เช้าวันนี้..ตื่นขึ้นมาด้วยใจที่แตกสลาย
ข้อความ “โลกอนาคต…โอกาส…เชื่อมต่อความ…” ที่อยู่บนป้ายโฆษณาที่ระบาดอยู่ตามท้องถนน ใต้ทางด่วน ไม่รู้กี่แห่งต่อกี่แห่ง จางหายไปพร้อม ๆ กับข่าวสถานการณ์ตลาดคริปโทเคอร์เรนซีตกอยู่ในภาวะวิกฤติเงินดิจิทัลปรับตัวลงอย่างหนัก เหรียญหลายเหรียญ โดยเฉพาะ LUNA ที่ตกวูบไป -100% ยกเว้น พวกที่ทำตัวเป็นตลาดซื้อขายอย่าง “Bitkub” “Binance” ที่ยังได้ค่าธรรมเนียมจากการซื้อขาย
และก็เป็นเรื่องมหัศจรรย์ เมื่อราคาตกไปเกือบแตะ 0 US$ แล้วก็กลับมาพุ่งขึ้นมาเกือบ 200% ภายใน 24 ชั่วโมง!! มันคือการลงทุน หรือ การเสี่ยงโชค
บางคนเคยพูดให้ผมฟังว่า การลงทุนในตลาดคลิปโท เหมือนกับการถือ “ชิป” เวลาอยู่ในคาสิโน มีค่าก็ตอนใช้ในสถานที่นั้น เมื่อออกมาหากไม่แลก ชิปนั้นก็หาย (มูลค่านะครับ)
วันนี้คนส่วนใหญ่จะชอบฟังสิ่งที่ตัวเอง “อยากฟัง” และปฏิเสธความเห็นที่แตกต่างจากตัวเอง ตั้งแต่ปีที่แล้วจนมาถึงปีนี้ จะมีเสียงแสดงความเห็นของคนที่ทำหน้าที่ควบคุมดูแลอย่างแบงก์ชาติ/ก.ล.ต.รวมทั้งตลาดหลักทรัพย์ฯ ออกมาเตือน เนื่องจากการลงทุนที่ไม่มีหลักประกันรองรับ รวมถึงกฎระเบียบทางราชการก็ไม่มี ผิดกับการลงทุนในตลาดทุน ที่มีกฎระเบียบควบคุม แม้แต่ในต่างประเทศ ก็มีการเตือนจากทั้งจากฝ่ายรัฐ หรือนักลงทุนเบอร์ใหญ่ ๆ ว่า มันไม่ใช่การลงทุน
คงปฏิเสธไม่ได้ว่า เจ้าการลงทุนคลิปโท “ฮิต” จริง ๆ เมื่อฝ่ายวิจัยของ ก.ล.ต.เปิดเผยว่า จำนวนบัญชีของผู้ซื้อขายในศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลในประเทศไทยเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2565 เติบโตมากกว่า 10 เท่าจากปี 2563 เพิ่มขึ้นจาก 1.7 แสนบัญชี เป็น 2.5 ล้านบัญชี
บางคนบอกว่า คลิปโท เป็นเรื่องของคนหนุ่มคนสาว คนที่ใช้สมาร์ทโฟนเป็น ตั้งแต่ประถม-มัธยม ที่ไม่เคยผ่านอดีตแห่งความสูญเสีย จึงกล้าได้กล้าเสีย
ช่องว่างระหว่างรุ่น ยังใช้อธิบายได้ในทุกเรื่อง แม้แต่การลงทุน คนรุ่นเจนเอ็กซ์ ผ่านมาหลายวิกฤติ มักจะกลัวในสิ่งที่เคยทำให้เหนื่อยและเข็ด แต่คนรุ่นใหม่อยากรวยเร็ว พร้อมจะปีนบันได มุ่งไปข้างหน้า โดยไม่มองข้างล่าง พร้อมจะเจ็บ
ผมกลับไม่คิดอย่างนั้น ผมไม่เชื่อว่าทั้งหมดเป็นคนรุ่นใหม่ คนหนุ่มคนสาว
ผมเชื่อว่ามนุษย์มีอารมณ์อยากได้ใคร่ดี (หลายคนเรียกว่าความโลภ) ในทุกวัย เราคงเห็นข่าวคนวัยเกษียณถูกหลอกให้ลงทุนในแชร์ลูกโซ่ ด้วยเชื่อว่าจะได้คืนหลายสิบเปอร์เซ็นต์จากการลงทุนเพียงไม่กี่เดือน
ซึ่งไม่เกี่ยวอะไรกับวัยเลย หรือการมีประสบการณ์ร่วมในอดีตว่าเจ็บแล้วจะจำ
ในยุคที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ ของไทย ยังตั้งอยู่ที่สยามเซ็นเตอร์ ก็มีนักลงทุนที่หัวใจสลายจากการลงทุน เอาปืนมาคิดจะฆ่าตัวตายหน้าที่ทำการของตลาดหลักทรัพย์ฯ ก็เกิดขึ้นมาแล้ว หรือแม้แต่ข่าวไรเดอร์หนุ่มเอาเงินเก็บของตนเองมาลงทุนในเหรียญคลิปโท เจอราคาตกก็สิ้นสภาพ เงินทองที่สะสมมานับล้าน หายวับในพริบตา
เหล่านี้ล้วนเกิดขึ้นอยู่เสมอ หากเราเชื่อเรื่อง กำไร ผลตอบแทน จะได้เยอะ ๆ ในเวลาอันสั้น (ไม่งั้นหวยรัฐบาล คงไม่มารวมขายเป็นชุด เอา 30 ล้าน 60 ล้าน มาหลอกล่อเราหรอก)
ผมเชื่อว่าคนไทยทุกวัยชอบเสี่ยง ชอบลุ้น
เพราะฉะนั้น อะไรที่ “ขึ้นเร็ว ลงแรง” ทำไมถึงถูกจริตอารมณ์ของคนไทยยิ่งนัก
อย่าไปโทษวัยกันเลยครับ
สิ่งที่ควรจะเตือนกันเองมากที่สุด ก็คืออย่าหน้ามืด อย่าลงทุนโดยใช้เงินกู้ เงินยืมที่ไม่ใช้เงินของตัวเอง ข้อสำคัญต้องแบ่งเงินเป็นส่วน ๆ อย่าเอามาปนกันจนมั่วไปหมด อย่าเอาไปลงทุนจนหมด ชีวิตเรามีรายจ่ายหลายรายการนะครับ
ผมยังเชื่อว่า ผลตอบแทนสูง ๆ ในเวลาสั้น ๆ ไม่มีอยู่จริง ต้องอาศัยเวลา ถึงจะมั่นคง
ผมนึกถึงการปลูกต้นไม้ กว่าจะโตมีรากที่ยึดพื้นดินได้แน่น ไม่โค่นล้ม ต้องปลูกด้วยเมล็ด ซึ่งใช้เวลานาน แต่ถ้าจะเอาแบบซื้อมาก็โตเลย ก็ต้องมีรั้วป้องกัน เพราะไม้ใหญ่ที่ล้อมมาเหล่านี้ไม่มีรากแก้ว ลมพัดแรง ๆ ก็มีสิทธิ์ล้มระเนระนาดได้ การลงทุนจึงต้องอาศัย 3 องค์ประกอบสำคัญ คือ เวลา ผลตอบแทน และจำนวนเงิน ข้อสำคัญก็คือ การลงทุนไม่ใช่การเสี่ยงโชค ดังนั้น จะไม่มีการทุ่มหมดตัว เพราะหากคุณทุ่มหมดตัวในคราเดียว เราเรียกเสี่ยงโชคนะครับ
ฝากข้อคิด จากบทเรียนวันนี้..สำหรับวันพรุ่งนี้
- ติดดอยดีกว่าติดหนี้
- ลงทุนในหุ้น ใช้หลักทบต้น แต่คลิปโท ต้องถอนทุน เอาส่วนกำไรไปลงทุนต่อ
- ความโลภกับความกลัวเป็นหลักสัจธรรม ไม่เคยเปลี่ยนแปลง
- คลิปโทไม่ต่างจาก ”ชิป” ในบ่อน คือ “มีค่า” เฉพาะในตัวของมันในสถานที่ของมัน
คอลัมน์: Personal Finance ที่ผมรู้จัก (แต่ทำไม่ได้) EP11
บทความอื่น ๆ ของผู้เขียน