TH | EN
TH | EN
หน้าแรกColumnistผมทำเวลาหล่นหาย ... เมื่อคุณควบคุมไม่ได้ คุณก็ต้อง "ตั้งรับ" ให้ได้

ผมทำเวลาหล่นหาย … เมื่อคุณควบคุมไม่ได้ คุณก็ต้อง “ตั้งรับ” ให้ได้

เมื่อวันเวลาเคี่ยวกรำให้ชีวิตเหนื่อยล้ามากขึ้น การได้ใช้เวลาทบทวนสิ่งที่เป็นวันนี้ เกิดจากอะไร คงจะช่วยสร้างกำลังใจให้เดินไปข้างหน้าได้

ผมค้นพบว่า สิ่งที่ทำให้ผมยังต้องทำงานอย่างหนักหน่วงเพราะในช่วงหนึ่งของชีวิต ผมทำ “เวลา” หล่นหายไปครับ เวลาในวัยหนุ่มวัยสาวที่ผมใช้มันอย่างไม่คุ้มค่าเลย

ในวัยหนุ่ม ผมคิดว่าเวลาเป็นสิ่งที่มีอยู่เหลือเฟือ ด้วยความคะนองว่าอายุใช้งานยังยาว  ทำงานด้วยความสนุก หาได้เท่าไร ก็ใช้อย่างไม่บันยะบันยัง (ภาษาเก่าที่หมายถึงไม่ประมาณ)

ถือดีว่ามีเวลา ถือดีในพลังหนุ่ม-สาว  สิ้นเดือนก็มีเงินแล้ว ไหนจะรับจ็อบเพิ่มอีกเดือนละ 2-3 แห่ง เดือน ๆ สามารถมีงานพิเศษได้มากกว่าเงินเดือนที่ได้รับ หรืออย่างไม่ได้ ๆ ก็เท่ากับเงินเดือน คิดดูสิ ทำงาน 12 เดือน แต่เดือนมีรายได้เท่ากับทำงาน 20 เดือน! ความคึกคะนองจึงบังเกิด

คงไม่ต้องบรรยายความคึกคะนองในวันหนุ่มว่าโลดโผนขนาดไหน ทำให้เวลาที่หาเงินได้มากกลับไม่รู้จักการสะสม ทั้งที่ความสุข ความสนุกผ่านไปเหลือแต่ความทรงจำแค่นั้น แต่ในกระเป๋ากลับว่างเปล่า !!

ความคึกคะนอง เหมือนการขับรถที่มีกำลังมาก ๆ วิ่งได้เร็วและแรง แต่ลืมคิดถึงเชื้อเพลิงที่ต้องจ่าย ลืมคิดเรื่องค่าใช้จ่ายในการซ่อมบำรุง

ในเวลานั้น คิดแต่เพียงทำงานหนัก ก็สามารถใช้เงินที่หามาได้ ลืมไปว่ารายได้ที่มามากนั้น มาจากโอกาส ซึ่งวันหนึ่งก็จะหมดไป

ไม่เข้าใจคำว่า “ความเสี่ยง” ไม่รู้จักคำว่า “ผันผวน”  เชื่อว่าโลกนี้สวยงาม เต็มไปด้วยโอกาส ขยันก็ไขว่คว้าเอาสิ!!

ด้วยความเชื่อของตัวเองที่พุ่งสูงสุด จึงคิดร่วมมือกับเพื่อนเปิดบริษัทเล็ก ๆ ที่คิดว่า “ตัวเองทำได้”

และความไม่แน่นอนก็ทำลายความแน่นอน ความมั่นใจต้องถูกสั่นคลอนจากวิกฤติต้มยำกุ้งในปี 2540 ต่อด้วยวิกฤติแฮมเบอร์เกอร์ในปี 2550 จนกระทั่งโควิด ในปี 2562  

เมื่อไม่รู้จักความเสี่ยง ความผันผวน ทำให้ไม่มีการรับมือวิกฤติที่เกิดขึ้น กระทั่งไม่รู้จักสูตรการสร้างเงินออม หรือแม้แต่เงินสำรองฉุกเฉิน

นิทานเรื่องกบในหม้อต้มจึงหลอนมาถึงทุกวันนี้

จึงเป็นที่มาของหัวเรื่องในครั้งนี้ว่า “ผมทำเวลาหล่นหาย” เพราะในเวลาที่ดีที่สุด คือช่วงเวลาที่เพิ่งสำเร็จการศึกษา อายุยังไม่มาก เรี่ยวแรงมีอยู่เต็ม ความทะเยอทะยานสูง สามารถทำงานได้ไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย เพราะสนุกกับสิ่งใหม่ ๆ คิดว่าสิ่งที่เกิดขึ้นคือความท้าทาย จึงไม่คิดถึงข้อเท็จจริงของโลกว่า มีความไม่แน่นอน การเตรียมการรับมือกับสิ่งที่ไม่คาดคิด มันคือปรากฏการณ์ expect the unexpected ที่เราอาจเจอในสิ่งที่ไม่เคยคิดถึง แม้กระทั่งไม่ได้ลองคิดถึงสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ในความคิดเรา เพราะมันอาจจะเกิดขึ้นหรือเป็นไปได้ก็ได้ (credit:Dr.nuch tantisantiwong)

ชีวิตจึงเหนื่อยและทุกข์ยากเมื่อเข้าสู่วัยชราหรือเกษียณอายุ เพราะหมดเวลาที่จะสะสมเงินทุนสำหรับการใช้ชีวิตยามเข้าสู่วัยสูงอายุ ที่เหลือคือพยายามใช้ชีวิตให้เพียงพอ การลดรายจ่ายที่จำเป็นและไม่จำเป็น และที่ต้องไม่ลืมว่าเงินเฟ้อยังมีอยู่ไม่ว่าจะอยู่ในช่วงเวลาไหน ราคาสินค้า/บริการ จะสูงขึ้นเรื่อย ๆ (จึงต้องเรียกว่าลดรายจ่ายที่จำเป็นและไม่จำเป็น) ขณะเดียวกันก็ต้องประคับประคองสุขภาพอย่าให้มีเรื่องร้ายแรงที่เกิดขึ้นกับชีวิต (และต้องลุ้นไม่ให้คนใกล้ชิดไม่เจ็บไม่ป่วย)

โชคดีที่ปัจจุบัน การเรียนรู้เรื่องความเสี่ยง ความผันผวนทำได้ง่าย การรู้จักการวางแผนการเงินก็มีอยู่หลายช่องทาง ปัญหาจึงอยู่ที่การเรียนรู้และลงมือทำกันหรือยัง

บทความอื่น ๆ ของผู้เขียน

ชีวิตที่ไม่มีเป้าหมาย ก็เป็นได้แค่ “ความฝัน”

Born to be หรือ Like to be

การบริหารชีวิตให้มี “ความสุข” ด้วย “สำเร็จ” ด้วย นั้นเป็นเรื่องยาก แต่ทำได้

STAY CONNECTED

0แฟนคลับชอบ
440ผู้ติดตามติดตาม
spot_img

Lastest News

MUST READ