TH | EN
TH | EN
หน้าแรกBusinessสิงคโปร์ เปิดโรดแมป ฟื้นฟูภาคอุตสาหกรรมไมซ์ เตรียมพร้อมเป็นฮับโลก

สิงคโปร์ เปิดโรดแมป ฟื้นฟูภาคอุตสาหกรรมไมซ์ เตรียมพร้อมเป็นฮับโลก

สิงคโปร์ โชว์แผนโรดแมปฟื้นฟูอุตสาหกรรมไมซ์เป็นรายแรกของโลกผ่าน “การปรับตัวของอุตสาหกรรมไมซ์ (Industry Resilience Roadmap)” สร้างมาตรฐานใหม่ให้อุตสาหกรรมไมซ์ผ่านแนวทางจัดงานอีเวนต์บนพื้นฐานความปลอดภัย (Safe Business Events) ด้วย 8 มาตรฐานความปลอดภัยสำหรับงานอีเวนต์

พร้อมเร่งเครื่องผลักดันผู้ประกอบการปรับตัวสู่ไมซ์อีเวนต์รูปแบบไฮบริด (Hybrid) ที่ผสมผสานการจัดงานแบบดั้งเดิมเข้ากับการใช้แพลตฟอร์มออนไลน์ เป็นที่ยอมรับจากผู้จัดงานระดับโลกและได้รับความไว้วางใจให้จัดอีเวนต์ระดับโลก อาทิ งานแสดงสินค้าทราเวลรีไวฟ์ (Travel Revive) ทัวร์เสมือนจริงไปกับแอร์บีเอ็นบี (Online Experience Singapore with Airbnb)งานฟรี ไฟเออร์ เวิลด์ ซีรีส์ 2021 (Free Fire World Series 2021)  และงานเทศกาลศิลปะนานาชาติสิงคโปร์ ครั้งที่ 21(SIFA 2021) เป็นต้น

จ ชู ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวสิงคโปร์ ประจำประเทศไทย (STB) กล่าวว่า ก่อนเหตุการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 กลุ่มอุตสาหกรรมไมซ์ถือเป็นกลุ่มอุตสาหกรรมที่มีบทบาทขับเคลื่อนเศรษฐกิจของสิงคโปร์ที่สร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่ประเทศมากถึง 3.8 พันล้านดอลลาร์สิงคโปร์ (9.3 หมื่นล้านบาท) ต่อปี เกิดการจ้างงานในระบบอุตสาหกรรมกว่า 34,000 อัตรา แต่จากการแพร่ระบาดของโควิด-19 จำนวนนักท่องเที่ยวทั้งในและนอกประเทศได้ลดลงตามมาตรการความปลอดภัย

ซึ่งนอกจากส่งผลกระทบต่อภาคอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแล้ว ยังส่งผลโดยตรงต่อธุรกิจงานอีเวนต์และธุรกิจที่เกี่ยวข้องอีกด้วยมีผลให้การจัดงานอีเวนต์ในประเทศลดลงกว่า 95 เปอร์เซ็นต์ แต่ตลอดระยะเวลา 2 ปีที่ผ่านมารัฐบาลสิงคโปร์จับมือทำงานร่วมกับเจ้าของธุรกิจโดยตรงเพื่อรับฟังปัญหาและต่อยอดไปสู่แนวทางแก้ไขให้อุตสาหกรรมไมซ์กลับมาคึกคักอีกครั้งและวางแผนให้ธุรกิจสามารถอยู่ร่วมกับโควิด-19 ให้ได้ เพื่อให้เศรษฐกิจเดินหน้าต่อไป

ล่าสุดการท่องเที่ยวสิงคโปร์ (Singapore Tourism Board) ร่วมมือกับหน่วยงานส่งเสริมศักยภาพผู้ประกอบการสิงคโปร์ (Enterprise Singapore) วางโรดแมป “การปรับตัวของอุตสาหกรรมไมซ์ (Industry Resilience Roadmap)” สร้างมาตรฐานในการจัดงานอีเวนต์ภายในประเทศโดยผู้จัดงานจะต้องปฏิบัติตามมาตรการการจัดการเพื่อความปลอดภัย (Safe Management Measures: SMMs) อย่างเคร่งครัดเพื่อความปลอดภัยของผู้เข้าร่วมประชุมและตัวผู้จัดงานเองโดยได้แบ่งออกเป็น 2 แนวทางดังนี้

แนวทางที่ 1 กำหนดมาตรฐานความปลอดภัยในการจัดงานอีเวนต์ (SG Safe Event Standard)

การท่องเที่ยวสิงคโปร์ (Singapore Tourism Board) และหน่วยงานส่งเสริมศักยภาพผู้ประกอบการสิงคโปร์ (Enterprise Singapore) จัดทำไกด์ไลน์ Safe Business Events Framework เพื่อดูแลเรื่องอนามัยและการทำความสะอาด กำหนดระยะปลอดภัยและสัดส่วนความหนาแน่นของผู้เข้าร่วมงานพร้อมให้หลักปฏิบัติหากมีเหตุฉุกเฉินเป็น  8 มาตรฐานความปลอดภัยสำหรับงานอีเวนต์

1. The SG Safe Event Certification – ทีมผู้จัดงานต้องได้รับใบรับรอง SG Safe Event เพื่อให้แน่ใจว่า    อีเวนต์ที่จัดนั้นมีความปลอดภัยและจัดให้มีระยะห่างระหว่างกันอย่างดีที่สุด

2. Communication – สื่อสารข้อมูลที่เกี่ยวข้องด้านการป้องกันและความปลอดภัยทั้งหมดแก่ผู้เข้าร่วมงานทุกคน

3. Operation Protocol – ใช้มาตรการปฏิบัติงานที่สอดคล้องกับการจัดการด้านความปลอดภัย (SMMs) และแนวทางปฏิบัติ (Industry Best Practice)

4. Registration Management – บริหารจัดการการลงทะเบียนที่เป็นระบบและมีความปลอดภัย เช่น ทางเข้า-ออก แยกกันชัดเจน ตรวจวัดอุณหภูมิก่อนเข้างาน ล้างมือ สวมหน้ากากอนามัยและถุงมือ และไม่มีการสัมผัสกันในระหว่างการลงทะเบียน

5. Crowd Management – การบริหารจัดการผู้เข้าร่วมงาน จะต้องปฏิบัติตามระเบียนการเว้นระยะห่างอย่างปลอดภัยและเฝ้าระวังเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในงานตลอดการจัดงาน

6. Technology Adoption – ปรับใช้เทคโนโลยีเพื่อยกระดับความปลอดภัยและสร้างประสบการณ์ที่ดีแก่ผู้เข้าร่วมงาน

7. Legal Consideration – ระบุในสัญญาการจัดจ้างงานที่มีผลทางกฎหมายอย่างชัดเจนว่าจะต้องปฏิบัติตามมาตรการและการจัดการด้านความปลอดภัยและแนวทางปฏิบัติ (Industry Best Practice)

8. Emergency Preparedness – จัดทำแผนการเตรียมความพร้อมในกรณีฉุกเฉิน และกำหนดขั้นตอนที่ชัดเจนในการจัดการเหตุฉุกเฉิน

แนวทางที่ 2 ส่งเสริมและผลักดันการจัดงานในรูปแบบไฮบริด (Hybridization Event) 

จากผลสำรวจของการท่องเที่ยวสิงคโปร์พบว่า 60% ของผู้เข้าร่วมงานอีเวนต์ ยังรู้สึกไม่สบายใจที่ต้องเข้าร่วมงานที่มีคนมากกว่า 300 คน เพราะยังกังวลการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทางการสิงคโปร์จึงเร่งผลักดันให้เกิดการการจัดงานในรูปแบบไฮบริด (Hybrid Event) ที่ผสมผสานการจัดงานทั้งในรูปแบบออนไลน์และออฟไลน์ จำกัดจำนวนผู้เดินทางมาร่วมงาน แต่เพิ่มจำนวนผู้ร่วมงานผ่านออนไลน์ โดยดึงนวัตกรรมการสื่อสารผนวกกับเทคโนโลยีโลกเสมือนจริง ซึ่งรัฐบาลได้จัดสรรงบประมาณสนับสนุนเพื่อผลักดันให้ธุรกิจออร์กาไนเซอร์ปรับตัวสู่การจัดไฮบริดอีเวนต์ที่ทั้งมีคุณภาพและประสิทธิภาพ

นอกจากนี้ ภาครัฐได้ทำงานร่วมกับภาคธุรกิจจัดตั้งหน่วยงานเฉพาะกิจ (Emerge Stronger Taskforce) เพื่อให้ความรู้ในด้านนวัตกรรมโมเดลธุรกิจ (Business Model Innovation) ทั้งในเชิงทฤษฎีและปฏิบัติ รวมทั้งวิเคราะห์ความเสี่ยงและหาโอกาสทางธุรกิจ และสร้างเครือข่ายชุมชนผู้จัดงานอีเวนต์ (Event Community Network) ซึ่งการปรับตัวสู่การจัดอีเวนต์ไฮบริดช่วยสร้างรายได้เพิ่มให้แก่เจ้าของธุรกิจ เพราะมีผู้เข้าร่วมงานได้มากขึ้นกว่าการจัดงานแบบเดิม(Physical Event) ที่ถูกจำกัดจำนวนผู้ร่วมงานด้วยพื้นที่ และจากผลสำรวจพบว่า 81% ของออร์การ์ไนเซอร์ต้องการเรียนรู้และพร้อมที่จะจัดงานในรูปแบบใหม่ ๆ

ลสำหรับปีที่ผ่านมาสิงคโปร์ประสบความสำเร็จในการจัดงานอีเวนต์ในรูปแบบไฮบริดมากมาย อาทิ งานแสดงสินค้าทราเวลรีไวฟ์(Travel Revive the new standard for MICE Event) งานเทรดโชว์ด้านการท่องเที่ยวระดับนานาชาติเวทีแรกในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกที่จัดขึ้นในรูปแบบไฮบริด ณ ศูนย์การประชุมและนิทรรศการแซนด์ส เอ็กซ์โป แอนด์ คอนเวนชั่น เซ็นเตอร์ มีผู้ประกอบการทั้งในและต่างประเทศเข้าร่วมชมงานกว่า 1,000 คน

นอกจากนี้ ยังมีการประชุม Singapore International Energy Week Conference 2020 ที่จัดขึ้น ณ ไฮบริด บรอดคาสตท์ สตูดิโอ (Hybrid Broadcast Studio) ภายในงานมีการใช้เทคโนโลยีล้ำสมัย เช่น เวทีสามมิติ โฮโลแกรม โดยผสมผสานเทคโนโลยีโลกเสมือนรูปแบบ AR  VR และ XR เข้าด้วยกันก้าวข้ามขีดจำกัดด้านสถานที่และเวลา ไม่ว่าจะอยู่มุมใดของโลกก็สามารถเข้าร่วมงานได้เสมือนจริง

มีทริปท่องเที่ยวเสมือนจริงไปกับแอร์บีเอ็นบี (Online Experience Singapore with Airbnb) งานฟรี ไฟเออร์ เวิลด์ ซีรีส์2021 (Free Fire World Series 2021) งานเทศกาลศิลปะนานาชาติสิงคโปร์ ครั้งที่ 21(SIFA 2021) และนิทรรศการประติมากรรมเป่าแก้ว Glass in Bloom by Dale Chihuly เป็นต้น งานเหล่านี้ล้วนใช้เทคโนโลยีทันสมัยเพื่อให้การจัดงานไฮบริดประสบความสำเร็จและดึงดูดผู้คนจากทั่วโลกเข้าชมงานแทบทั้งสิ้น

นี่เป็นตัวอย่างเพียงบางส่วนที่สิงคโปร์ร่วมมือกับผู้ประกอบการในการสนับสนุนและฟื้นฟูอุตสาหกรรมไมซ์ โดยมุ่งมั่นที่จะนำเทคโนโลยีสมัยใหม่มาใช้ ซึ่งไม่เพียงจะทำให้สิงคโปร์เข็มแข็งขึ้น แต่ยังเป็นการตอกย้ำความเป็นผู้นำในฐานะศูนย์กลางทางธุรกิจและการจัดงานในระดับภูมิภาคและระดับโลกอีกด้วย

ทั้งยังเป็นการเดินหน้าสู่การใช้ชีวิตปกติ ด้วยการฟื้นฟูการท่องเที่ยว ขับเคลื่อนเศรษฐกิจ แม้โควิดยังระบาดทั่วโลกดังคำประกาศของลี เซียน ลุง นายกรัฐมนตรีของสิงคโปร์ ที่กล่าวว่า “เราไม่อาจขจัดไวรัสโควิดให้หมดไป แต่สามารถบริหารจัดการ ให้เหมือนที่เราทำกับไข้หวัดธรรมดาได้” หรือเป็นการแสดงออกถึงทัศนคติในการมุ่งไปข้างหน้าและเรียนรู้การใช้ชีวิตปกติร่วมกันกับโควิด-19 ให้ได้ เพราะโควิดจะไม่หายไปไหน

STAY CONNECTED

0แฟนคลับชอบ
440ผู้ติดตามติดตาม
spot_img

Lastest News

MUST READ