บริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) หรือเอ็กโกกรุ๊ป พร้อมก้าวสู่บทบาทใหม่ในฐานะ “ผู้ประกอบการจัดหาและค้าส่งก๊าซธรรมชาติ” โดยแจ้งความประสงค์ต่อคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ขอปรับแผนนำเข้าก๊าซธรรมชาติเหลว (แอลเอ็นจี) ล็อตแรกปลายปี 2564 และวางแผนจะนำเข้าอย่างเต็มรูปแบบในไตรมาสที่ 3 ปี 2565 เพื่อใช้เป็นเชื้อเพลิงสำหรับ 3 โรงไฟฟ้าในกลุ่มเอ็กโก ได้แก่ โรงไฟฟ้าบ้านโป่ง โรงไฟฟ้าคลองหลวง และโรงไฟฟ้าเอ็กโก โคเจน ที่จะทดแทนโรงไฟฟ้าเดิม ซึ่งจะเอื้อประโยชน์ในการบริหารต้นทุนเชื้อเพลิงที่ใช้ผลิตไฟฟ้าและต่อยอดโอกาสการลงทุนในธุรกิจเชื้อเพลิงในอนาคต
เทพรัตน์ เทพพิทักษ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ เอ็กโก กรุ๊ป เปิดเผยว่า “เอ็กโก กรุ๊ป พร้อมก้าวสู่บทบาทใหม่ในฐานะผู้ประกอบการจัดหาและค้าส่งก๊าซธรรมชาติ ภายหลังที่ กกพ. มีมติเห็นชอบการออกใบอนุญาตจัดหาและค้าส่งก๊าซธรรมชาติ (LNG Shipper License) ในปริมาณการจัดหาและค้าส่งแอลเอ็นจีสูงสุด 200,380 ตันต่อปี เป็นระยะเวลา 10 ปี เพื่อนำเข้าแอลเอ็นจีมาใช้เป็นเชื้อเพลิงสำหรับโรงไฟฟ้าเอสพีพีในกลุ่มเอ็กโกทั้ง 3 แห่ง โดยล่าสุดเอ็กโก กรุ๊ป แจ้งความประสงค์ต่อ กกพ. ขอปรับแผนนำเข้าแอลเอ็นจี ล็อตแรกปลายปี 2564 ซึ่งการดำเนินการจริงจะขึ้นอยู่กับการพิจารณาของ กกพ. พร้อมกันนี้ ได้วางแผนจะนำเข้าแอลเอ็นจีอย่างเต็มรูปแบบตั้งแต่ไตรมาสที่ 3 ของปี 2565 เป็นต้นไป ด้านแหล่งก๊าซที่จะนำเข้ามาใช้งานยังอยู่ระหว่างเจรจา เบื้องต้นคาดว่าจะนำเข้าจากแหล่งก๊าซในทวีปเอเชียและทวีปแอฟริกา”
- โลกแห่งการค้ายุคใหม่ เร่งการพลิกฟื้น เศรษฐกิจของประเทศไทย
- เอ็นทราวิชั่น ซื้อกิจการ มีเดียโดนัทส์ ยกระดับเทคโนโลยีโฆษณาใน SEA
ทั้งนี้ โรงไฟฟ้าบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี กำลังผลิตติดตั้งรวม 256 เมกะวัตต์ ใช้ปริมาณแอลเอ็นจี 54,000 ตันต่อปี โรงไฟฟ้าคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี กำลังผลิตติดตั้งรวม 122 เมกะวัตต์ ใช้ปริมาณแอลเอ็นจี 27,000 ตันต่อปี และโรงไฟฟ้าเอ็กโก โคเจน จังหวัดระยอง ที่จะทดแทนโรงไฟฟ้าเดิม (SPP Replacement) ซึ่งสัญญาซื้อขายไฟฟ้าจะสิ้นสุดในปี 2567 กำลังผลิตติดตั้งระหว่าง 100-120 เมกะวัตต์ ใช้ปริมาณแอลเอ็นจี 119,000 ตันต่อปี
“บทบาทใหม่ของเอ็กโก กรุ๊ป ในฐานะผู้ประกอบการจัดหาและค้าส่งก๊าซธรรมชาติ นอกจากจะส่งผลดีต่อธุรกิจหลักในด้านของการเพิ่มความสามารถในการบริหารต้นทุนเชื้อเพลิงที่ใช้ผลิตไฟฟ้าของโรงไฟฟ้าทั้ง 3 แห่งดังกล่าวแล้ว ยังเปิดโอกาสในการขยายการลงทุนในธุรกิจเชื้อเพลิงในอนาคตด้วย” เทพรัตน์ กล่าวเสริม
ปัจจุบันเอ็กโก กรุ๊ป มีกำลังผลิตตามสัญญาซื้อขายไฟฟ้าตามสัดส่วนการถือหุ้นรวมทั้งสิ้น 6,016 เมกะวัตต์ ประกอบด้วยโรงไฟฟ้าที่เดินเครื่องเชิงพาณิชย์แล้ว 29 แห่ง คิดเป็นกำลังผลิตตามสัญญาซื้อขายตามสัดส่วนการถือหุ้น 5,695 เมกะวัตต์ และโครงการโรงไฟฟ้าที่อยู่ระหว่างก่อสร้าง 2 โครงการ คิดเป็นกำลังผลิตตามสัญญาซื้อขายตามสัดส่วนการถือหุ้น 321 เมกะวัตต์ โดยโรงไฟฟ้าและโครงการต่างๆ ตั้งอยู่ใน 8 ประเทศ ได้แก่ ไทย สปป.ลาว ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย ออสเตรเลีย เกาหลีใต้ ไต้หวัน และสหรัฐอเมริกา ซึ่งผลิตไฟฟ้าจากเชื้อเพลิงหลายประเภท ทั้งก๊าซธรรมชาติ แอลเอ็นจี ถ่านหิน ชีวมวล พลังงานน้ำ พลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานลม พลังงานความร้อนใต้พิภพ และเซลล์เชื้อเพลิง นอกจากนี้ ยังมีธุรกิจพลังงานที่เกี่ยวเนื่องที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง 2 โครงการ ได้แก่ โครงการขยายระบบขนส่งน้ำมันทางท่อไปยังภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และโครงการพัฒนานิคมอุตสาหกรรมเอ็กโกระยอง