TH | EN
TH | EN
หน้าแรกColumnistจีนเทา-จีนขาว ยึดเมือง !!!

จีนเทา-จีนขาว ยึดเมือง !!!

เรื่องทุนจีนบุกไทยนั้นเป็นที่รับรู้กันมานานหลายปีแล้ว ซึ่งคลื่นกลุ่มทุนจีนรุ่นใหม่ที่หลั่งไหลทะลักเข้ามาตั้งหลักปักฐานในบ้านเรา เริ่มขึ้นราว ๆ ปี 2550 จุดที่คนจีนเหล่านั้นมาทำมาหากินสมัยนั้นหากเราเดินไปในย่านห้วยขวาง โดยเฉพาะเส้นประชาราษฎร์บำเพ็ญ เราจะพบเห็นชาวจีนจำนวนมาก ตั้งตัวอยู่กันเป็นชุมชน เปิดร้านขายของ ทั้งร้านอาหาร ร้านขายยา และข้าวของเครื่องใช้ คนเหล่านี้เข้ามาสร้างไชน่าทาวน์แห่งใหม่

ยังไม่นับคนจีนกลุ่มอื่น ๆ ในย่านลาดกระบังถือเป็น “ฮับคนจีน” ที่ต้องมาพักที่นี่ก่อนจะกระจายไปจุดอื่น ๆ ทั่วประเทศ นอกจากนี้ ก็จะมีย่านศรีนครินทร์ สุขุมวิท และย่านเสือป่าพลาซ่า ที่อาศัยอยู่รวมกันเป็นชุมชน แต่อาจแตกต่างด้วยลักษณะของคนแต่ละพื้นที่โดยการแบ่งชนชั้นระดับฐานะทางเศรษฐกิจ และอาชีพที่ทำก็จะต่างกันไป

อย่างไรก็ตาม การรุกเข้ามาของทุนจีนเริ่มแผ่วลงการค้าซบเซาหลังจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทั้งรัฐบาลจีนและไทยมีนโยบายปิดประเทศ  แต่วันนี้หลังจากรัฐบาลจีนประกาศยกเลิกนโยบายโควิดเป็นศูนย์ (ZERO COVID-19) กำลังจะกลายเป็นปัญหาน่าปวดหัวของรัฐบาลไทย เมื่อคลื่นคนจีนที่เข้ามาทำมาหากินได้แฝงตัวมากับนักท่องเที่ยวกลับเข้ามาอีกระลอกสมทบกับที่เคยอยู่เดิมที่ยังตั้งหลักปักฐานอยู่

กระทั่งผู้ประกอบการธุรกิจในย่านเยาวราช-สำเพ็ง ต้องออกมาโวยว่า คนจีนแผ่นดินใหญ่แห่มายึดธุรกิจของคนไทยในย่านไชน่าทาวน์ “ย่านเยาวราช” ที่เป็นย่านธุรกิจของ “คนจีนในเมืองไทย” ที่อยู่กันมากว่าร้อยปีรุ่นเสื่อผืนหมอนใบกันอย่างคึกคัก โดยเฉพาะย่านเสือป่า สำเพ็ง จนเจ้าถิ่นต้องถอยร่น หลายรายก็ยกธงขาวยอมแพ้เลิกกิจการ

เรื่องนี้กลายเป็นข่าวฮือฮาอีกครั้ง เมื่อเพจร้าน “อาม่งหม่าล่าหม้อไฟสาขาเยาวราช” โพสต์ เล่าสถานการณ์ล่าสุด ที่เกิดขึ้นบนถนนเยาวราช ย่านสำเพ็ง มีข้อความตอนหนึ่งระบุว่า 

“ตอนนี้มีคนจีนถือวีซ่านักท่องเที่ยวมาเปิดร้านอาหาร ร้านนวด ร้านขายอุปกรณ์ เต็มไปหมด ย่านเยาวราช สำเพ็ง จากเดิมเคยเป็นร้านคนไทย (เชื้อสายจีน) ตอนนี้กลายเป็นร้านคนจีนแท้ ๆ (ส่วนใหญ่วีซ่า L) ถึงจะวีซ่า L ก็เปิดบัญชีธนาคารได้ง่าย ๆ ด้วย ธุรกิจร้านอาหารจีน ไม่ต้องมีสูตรอะไรมาก มี suppliers ส่งให้เรียบร้อย มีเงินเฉย ๆ ก็เปิดร้านได้ อุปกรณ์ตกแต่งจากจีนก็มีสำเร็จรูป ไม่ต้องการฝีมือช่างไทยทำ การมาลงทุนเปิดร้านต่าง ๆ ในไทยเลยง่ายมาก ๆ”

เพจดังกล่าว ยังเล่าอีกว่า ”หากหาถึงปลายทางเงินได้จากธุรกิจ แน่นอนว่าหลงเหลือ (หมุนเวียน) ในประเทศน้อย การจดบริษัทในไทยของคนจีนก็ง่าย Visa L ก็จดได้ เพียงแค่ต้องมีคนไทยถือหุ้นเยอะกว่าคนจีน SME ไทยจะเจริญได้อย่างไร เพราะความเป็นพลเมืองต้องเสียภาษีเงินได้ภาษีธุรกิจให้ประเทศ แต่นักลงทุนต่างชาติ แค่หา “nominee” ในการทำสัญญาเช่าก็จบ ปลายทางเงินได้ส่วนใหญ่อยู่ประเทศของเขา”

ขณะที่สถานการณ์ย่านสำเพ็ง ตั้งแต่ช่วงโควิด-19 ระบาด หลายกิจการปิดไปทำให้มีตึกและห้องเช่าว่างจำนวนมาก การค้าซบเซา คนไทยขาดสภาพคล่อง จึงเป็นโอกาสของพวกคนจีนที่ทุนหนา ก็เข้ามาทุ่มเงินเช่าร้าน เซ้งตึกได้ง่าย ๆ โดยเสนอค่าเช่ามากกว่า 2 เท่าตัวเป็นอย่างต่ำ ใช้ลูกจ้างเป็นคนไทย เช่าหรือเซ้งตึกแทนและรับหน้าที่ทำธุรกรรมต่าง ๆ เพื่อเปิดกิจการ ซึ่งพบว่ามีทั้งร้านอาหารร้าน ร้านขายของเบ็ดเตล็ดทั่วไปโดยเฉพาะสินค้านำเข้าจากจีน

มีข้อน่าสังเกตว่า บางร้านขายสินค้าที่ราคาถูก ในราคา 10 ถึง 30 บาท แต่กลับมีเงินทุนหมุนเวียนที่สามารถจ่ายค่าเช่าตึกได้ในราคา 300,000 ถึง 500,000 บาท ต่อเดือนได้อย่างสบาย ๆ บางร้านเปิดขายของแค่ครึ่งวันหรือไม่กี่ชั่วโมงก็ปิดร้าน สงสัยว่าธุรกิจเหล่านี้ มีเบื้องลึกเบื้องหลังหรือไม่  

สิ่งที่น่าห่วง คาดว่าอีกไม่นานแหล่งทำมาหากินในพื้นที่นี้ก็จะถูกยึดไปหมดไม่เหลือให้คนไทยไว้ทำมาหากิน เนื่องจากคนจีนเหล่านี้ รู้แหล่งผลิตสินค้าในประเทศจีนสามารถหาของราคาโรงงานได้ ภาษีก็ไม่ต้องเสีย ขณะที่คนไทยได้ราคาที่ผ่านคนกลางอีกที แถมยังต้องมีค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปหาซื้อที่จีนอีก ทั้งค่าเครื่องบิน ค่าที่พัก ค่ากินค่าอยู่ ต้นทุนย่อมสูงกว่า 

แต่ก่อนย่านสำเพ็งจะเป็นย่านขายของถูก แต่ทุกวันนี้เมื่อเทียบกับสินค้าที่คนจีนนำเข้ามากลายเป็นว่ามีต้นทุนแพงกว่า คนไทยที่ค้าขายย่านสำเพ็งเสือป่า จึงหันมาซื้อสินค้าจากพ่อค้าจีนขายแทน แทนที่จะไปซื้อถึงเมืองจีนแต่ระยะหลัง ๆ เจอทีเด็ดคนจีนนำสินค้ามาขายตัดราคา จนพ่อค้าไทยอยู่ไม่ได้ 

ที่กล่าวมาทั้งหมด คือ กลุ่มทุนจีนขาวเข้ามาเพื่อทำธุรกิจเข้ามาแย่งอาชีพค้าขายของคนไทยในที่สุดก็ฮุบกิจการคนไทยไปหมด

ขณะที่อีกกลุ่มหนึ่งน่ากลัวกว่า อีกทั้งสร้างความเสียทั้งทางเศรษฐกิจและมีปัญหาสังคมตามมา กลุ่มนี้เป็นพวก “กลุ่มทุนจีนเทา” เข้ามาทำธุรกิจสีเทาธุรกิจมืด ที่กำลังตกเป็นข่าวโด่งดังอย่าง กรณี “ตู้ห่าว” ธุรกิจจีนสีเทาเกิดขึ้นมานานแล้ว แฝงมาในรูปแบบกลุ่ม “ทัวร์ศูนย์เหรียญ” ที่หากินและสร้างอิทธิพลในเมืองท่องเที่ยวต่อมาขยายธุรกิจการลงทุนเป็นเครือข่ายขนาดใหญ่

กลุ่มนี้จะเริ่มจากธุรกิจทัวร์ ร้านอาหาร ร้านขายของที่ระลึกเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวจีนต่อมาเป็นเจ้าของโรงแรม สถานบันเทิง ผับ บาร์ บ่อนพนัน ลามไปสู่ ยาเสพติดและฟอกเงิน กลุ่มนี้จะตั้งตัวเป็นมาเฟีย ไม่เกรงกลัวกฏหมายไทยเพราะมีเจ้าหน้าที่รัฐหรือแม้กระทั่งนักการเมืองให้การช่วยเหลือ

นอกจากนี้กลุ่มจีนเทายังทำธุรกิจมืดอย่างการพนันออนไลน์ การกู้เงินผ่านแอปพลิเคชัน กลุ่มคอลเซ็นเตอร์ ฯลฯ แล้วฟอกเงินผ่านการซื้ออสังหาริมทรัพย์ ทั้งบ้านจัดสรร คอนโดมิเนียม สนามกอล์ฟ บริษัททัวร์ มหาวิทยาลัย โรงแรม ไปจนถึงร้านอาหาร ทั้งในกรุงเทพและต่างจังหวัดเฉพาะอย่างยิ่งเมืองท่องเที่ยวที่สำคัญ 

มีนักวิชาการประเมินความสร้างความเสียหายให้กับธุรกิจประเทศกว่า 300,000 ล้านบาท (เป็นความเสียหายทางอาชญากรรมเทคโนโลยีที่มีทั้งคนจีนและชาติอื่น ๆ) ข้อมูลของพรรคการเมืองฝ่ายค้านประเมินว่า เฉพาะคดีตู้ห่าวคดีเดียวสร้างความหายนะให้กับระบบเศรษฐกิจไทยได้ไม่ต่ำกว่า 20,000 ล้านบาท

กล่าวสำหรับเส้นทางที่กลุ่มทุนจีน ทั้งทุนขาวและทุนดำใช้ในการเดินทางเข้ามาทำมาหากินนั้น เริ่มตั้งแต่ด่านตรวจคนเข้าเมือง ส่วนหนึ่งมาจากการอำนวยความสะดวกให้กลุ่มทุนจีนสีเทาเข้าประเทศ ขอสัญชาติไทยได้โดยง่าย อีกทั้งยังอนุมัติต่อวีซ่าให้กลุ่มคนจีนที่ใช้ใบรับรองของมูลนิธิ หรือโรงเรียนสอนภาษาจำนวนมาก

จากข้อมูลของตำรวจ เฉพาะปี 2564 เพียงปีเดียว มีผู้แฝงตัวเข้ามาในลักษณะนี้มากกว่า 3,000 คน ยังไม่นับกรณีที่มีการใช้นอมินีชาวไทยบังหน้าทำมาหากินกันอย่างเปิดเผย 

อย่างไรก็ตาม ปัญหาของธุรกิจสีเทา รวมถึงการแย่งชิงกิจการของทุนจีนขาวจากผู้ประกอบการรายย่อยในไทย จะไม่ลุกลามมาถึงขั้นนี้ หากเจ้าหน้าที่ปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมาย และคนไทยไม่ให้ความร่วมมือ โดยอาศัยช่องโหว่ของกฎหมาย ทำการทุจริตเสียเอง

การที่กลุ่มทุนจีนเข้ามาสร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจและสังคมในบ้านเรา ได้เป็นการตอกย้ำว่ามีเครือข่ายข้าราชการที่ทุจริตเห็นแก่อามิสสินจ้างอยู่เบื้องหลังทั้งสิ้น

ผู้เขียน: ทวี มีเงิน

บทความอื่น ๆ ของผู้เขียน

บางจาก ฮุบ เอสโซ่ … ท้าชน ปตท.

“รื้อ-ล้างไพ่” ท่องเที่ยวไทย

2566 “เศรษฐกิจ-การเมืองไทย” บนปากเหว

STAY CONNECTED

0แฟนคลับชอบ
440ผู้ติดตามติดตาม
spot_img

Lastest News

MUST READ