TH | EN
TH | EN
หน้าแรกBusinessอาร์เอส กรุ๊ป ตั้งเป้าโต 2 แกน ธุรกิจเดิม+ใหม่ ตั้งเป้ารายได้ปี 64 ทะลุ 5.7 พันลบ.

อาร์เอส กรุ๊ป ตั้งเป้าโต 2 แกน ธุรกิจเดิม+ใหม่ ตั้งเป้ารายได้ปี 64 ทะลุ 5.7 พันลบ.

อาร์เอส กรุ๊ป ตั้งเป้าเติบโตต่อเนื่องสวนกระแสธุรกิจ ด้วยการเติบโต 2 แกน ได้แก่ แกนตั้ง คือ เติบโตจากธุรกิจเดิม และแกนนอนที่โตจากธุรกิจใหม่ที่ทำ Mergers and Acquisitions (M&A) 

ทั้งนี้ อาร์เอสตั้งเป้ารายได้ปี 2564 ไว้ที่ 5,700 ล้านบาท และคาดหวังกำไรสุทธิไว้ที่ 12-24% โดยยังไม่รวมรายได้จากการทำ M&A ที่ปีนี้จะมีทั้งหมด 3 ดีล (ปิดดีลไปแล้ว 1 ราย คือ บริษัท เชฎฐ์ เอเชีย) และจะสร้างกำไรส่วนเพิ่มจากกำไรสุทธิให้อาร์เอสอีกประมาณ 20-30% 

ภายใต้เป้ารายได้ 5,700 ล้านบาท จะมาจาก 2 ส่วนหลัก คือ ส่วนมีเดียและเอนเตอร์เทน 1, 700 ล้านบาท กับมาจากส่วนของคอมเมิร์ซ 4,000 ล้านบาท 

ภายใต้ธุรกิจมีเดียแอนด์เอนเตอร์เทนเมนต์ มาจากช่อง 8 ประมาณ 1,000 ล้านบาท จากธุรกิจเพลง 300 ล้านบาท จาก Coolism 200 ล้านบาท และจาก Concert & Event อีก 200 ล้านบาท ในขณะที่ ภายใต้ธุรกิจคอมเมิร์ซ แบ่งเป็น 3,000 ล้านบาท มาจากธุรกิจ RS Mall และอีก 1,000 ล้านบาทจาก Life Star 

ในขณะที่รายได้จากการ M&A ที่ปีนี้ตั้งเป้าว่าจะเกิดดีลเพิ่มอีก 1-2 ดีล ๆ ละ 300 – 600 ล้านบาท โฟกัสที่ธุรกิจที่สามารถมาต่อยอด Ecosystem รูปแบบธุรกิจของอาร์เอสได้ 

สุรชัย เชษฐโชติศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ธุรกิจคอมเมิร์ซ ภายใต้หน่วยธุรกิจ Life Star ปีนี้จะเน้นที่การมีสินค้าใหม่ ได้แก่ Functional Drink, Innovative Health Product และ Pet Food ผ่านช่องทางการจัดจำหน่ายใหม่ ที่นอกเหนือจาก RS Mall คือ ร้านสะดวกซื้อ (Convenient Store) ร้านเฉพาะทาง (Specialty Store) e-commerce และช่องทางใหม่ที่อาร์เอสสร้างขึ้นคือ Exclusive Distrtibution Network (EDN) ที่จะเป็นหัวใจสำคัญในการขับเคลื่อนสินค้าใหม่สู่ตลาด 

ทั้ง 3 ตลาดเป็นตลาดที่มีการเติบโตดีอย่างต่อเนื่องและคาดว่าจะเติบโตแบบนี้ต่อไปอีกในอนาคต อาร์เอสจึงกระโดดเข้ามาชิงส่วนแบ่งทางตลาด

สำหรับ Functional Drink นั้น อาร์เอสจะมีสินค้าลงสู่ตลาด 3 ตัวในเดือยเมษายน มิถุยายน และกันยายน ส่วน Innovative Health Product จะมีสินค้าลงสู่ตลาด 2 ตัวในเดือนมีนาคมและมิถุนายน โดยจะเน้นการขายผ่านช่องทาง EDN เป็นหลัก (90%) และอีคอมเมิร์ซ

สำหรับตลาด Pet Food อาร์เอสจะมีสินค้าลงสู่ตลาดในเดือนพฤษภาคม เพื่อชิงส่วนแบ่งตลาดที่มีมมูลค่าราว 16,000 ล้านบาท 

ส่วน RS Mall นั้น จะเน้นการเพิ่มจำนวนลูกค้าให้อีก 30% จาก 1.5 ล้านคนเป็น 2 ล้านคน และจะเพิ่มอัตราการซื้อซ้ำจาก 2 ครั้งต่อคน เป็น 2.4 ครั้งต่อคน รวมถึงจะเพิ่มปริมาณการสั่งซื้อผ่านออนไลน์ 150% ต่อเดือน 

ธุรกิจมีเดียและเอนเตอร์เทนเมนต์นั้น หลัก ๆ คือ ช่อง 8 ทำให้คาดการณ์รายได้ไว้ที่ 1,000 ล้านบาท ในส่วนนี้จะมาจากการขายลิขสิทธิ์คอนเทนต์ราว ๆ 200 ล้านบาท และอีเวนต์อีก 100 ล้านบาท อีก 700 ล้านบาทมาจากเอนเตอร์เทนเมนต์ 400 ล้านบาท และมีเดีย 300 ล้านบาท 

ธุรกิจเพลง ที่เปิดค่ายเพลง 3 ค่าย Kamikaze, Rsiam และ RoseSound จะมีการออกเพลงใหม่ 80 Singles และรายได้จากการบริหารศิลปิน รวม ๆ แล้ว 300 ล้านบาท ส่วน Coolism ที่มีผู้ฟังอยู่ 3.7 ล้านคน และจะเปลี่ยนผู้ดูเป็นผู้ซื้อ รวมถึงจะมี Concert และ Event ทำให้รายได้จาก Coolism น่าจะแตะที่ 200 ล้านบาท 

แผนธุรกิจและแผนรายได้ทั้งหมดนี้จทำให้ปีนี้อาร์เอสมีกำไรรราว 50-52% โดยจะมีกำไรสุทธิประมาณ 12-14% ทั้งนี้ รายได้นี้ไม่รวมรายได้ที่เกิดจากการขยายสู่ธุรกิจใหม่ผ่านการ M&A ที่จบดีลแรกไปแล้ว กับบริษัท เชฎฐ์ เอเชีย

การ M&A กับบริษัท เชฎฐ์ เอเชีย เป็นการรุกเข้าสู่ธุรกิจ “บริหารสินทรัพย์-สินเชื่อรายย่อย” ของอาร์เอส ด้วยเงินลงทุน 900 กว่าล้านบาท (เป็นการเพิ่มทุน 35% ในบริษัท เชฎฐ์ เอเชีย) ที่คาดกว่าการเติบโตในแนวราบนี้จะช่วยเพิ่มสัดส่วนกำไรให้อาร์เอสอีก 20-30% ของพอร์ตกำไรรวมของอาร์เอส 

การขยายเข้าสู่อุตสาหกรรมทางการเงินของอาร์เอสในครั้งนี้ เพราะเล็งเห็นโอกาสทางธุรกิจในอุตสาหกรรมติดตามและบริหารจัดการหนี้เสีย ซึ่งเติบโตต่อเนื่องมาตลอด 7-8 ปีที่ผ่านมา ประกอบกับบริษัท เชฎฐ์ เอเชีย มีบริการที่ครบวงจร. ตั้งแต่การติดตามหนี้ การให้สินเชื่อรายย่อย และการนำหนี้เสียมาบริหารให้เกิดรายได้ 

“ที่สำคัญ อุตสาหกรรมที่บริษัท เชฎฐ์ เอเชีย ทำอยู่ เป็นหนึ่งในไม่กี่อุตสาหกรรมที่จะไม่ถูก Disrupt การเติบโตของเทคโนโลยีจะยิ่งเสริมบริษัท เชฎฐ์ เอเชีย ให้คล่องตัวและมีประสิทธิภาพมากขึ้น” 

เป้าหมายของอาร์เอสในการลงทุนในสัดส่วน 35% ในบริษัท เชฎฐ์ เอเชีย คือ การสร้างกำไรพิ่มให้อาร์เอสอีก 20-30% และจะนำบริษัท เชฎฐ์ เอเชียเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ฯ ภายในปี 2565 หรืออย่างช้าปี 2566 เพื่อเร่งการระดมทุน และจะช่วยสนับสนุนทำให้กลุ่มบริษัทเชฎฐ์ ก้าวขึ้นสู่การเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมนี้ภายใน 2 ปี 

การร่วมทุนกับบริษัท เชฎฐ์ เอเชีย นอกจากจะเป็นการลงทุน ด้วยการเพิ่มทุนให้บริษัท เชฎฐ์ เอเชีย มีเม็ดเงินในการเข้าซื้อหนี้เสียเข้าพอร์ตมากขึ้นอีกประมาณ 10,000 ล้านบาท จากเดิมที่บริหารพอร์ตหนี้เสียอยู่ราว ๆ 27,000 ล้านบาท 

“ผลประกอบการปี 2562 ของบริษัท เชฎฐ์ เอเชีย มีราบได้ 700 ล้านบาท กำไร 200 ล้านบาท บริหารพอร์ตหนี้เสีย 27,000 ล้านบาท และติดตามหนี้เสียอยู่รวมราว 45,000 ล้านบาท”

การ M&A กันระหว่างอาร์เอสกับบริษัท เชฎฐ์ เอเชีย นอกจากจะเป็นการเพิ่มเม็ดเงินลงทุนแล้ว ยังเป็นการต่อยอดให้บริษัท เชฎฐ์ เอเชียในเรื่องของแบรนด์ดิ้ง ภาพลักษณ์องค์กร และกลยุทธ์ทางการตลาด รวมถึงการต่อยอดร่วมกันในการนำเสนอบริการทางการเงินใหม่ ๆ สู่ฐานลูกค้าของอาร์เอสที่คาดว่าจะมี 2 ล้านคนที่ RS Mall และ 3.7 ล้านคนที่ Coolism 

และยังเป็นการแชร์ทรัพยากรร่วมกันทั้งในส่วนของ Telesale ที่บริษัท เชฎฐ์ เอเชีย และอาร์เอสต่างมีอยู่ราว ๆ 400 -500 คน แชร์วิธีการทำงาน ระบบการทำงาน และการบริหารข้อมมูลลูกค้าร่วมกัน ดังนั้น ในส่วนรายได้ของ บริษัท เชฎฐ์ เอเชียในปี 2564 นี้คาดว่าจะเติบโตประมาณ 25-30% 

จากภาวะแนวโน้มเศรษฐกิจในปัจจุบัน จำนวนหนี้ด้อยคุณภาพมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น บริษัทฯ จึงมองเห็นโอกาสในการต่อยอดโมเดลธุรกิจ Entertainmerce โดยใช้โอกาสนี้ในการสร้างความแข็งแกร่งให้กับกลุ่มธุรกิจของอาร์เอส 

“แม้ปีที่ผ่านมาสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 จะส่งผลกระทบอย่างมากต่อทุกภาคส่วน และเป็นผลกระทบที่ไม่สามารถคาดการณ์ได้ แต่อาร์เอสเป็นองค์กรที่ปรับตัวเร็ว สามารถตั้งรับกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นได้อย่างทันท่วงที มีการปรับแผนให้เหมาะสมและสอดคล้อง รวมไปถึงโมเดลธุรกิจ Entertainmerce ที่พิสูจน์ให้เห็นถึงความสำเร็จ ทำให้ผลประกอบการในปีที่ผ่านมา สามารถทำรายได้นิวไฮได้อย่างต่อเนื่องในทุกไตรมาส”

STAY CONNECTED

0แฟนคลับชอบ
440ผู้ติดตามติดตาม
spot_img

Lastest News

MUST READ