565 ร้อยละ 5.75 แบ่งออกเป็น

  • รถกระบะบรรทุก 191,074 คัน ลดลงจากเดือนมกราคม – พฤศจิกายน 2565 ร้อยละ 51
  • รถกระบะดับเบิลแค็บ 703,968 คัน ลดลงจากเดือนมกราคม – พฤศจิกายน 2565 ร้อยละ 56
  • รถกระบะ PPV 179,736 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม – พฤศจิกายน 2565 ร้อยละ 82

รถบรรทุกขนาดต่ำกว่า 5 ตัน – มากกว่า 10 ตัน เดือนพฤศจิกายน 2566 ผลิตได้ 3,699 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนพฤศจิกายน 2565 ร้อยละ 6.35 รวมเดือนมกราคม – พฤศจิกายน 2566 ผลิตได้ 34,444 คัน ลดลงจากเดือนมกราคม – พฤศจิกายน 2565 ร้อยละ 9.71

สงคราม “รัสเซีย-ยูเครน” กระทบส่งออกรถปี 65 ติดลบมากกว่า 6%

ผลิตเพื่อส่งออก

เดือนพฤศจิกายน 2566 ผลิตได้ 93,372 คัน เท่ากับร้อยละ 57.17 ของยอดการผลิตทั้งหมด ลดลงจากเดือนพฤศจิกายน 2565 ร้อยละ 13.02 ส่วนเดือนมกราคม – พฤศจิกายน 2566 ผลิตเพื่อส่งออกได้ 997,678 คัน เท่ากับร้อยละ 58.41 ของยอดการผลิตทั้งหมด เพิ่มขึ้นจากปี 2565 ระยะเวลาเดียวกันร้อยละ 4.85

รถยนต์นั่ง เดือนพฤศจิกายน 2566 ผลิตเพื่อการส่งออก 26,947 คัน ลดลงจากเดือนพฤศจิกายน 2565 ร้อยละ 25.96 และตั้งแต่เดือนมกราคม – พฤศจิกายน 2566 ผลิตเพื่อส่งออกได้ทั้งสิ้น 274,553 คัน เท่ากับร้อยละ 45.86 ของยอดผลิตรถยนต์นั่ง ซึ่งเพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม – พฤศจิกายน 2565 ร้อยละ 5.34

รถกระบะขนาด 1 ตัน เดือนพฤศจิกายน 2566 มียอดการผลิตเพื่อการส่งออก 66,425 คัน ลดลงจากเดือนพฤศจิกายน 2565 ร้อยละ 6.38 และตั้งแต่เดือนมกราคม – พฤศจิกายน 2566 ผลิตเพื่อส่งออกได้ทั้งสิ้น 723,125 คัน เท่ากับร้อยละ 67.28 ของยอดการผลิตรถกระบะ เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม – พฤศจิกายน 2565 ร้อยละ 4.66 โดยแบ่งเป็น

  • รถกระบะบรรทุก 72,507 คัน ลดลงจากเดือนมกราคม-พฤศจิกายน 2565 ร้อยละ 29
  • รถกระบะดับเบิลแค็บ 546,945 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม-พฤศจิกายน 2565 ร้อยละ 02
  • รถกระบะ PPV 103,673 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม-พฤศจิกายน 2565 ร้อยละ 44

ผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศ

เดือนพฤศจิกายน 2566 ผลิตได้ 69,965 คัน เท่ากับร้อยละ 42.83 ของยอดการผลิตทั้งหมด ลดลงจากเดือนพฤศจิกายน 2565 ร้อยละ 15.51 และเดือนมกราคม – พฤศจิกายน 2566 ผลิตได้ 710,364 คัน เท่ากับร้อยละ 41.59 ของยอดการผลิตทั้งหมด ลดลงจากเดือนมกราคม – พฤศจิกายน 2565 ร้อยละ 8.15

รถยนต์นั่ง เดือนพฤศจิกายน 2566 ผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศ 33,449 คัน ลดลงจากเดือนพฤศจิกายน 2565 ร้อยละ 0.07 แต่ตั้งแต่เดือนมกราคม – พฤศจิกายน 2565 ผลิตได้ 324,151 คัน เท่ากับร้อยละ 54.14 ของยอดการผลิตรถยนต์นั่ง โดยเมื่อเปรียบเทียบกับเดือนมกราคม – พฤศจิกายน 2565 เพิ่มขึ้นร้อยละ 13.43

รถกระบะขนาด 1 ตัน เดือนพฤศจิกายน 2566 มียอดการผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศ 32,809 คัน ลดลงจากเดือนพฤศจิกายน 2565 ร้อยละ 28.43  และตั้งแต่เดือนมกราคม – พฤศจิกายน 2566 ผลิตได้ทั้งสิ้น 351,653 คัน เท่ากับร้อยละ 32.72 ของยอดการผลิตรถกระบะ และลดลงจากเดือนมกราคม – พฤศจิกายน 2565 ร้อยละ 21.75 ซึ่งแบ่งเป็น

  • รถกระบะบรรทุก 118,567 คัน ลดลงจากเดือนมกราคม-พฤศจิกายน 2565 ร้อยละ 99
  • รถกระบะดับเบิลแค็บ 157,023 คัน ลดลงจากเดือนมกราคม-พฤศจิกายน 2565 ร้อยละ 04
  • รถกระบะ PPV 76,063 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม-พฤศจิกายน 2565 ร้อยละ 33

ครม. ไฟเขียวมาตรการ EV 3.5 เริ่มใช้ 2 ม.ค. 2567 ให้เงินอุดหนุนสูงสุด 1 แสนบาท/คัน

รถจักรยานยนต์

เดือนพฤศจิกายน 2566 ผลิตรถจักรยานยนต์ได้ทั้งสิ้น 210,846 คัน ลดลงจากเดือนพฤศจิกายน 2565 ร้อยละ 11.43 แยกเป็นรถจักรยานยนต์สำเร็จรูป (CBU) 178,045 คัน ลดลงจากปี 2565 ร้อยละ 5.82 และชิ้นส่วนประกอบรถจักรยานยนต์ (CKD) 32,801 คัน ลดลงจากปี 2565 ร้อยละ 33.07

ยอดการผลิตรถจักรยานยนต์เดือนมกราคม – พฤศจิกายน 2566 มีจำนวนทั้งสิ้น 2,271,744 คัน ลดลงจากปี 2565 ร้อยละ 5.60 โดยแยกเป็นรถจักรยานยนต์สำเร็จรูป (CBU) 1,956,210 คัน เพิ่มขึ้นจากปี 2565 ร้อยละ 6.58 แต่ชิ้นส่วนประกอบรถจักรยานยนต์ (CKD) 315,534 คัน ลดลงจากปี 2565 ร้อยละ 44.73

ยอดขาย

ยอดขายรถยนต์ภายในประเทศของเดือนพฤศจิกายน 2566 มีจำนวนทั้งสิ้น 61,621 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนตุลาคม 2566 ร้อยละ 4.51 แต่ลดลงจากเดือนเดียวกันในปีที่แล้ว ร้อยละ 9.76 เพราะยอดขายรถกระบะลดลงร้อยละ 38.8 จากการเข้มงวดในการอนุมัติสินเชื่อเพราะหนี้ครัวเรือนสูง แยกเป็น

รถยนต์นั่งและรถยนต์นั่งตรวจการณ์ มีจำนวน 35,787 คัน เท่ากับร้อยละ 58.08 ของยอดขายทั้งหมด  เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันในปีที่แล้วร้อยละ 27.08

  • รถยนต์นั่งและรถยนต์นั่งตรวจการณ์สันดาปภายใน (ICE) 16,702 คัน เท่ากับร้อยละ 10ของยอดขายทั้งหมด ลดลงจากเดือนเดียวกันปีที่แล้วที่ร้อยละ 26.70
  • รถยนต์นั่งและรถยนต์นั่งตรวจการณ์ไฟฟ้า (BEV) 8,696 คัน เท่ากับร้อยละ 11 ของยอดขายทั้งหมด เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันปีที่แล้วที่ร้อยละ 875.98
  • รถยนต์นั่งและรถยนต์นั่งตรวจการณ์ไฟฟ้าผสมแบบเสียบปลั๊ก (PHEV) 50 คัน เท่ากับร้อยละ 08 ของยอดขายทั้งหมด ลดลงจากเดือนเดียวกันปีที่แล้วร้อยละ 89.69
  • รถยนต์นั่งและรถยนต์นั่งตรวจการณ์ไฟฟ้าผสม (HEV) 10,339 คัน เท่ากับร้อยละ78 ของยอดขายทั้งหมด เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันปีที่แล้วร้อยละ 158.41

รถกระบะมีจำนวน 17,853 คัน ลดลงจากเดือนเดียวกันในปีที่แล้วร้อยละ 38.82 รถ PPV มีจำนวน 4,251 คัน ลดลงจากเดือนเดียวกันในปีที่แล้วร้อยละ 40.16 รถบรรทุก 5 – 10 ตัน มีจำนวน 2,176 คัน ลดลงจากเดือนเดียวกันในปีที่แล้วร้อยละ 12.36 และรถประเภทอื่นๆ มีจำนวน 1,554 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันในปีที่แล้ว 14.86

ส่วนรถจักรยานยนต์ มียอดขาย 143,121 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนตุลาคม 2565 ร้อยละ 6.03 แต่ลดลงจากเดือนพฤศจิกายน 2565 ร้อยละ 5.21 โดยแบ่งเป็น

  • รถจักรยานยนต์สันดาปภายใน (ICE) 142,933 คัน มีสัดส่วนร้อยละ 87 ลดลงจากปีที่แล้วร้อยละ 5.27
  • รถจักรยานยนต์สันดาปภายใน (ICE) 188 คัน มีสัดส่วนร้อยละ 13 ซึ่งในช่วงเวลาเดียวกันไม่มีการผลิต

ตั้งแต่เดือนมกราคม – พฤศจิกายน 2566 รถยนต์มียอดขาย 707,454 คัน ลดลงจากปี 2565 ในระยะเวลาเดียวกันร้อยละ 7.71 แยกเป็น

รถยนต์นั่งและรถยนต์นั่งตรวจการณ์ มีจำนวน 367,492 คันเท่ากับร้อยละ 51.95 ของยอดขายทั้งหมด เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันในปีที่แล้วร้อยละ 17.27

  • รถยนต์นั่งและรถยนต์นั่งตรวจการณ์สันดาปภายใน (ICE) 221,012 คัน เท่ากับร้อยละ24 ของยอดขายทั้งหมด ลดลงจากเดือนเดียวกันปีที่แล้วที่ร้อยละ 11.92
  • รถยนต์นั่งและรถยนต์นั่งตรวจการณ์ไฟฟ้า (BEV) 64,815 คัน เท่ากับร้อยละ16 ของยอดขายทั้งหมด เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันปีที่แล้วที่ร้อยละ 722.32
  • รถยนต์นั่งและรถยนต์นั่งตรวจการณ์ไฟฟ้าผสมแบบเสียบปลั๊ก (PHEV) 1,788 คัน เท่ากับร้อยละ 25 ของยอดขายทั้งหมด ลดลงจากเดือนเดียวกันปีที่แล้วร้อยละ 28.42
  • รถยนต์นั่งและรถยนต์นั่งตรวจการณ์ไฟฟ้าผสม (HEV) 79,877 คัน เท่ากับร้อยละ 29 ของยอดขายรถยนต์นั่งและรถยนต์นั่งตรวจการณ์ เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันปีที่แล้วร้อยละ 53.41

รถกระบะมีจำนวน 245,195 คัน ลดลงจากเดือนเดียวกันในปีที่แล้วร้อยละ 30.50 รถ PPV มีจำนวน 55,806 คัน ลดลงจากเดือนเดียวกันในปีที่แล้วร้อยละ 5 รถบรรทุก 5 – 10 ตัน มีจำนวน 24,370 คัน ลดลงจากเดือนเดียวกันในปีที่แล้วร้อยละ 12.90 และรถประเภทอื่น ๆ มีจำนวน 14,591 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันในปีที่แล้ว 6.68

ส่วนรถจักรยานยนต์ มียอดขาย 1,724,437 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม – พฤศจิกายน 2565 ร้อยละ 4.67 โดยแบ่งเป็น

  • รถจักรยานยนต์สันดาปภายใน (ICE) 1,723,211 คัน มีสัดส่วนร้อยละ93 เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันปีที่แล้วร้อยละ 4.66
  • รถจักรยานยนต์ไฟฟ้าผสม (HEV) 818 คัน มีสัดส่วนร้อยละ 02 ลดลงจากเดือนเดียวกันปีที่แล้วร้อยละ 23.69
  • รถจักรยานยนต์ไฟฟ้า (BEV) 408 คัน มีสัดส่วนร้อยละ05 เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันปีที่แล้วร้อยละ 100

Neta Auto เดินหน้าตั้งโรงงานผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในไทย ผลิตและส่งออกรถยนต์พวงมาลัยขวาในตลาดอาเซียน

การส่งออก

รถยนต์สำเร็จรูป

เดือนพฤศจิกายน 2566 ส่งออกได้ 99,609 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนที่แล้วร้อยละ 8.46 และเพิ่มขึ้นจากเดือนพฤศจิกายน 2565 ร้อยละ 13.22 จากเศรษฐกิจของประเทศคู่ค้ายังดี จึงส่งออกเพิ่มขึ้นในตลาดออสเตรเลีย ตะวันออกกลาง ยุโรป อเมริกาเหนือ อเมริกากลางและอเมริกาใต้ แยกเป็นรถยนต์สันดาปภายใน ICE 97,147 คัน เพิ่มขึ้นจากปี 2565 ร้อยละ 11.21 ส่งออกรถยนต์ HEV 2,462 คัน เพิ่มขึ้นจากปี 2565 ร้อยละ 292.04 มูลค่าการส่งออก 65,575.85 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนพฤศจิกายน 2565 ร้อยละ 16.95

  • เครื่องยนต์ มีมูลค่าการส่งออก 3,673.67 ล้านบาท ลดลงจากเดือนพฤศจิกายน 2565 ร้อยละ 05
  • ชิ้นส่วนรถยนต์อื่น ๆ มีมูลค่าการส่งออก 17,780.44 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนพฤศจิกายน 2565 ร้อยละ 03
  • อะไหล่รถยนต์ มีมูลค่าการส่งออก 2,260.57 ล้านบาท ลดลงจากเดือนพฤศจิกายน 2565 ร้อยละ 33

รวมมูลค่าส่งออกรถยนต์เดือนพฤศจิกายน 2566 เครื่องยนต์ ชิ้นส่วนรถยนต์ และอะไหล่ มีมูลค่า 89,290.54 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนพฤศจิกายน 2565 ร้อยละ 13.87

เดือนมกราคม – พฤศจิกายน 2566 ส่งออกรถยนต์สำเร็จรูป 1,027,234 คัน เพิ่มขึ้นจากปี 2565 ในระยะเวลาเดียวกันร้อยละ 15.59 แยกเป็นรถยนต์สันดาปภายใน ICE 1,015,304 คัน เพิ่มขึ้นจากปี 2565 ร้อยละ 15.41 ส่งออกรถยนต์ HEV 11,930 คัน เพิ่มขึ้นจากปี 2565 ร้อยละ 34.20 มูลค่าการส่งออก 657,492.20 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม – พฤศจิกายน 2565 ร้อยละ 18.82 โดยมีรายละเอียด ดังนี้

  • เครื่องยนต์ มีมูลค่าการส่งออก 35,847.40 ล้านบาท ลดลงจากเดือนมกราคม – พฤศจิกายน 2565 ร้อยละ 53
  • ชิ้นส่วนรถยนต์อื่นๆ มีมูลค่าการส่งออก 172,631.39 ล้านบาท ลดลงจากเดือนมกราคม – พฤศจิกายน 2565 ร้อยละ 38
  • อะไหล่รถยนต์ มีมูลค่าการส่งออก 22,484.96 ล้านบาท ลดลงจากเดือนมกราคม – พฤศจิกายน 2565 ร้อยละ 81

รวมมูลค่าส่งออกรถยนต์เดือนมกราคม – พฤศจิกายน 2566 เครื่องยนต์ ชิ้นส่วนรถยนต์ และอะไหล่ มีมูลค่า 888,455.95 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม – พฤศจิกายน 2565 ร้อยละ 10.25

รถจักรยานยนต์

เดือนพฤศจิกายน 2566 มีจำนวนส่งออก 76,148 คัน (รวม CBU + CKD) เพิ่มขึ้นจากเดือนตุลาคม 2566 ร้อยละ 11.76 และลดลงจากเดือนพฤศจิกายน 2565 ร้อยละ 15.11 โดยมีมูลค่า 6,849.05 ล้านบาท ลดลงจากเดือนพฤศจิกายน 2565 ร้อยละ 3.84

  • ชิ้นส่วนรถจักรยานยนต์ มีมูลค่าการส่งออกทั้งสิ้น 05 ล้านบาท ลดลงจากเดือนพฤศจิกายน 2565 ร้อยละ 20.47
  • อะไหล่รถจักรยานยนต์ มีมูลค่าการส่งออกทั้งสิ้น 84 ล้านบาท ลดลงจากเดือนพฤศจิกายน 2565 ร้อยละ 65.91

รวมมูลค่าการส่งออกรถจักรยานยนต์ เดือนพฤศจิกายน 2566 ชิ้นส่วนและอะไหล่รถจักรยานยนต์ 7,155.93 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนพฤศจิกายน 2565 ร้อยละ 0.85

เดือนมกราคม – พฤศจิกายน 2566 รถจักรยานยนต์ มีจำนวนส่งออก 746,035 คัน (รวม CBU + CKD) ลดลงจากปี 2565 ร้อยละ 20.88 มีมูลค่า 62,824.46 ล้านบาท ลดลงจากปี 2565 ร้อยละ 5.69

  • ชิ้นส่วนรถจักรยานยนต์ มีมูลค่าการส่งออกทั้งสิ้น 2,762.05 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2565 ร้อยละ 74
  • อะไหล่รถจักรยานยนต์ มีมูลค่าการส่งออกทั้งสิ้น 1,754.04 ล้านบาท ลดลงจากปี 2565 ร้อยละ 90

รวมมูลค่าการส่งออกรถจักรยานยนต์เดือนมกราคม – พฤศจิกายน 2566 ชิ้นส่วนและอะไหล่รถจักรยานยนต์ มีทั้งสิ้น 67,340.54 ล้านบาท ลดลงจากเดือนมกราคม – พฤศจิกายน 2565 ร้อยละ 5.83

เดือนพฤศจิกายน 2566 รวมมูลค่าการส่งออกรถยนต์สำเร็จรูป เครื่องยนต์ ชิ้นส่วนอื่น ๆ อะไหล่รถยนต์ รถจักรยานยนต์ ชิ้นส่วน และอะไหล่รถจักรยานยนต์ มีทั้งสิ้น 96,446.46 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2565 ร้อยละ 12.79

เดือนมกราคม – พฤศจิกายน 2566 รวมมูลค่าการส่งออกรถยนต์สำเร็จรูป เครื่องยนต์ ชิ้นส่วนอื่นๆ อะไหล่รถยนต์ รถจักรยานยนต์ ชิ้นส่วน และอะไหล่รถจักรยานยนต์ มีทั้งสิ้น 955,796.49 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2565 ร้อยละ 8.94

ยานยนต์ไฟฟ้าป้ายแดงประเภท BEV เดือนพฤศจิกายน 2566

เดือนพฤศจิกายน 2566 มียานยนต์ประเภทไฟฟ้า (BEV) จดทะเบียนใหม่มีจำนวน 11,290 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้วร้อยละ 292.29 แบ่งออกเป็น

  • รถยนต์นั่งและรถยนต์ประเภทต่างๆ มีทั้งสิ้น 8,979 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนพฤศจิกายน 2565 ร้อยละ 33
    • รถยนต์นั่งจำนวน 8,940  คัน
    • รถยนต์โดยสารไม่เกิน 7 คนจำนวน 32 คัน
    • รถยนต์บริการธุรกิจจำนวน 2 คัน
    • รถยนต์บริการทัศนาจรจำนวน 5 คัน
  • รถกระบะ รถแวนมีทั้งสิ้น 36 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้วร้อยละ 620
  • รถยนต์สามล้อรับจ้างมีทั้งสิ้น 93 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนพฤศจิกายน 2565 ร้อยละ 83
    • รถยนต์รับจ้างสามล้อจำนวน 92 คัน
    • รถยนต์สามล้อส่วนบุคคลจำนวน 1 คัน
  • รถจักรยานยนต์มีทั้งสิ้น 2,178 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนพฤศจิกายน 2565 ร้อยละ 93
    • รถจักรยานยนต์ส่วนบุคคลจำนวน 2,177 คัน
    • รถจักรยานยนต์สาธารณะจำนวน 1 คัน
  • รถบรรทุกมีทั้งสิ้น 4 คัน ซึ่งช่วงปีที่แล้วยังไม่มีการจดทะเบียน

เดือนมกราคม – พฤศจิกายน 2566 มียานยนต์ประเภทไฟฟ้า (BEV) จดทะเบียนใหม่สะสมมีจำนวน 89,027 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม – พฤศจิกายนปีที่แล้วร้อยละ 391.29 แบ่งออกเป็น

  • รถยนต์นั่งและรถยนต์ประเภทต่างๆ มีทั้งสิ้น 66,912 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม – พฤศจิกายน 2565 ร้อยละ 38
    • รถยนต์นั่งจำนวน 66,577 คัน               
    • รถยนต์โดยสารไม่เกิน 7 คนจำนวน 305 คัน
    • รถยนต์บริการธุรกิจจำนวน 12 คัน
    • รถยนต์บริการทัศนาจรจำนวน 18 คัน
  • รถกระบะ รถแวนมีทั้งสิ้น 177 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม – พฤศจิกายน 2565 ร้อยละ 77
  • รถยนต์สามล้อมีทั้งสิ้น 389 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม – พฤศจิกายน 2565 ร้อยละ 63
    • รถยนต์รับจ้างสามล้อจำนวน 372  คัน
    • รถยนต์สามล้อส่วนบุคคลจำนวน 17  คัน
  • รถจักรยานยนต์มีทั้งสิ้น 20,080 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม – พฤศจิกายน 2565 ร้อยละ 38
    • รถจักรยานยนต์ส่วนบุคคลจำนวน 20,027 คัน
    • รถจักรยานยนต์สาธารณะจำนวน 53 คัน
  • รถโดยสารมีทั้งสิ้น 1,211 คัน ซึ่งเพิ่มขึ้นเดือนมกราคม – พฤศจิกายน 2565 ร้อยละ 92
  • รถบรรทุกมีทั้งสิ้น 258 คัน ซึ่งเพิ่มขึ้นเดือนมกราคม – พฤศจิกายน 2565 ร้อยละ 3,125

ฮอนด้า เปิดสายการผลิต HONDA E:N1 เอสยูวีพลังงานไฟฟ้า 100% ณ โรงงานฮอนด้า จ.ปราจีนบุรี

ยานยนต์ไฟฟ้าป้ายแดงประเภท HEV เดือนพฤศจิกายน 2566

เดือนพฤศจิกายน 2566 มียานยนต์ประเภทไฟฟ้า (HEV) จดทะเบียนใหม่มีจำนวน 7,524 คัน ลดลงจากเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้วร้อยละ 47.82 แบ่งเป็น

  • รถยนต์นั่งและรถประเภทต่างๆ มีทั้งสิ้น 7,486 คัน ลดลงจากเดือนพฤศจิกายน 2565 ร้อยละ 18
    • รถยนต์นั่งจำนวน 7,479 คัน
    • รถยนต์โดยสารไม่เกิน 7 คนจำนวน 2 คัน
    • รถยนต์บริการธุรกิจจำนวน 1 คัน
    • รถยนต์บริการทัศนาจรจำนวน 4 คัน
  • รถจักรยานยนต์มีทั้งสิ้น 38 คัน เท่ากับเดือนพฤศจิกายน 2565
    • รถจักรยานยนต์ส่วนบุคคลจำนวน 38 คัน

เดือนมกราคม – พฤศจิกายน 2566 มียานยนต์ประเภทไฟฟ้า (HEV) จดทะเบียนใหม่สะสมมีจำนวน 79,560 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม – พฤศจิกายนปีที่แล้วร้อยละ 32.74 โดยแบ่งเป็น

  • รถยนต์นั่งและรถประเภทต่าง ๆ มีทั้งสิ้น 79,007 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม – พฤศจิกายน 2565 ร้อยละ 79
    • รถยนต์นั่งจำนวน 78,904 คัน
    • รถยนต์โดยสารไม่เกิน 7 คนจำนวน 16 คัน
    • รถยนต์บริการธุรกิจจำนวน 22 คัน
    • รถยนต์บริการทัศนาจรจำนวน 65 คัน
  • รถจักรยานยนต์มีทั้งสิ้น 553 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม – พฤศจิกายน 2565 ร้อยละ 97
    • รถจักรยานยนต์ส่วนบุคคลจำนวน 553 คัน

ยานยนต์ไฟฟ้าป้ายแดงประเภท PHEV เดือนพฤศจิกายน 2566

เดือนพฤศจิกายน 2566 มียานยนต์ประเภทไฟฟ้า (PHEV) จดทะเบียนใหม่มีจำนวน 785 คัน ลดลงจากเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้วร้อยละ 8.31 

แบ่งออกเป็น

  • รถยนต์นั่งและรถประเภทต่าง ๆ มีทั้งสิ้น 785 คัน ลดลงจากเดือนพฤศจิกายน 2565 ร้อยละ 31
    • รถยนต์นั่งจำนวน 784 คัน
    • รถยนต์บริการทัศนาจร 1 คัน

เดือนมกราคม – พฤศจิกายน 2566 มียานยนต์ประเภทไฟฟ้า (PHEV) จดทะเบียนใหม่สะสมมีจำนวน  11,168 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม – พฤศจิกายนปีที่แล้วร้อยละ 4.84 

แบ่งออกเป็น

  • รถยนต์นั่งและรถประเภทต่าง ๆ มีทั้งสิ้น 11,168 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม – พฤศจิกายน 2565 ร้อยละ 84
    • รถยนต์นั่งจำนวน 11,157 คัน     
    • รถยนต์บริการธุรกิจจำนวน 6 คัน
    • รถยนต์บริการทัศนาจรจำนวน 5 คัน

ยานยนต์ไฟฟ้าจดทะเบียนสะสมประเภท BEV ณ วันที่ 30 พฤศจิกายน 2566

ณ วันที่ 30 พฤศจิกายน 2566 ยานยนต์ไฟฟ้าจดทะเบียนสะสมประเภท BEV มีจำนวนทั้งสิ้น 120,713 คัน เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วร้อยละ 310.56 โดยแบ่งประเภทได้ ดังนี้

  • รถยนต์นั่งและรถยนต์ประเภทต่างๆ มีทั้งสิ้น 80,522 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2565 ร้อยละ 69
  • รถยนต์นั่งมีจำนวน 79,806 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2565 ร้อยละ 83
  • รถยนต์โดยสารไม่เกิน 7 คนมีจำนวน 483 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2565 ร้อยละ 64
  • รถยนต์บริการธุรกิจมีจำนวน 36 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2565 ร้อยละ 29
  • รถยนต์บริการทัศนาจรมีจำนวน 33 คัน ซึ่งในช่วงเวลาเดียวกันปี 2565 ยังไม่มีการจดทะเบียน
  • รถยนต์รับจ้างผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์มีจำนวน 164 เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2565 ร้อยละ 2,243.86
  • รถกระบะและรถแวนมีจำนวน 240 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2565 ร้อยละ 94
  • รถยนต์ 3 ล้อมีจำนวนทั้งสิ้น 860 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2565 ร้อยละ 05
  • รถยนต์สามล้อส่วนบุคคลมีจำนวน 79 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2565 ร้อยละ 90
  • รถยนต์รับจ้างสามล้อมีจำนวน 781 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2565 ร้อยละ 20
  • รถจักรยานยนต์มีจำนวนทั้งสิ้น 36,391 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2565 ร้อยละ 07
  • รถจักรยานยนต์ส่วนบุคคลมีจำนวน 36,267 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2565 ร้อยละ 70
  • รถจักรยานยนต์สาธารณะมีจำนวน 124 คัน ลดลงจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2565 ร้อยละ 22
  • รถโดยสารมีจำนวนทั้งสิ้น 2,415 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2565 ร้อยละ 37
  • รถบรรทุกมีจำนวนทั้งสิ้น 285 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2565 ร้อยละ 1,040

ยานยนต์ไฟฟ้าจดทะเบียนสะสมประเภท HEV ณ วันที่ 30 พฤศจิกายน 2566

ณ วันที่ 30 พฤศจิกายน 2566 ยานยนต์ไฟฟ้าจดทะเบียนสะสมประเภท HEV มีจำนวนทั้งสิ้น 338,174คัน เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วร้อยละ 32.22 โดยแบ่งประเภทได้ ดังนี้

  • รถยนต์นั่งและรถยนต์ประเภทต่างๆ มีทั้งสิ้น 329,085 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2565 ร้อยละ 36
  • รถยนต์นั่งมีจำนวน 328,281 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2565 ร้อยละ 37
  • รถยนต์รับจ้างบรรทุกคนโดยสารฯ มีจำนวน 477 คัน ลดลงจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2565 ร้อยละ 85
  • รถยนต์บริการธุรกิจ มีจำนวน 49 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2565 ร้อยละ 75
  • รถยนต์บริการทัศนาจร มีจำนวน 150 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2565 ร้อยละ 19
  • รถยนต์บริการให้เช่า มีจำนวน 32 คัน ลดลงจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2565 ร้อยละ 33
  • รถยนต์รับจ้างผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์มีจำนวน 126 เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2565 ร้อยละ 500
  • รถกระบะและรถแวนมีจำนวน 1 คัน เท่ากับช่วงเวลาเดียวกันปี 2565
  • รถจักรยานยนต์มีจำนวนทั้งสิ้น 9,086 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2565 ร้อยละ 88
  • รถจักรยานยนต์ส่วนบุคคลมีจำนวน 9,086 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2565 ร้อยละ 88
  • อื่นๆ
  • รถโดยสารมีจำนวนทั้งสิ้น 2 คัน ซึ่งเท่ากับช่วงเวลาเดียวกันปี 2565

ยานยนต์ไฟฟ้าจดทะเบียนสะสมประเภท PHEV ณ วันที่ 30 พฤศจิกายน 2566

ณ วันที่ 30 พฤศจิกายน 2566 ยานยนต์ไฟฟ้าจดทะเบียนสะสมประเภท PHEV มีจำนวนทั้งสิ้น 53,450 คัน เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วร้อยละ 28.05 โดยแบ่งประเภทได้ ดังนี้

  • รถยนต์นั่งและรถประเภทต่างๆ มีทั้งสิ้น 53,450 คัน เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วร้อยละ 05
  • รถยนต์นั่งมีจำนวน 53,381 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2565 ร้อยละ 07
  • รถยนต์บริการธุรกิจมีจำนวน 41 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2565 ร้อยละ 50
  • รถยนต์บริการทัศนาจรมีจำนวน 21 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2565 ร้อยละ 5
  • รถยนต์บริการให้เช่ามีจำนวน 3 คัน เท่ากับช่วงเวลาเดียวกันปี 2565
  • รถยนต์รับจ้างผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์มีจำนวน 4 ซึ่งในช่วงเวลาเดียวกันปี 2565 ไม่มีการจดทะเบียน

ข่าวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ

EV PRIMUS เตรียมเดินเครื่องโรงงานประกอบ พร้อมรุกธุรกิจเช่ารถอีวี

Appsynth เร่งพัฒนาซอฟต์แวร์ นำ Gen-AI ไปใช้ในส่วนต่าง ๆ ขององค์กร

STAY CONNECTED

0แฟนคลับชอบ
440ผู้ติดตามติดตาม
spot_img

Lastest News

MUST READ