TH | EN
TH | EN
หน้าแรกColumnistเดินหมากผิด แพ้ทั้งกระดาน

เดินหมากผิด แพ้ทั้งกระดาน

ปัญหาใหญ่ที่สุดของรัฐบาล “ลุงตู่” พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่กำลังฝ่าคลื่นลมมรสุมโควิดระบาดยามนี้ คือ “การตัดสินใจที่ไม่เด็ดขาด” โลเล หากจับปรากฏการณ์ตั้งแต่โควิด-19 แพร่ระบาดวันแรก ๆ จนถึงวันนี้ “ลุงตู่” ตัดสินใจผิดพลาดหลาย ๆ เรื่องเรียกว่า “ตัดสินใจพลาด” เป็นส่วนใหญ่

ส่วนจะผิดพลาดเรื่องอะไรบ้าง หลายคนคงจำได้อย่างเรื่อง “การบริหารจัดการวัคซีน” ตั้งแต่การจัดซื้อที่ไม่พอกับความต้องการ มีแค่ 2 ยี่ห้อ ไม่มีทางเลือกให้ประชาชน จนถึงการวางแผนการฉีด ที่เกิดความสับสนจนเกิด “โรคเลื่อน” ระบาดทั่วประเทศ ล่าสุดกรณีจะล็อกหรือไม่ล็อกดาวน์กรุงเทพฯ แต่รัฐบาลเลือก “ปิดแคมป์คนงาน” ในกรุงเทพฯ ปริมณฑล และ 4 จังหวัดชายแดนภาคใต้แทน

พลาดอีกจนได้ มีคำสั่งออกวันศุกร์แต่ให้มีผลปฏิบัติในวันจันทร์ 28 มิถุนายน ทำให้คนงานตื่นตกใจ หนีออกจากแคมป์ตั้งแต่เย็นวันศุกร์ และในช่วงเสาร์-อาทิตย์ จนต้องเอากำลังทหารเข้ามาตรึง แต่ก็มีบางส่วนที่หลบออกไปไดh ทำให้วิตกว่าจะนำเชื้อไปแพร่ระบาดในต่างจังหวัด

ในที่สุดเมื่อปิดแคมป์เอาไม่อยู่ ต้องใช้ไม้เด็ดด้วยการ “ประกาศล็อกดาวน์” กลางดึกคืนวันเสาร์ที่ผ่านมา กลับสร้างความเสียหายกับธุรกิจที่เตรียมตัวจะเปิดดำเนินการ

วกเข้ามาเรื่องเศรษฐกิจ รัฐบาลปักธงท่องเที่ยวไทย หวังจะให้ฟื้นกลับมาด้วยโมเดล “ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์” ในวันที่ 1 กรกฎาคมนี้ ท่ามกลางเสียงท้วงติงของนักธุรกิจ และคนในพื้นที่ ซึ่งเห็นว่าไม่พร้อม และเกรงว่าจะเกิดโควิดแพร่ระบาดครั้งใหญ่ แต่รัฐบาลก็ยังยืนยันเดินหน้าต่อไป

ตอนนี้ทำท่าว่า “ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์” จะล่มปากอ่าว จากความไม่ชัดเจนของภาครัฐ ทำให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเกิดความลังเลไม่กล้ามาเที่ยว หาก “ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์” ​ล่ม และสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิดยังพุ่งสูงปรี๊ด ย่อมจะดับฝัน “ลุงตู่” ที่ประกาศเปิดประเทศใน 120 วันอย่างมิอาจปฏิเสธได้

ด้วยแรงกดดันของนักธุริจ ที่ผลักดันให้เปิดประเทศ หวังจะให้เศรษฐกิจขับเคลื่อนไปได้ โดยเฉพาะในเรื่อง “การท่องเที่ยว” ที่ฟุบไปนานเกือบ 2 ปี ตั้งแต่เกิดโควิดระบาด แต่รัฐบาลอาจจะลืมคิดไปว่า การหารายได้เข้าประเทศ ไม่ใช่มีแค่รายได้จากการท่องเที่ยวเท่านั้น รายได้หลักจริง ๆ คือ “การส่งออก”

หลังจากเกิดวิฤติโควิด ส่งผลให้ธุรกิจท่องเที่ยวพังทลาย แต่ดูเหมือนว่าทุกฝ่ายจะ “โฟกัส” กับเรื่องการท่องเที่ยวเป็นหลัก ทั้งที่รายได้จากการท่องเที่ยวมีสัดส่วน 20% ของจีดีพี จ้างงานราว 20 ล้านคน ขณะที่ “การส่งออก” ที่มีสัดส่วนกว่า 70% ของจีดีพี การจ้างงานหากรวมแรงงานในภาคอุตสาหกรรมและภาคเกษตรส่งออกก็มากกว่าธุรกิจท่องเที่ยวแน่ ๆ

ฉะนั้น เมื่อธุรกิจท่องเที่ยวยังไม่พร้อม รัฐบาลควรจะหันมาสนใจและใส่ใจ “เครื่องยนต์ส่งออก” ซึ่งเป็นเครื่องจักรสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศที่เริ่มฟื้น สะท้อนจากในรอบเดือน 4 เดือนยอดการส่งออกเป็นบวกติดต่อกัน ล่าสุดในเดือนพฤษาภาคม 2564 ยอดการส่งออกมีมูลค่า 714,885.27 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 41.59% สูงสุดในรอบ 11 ปี 

ปัจจัยสำคัญมาจากเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจคู่ค้าสำคัญ ๆ ของไทย เช่น สหรัฐฯ จีน สหภาพยุโรป และญี่ปุ่น เริ่มฟื้นตัว ประกอบกับการที่ “ค่าเงินบาทอ่อนค่า” มากที่สุดในรอบ 13 เดือน ในระดับ 31.80 บาทต่อดอลลาร์ เทียบกับ 31.45 บาท เมื่อวันศุกร์ (18 มิ.ย) ก่อนหน้านี้

การส่งออกทำท่าว่าจะไปได้ดี แต่ก็มีอุปสรรคตั้งแต่กรณีโควิดระบาดเข้าไปในโรงงาน จนต้องปิดโรงงาน ย้ายไลน์การผลิตกันเป็นแถว ทำให้ไม่สามารถผลิตสินค้าส่งมอบลูกค้าต่างประเทศได้ทันตามออร์เดอร์ กำลังเป็นปัญหาใหญ่มาก

ก่อนนี้ก็มีปัญหา “ค่าขนส่ง” ที่แพงขึ้นพรวดพราด ทันที 4-5 เท่า ตู้คอนเทนเนอร์ขนาด 20 ฟุต เคยมีค่าระวางเพียง 3,000-4,000 เหรียญสหรัฐ ก็พุ่งขึ้นไปถึง 10,000 เหรียญสหรัฐ ทำให้ “ต้นทุน” ของผู้ประกอบการสูงขึ้นเป็นเงาตามตัว

อีกปัญหาที่สำคัญไม่แพ้กัน คือ “ชิป” ชิ้นส่วนสำคัญในอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์รถยนต์และสินค้าไอทีขาดแคลนอย่างหนักทั่วทั้งโลก ปัญหาเหล่านี้ทำให้การส่งออกของไทยเสียโอกาสอย่างน่าเสียดาย

อย่างที่รู้ ๆ กัน รัฐบาลมัวแต่มะรุมมะตุ้ม อุ้ม “ท่องเที่ยว” แต่ลืม “เค้กก้อนใหญ่” นั่นคือ “การส่งออก” ที่สำคัญ การที่รัฐบาลจะเปิดประเทศฟื้นท่องเที่ยวนั้น เชื่อว่านักท่องเที่ยวต่างชาติคงมาเที่ยวไม่เยอะ ในทางจิตวิทยาเขาคงท่องเที่ยวกันในประเทศ หรือประเทศใกล้ ๆ บ้านเขาก่อน ส่วนไทยคงเป็นตัวเลือกท้าย ๆ 

ยิ่งข่าวที่ออกไปทั่วโลกว่าไทยยังฉีดวัคซีนน้อย แล้วยังต้องมากักตัวอีก 14 วัน จากข้อมูลที่ผ่านมาพบว่า นักท่องเที่ยวมาภูเก็ต อยู่ไม่เกิน 5 วัน แต่ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์จะให้อยู่ 14 วัน นานเกินไป จนมีข่าวว่านักท่องเที่ยวต่างชาติพากันร้องโวยวายมาแล้ว

ฟันธงว่าไม่ว่า จะเป็น “ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์” จนถึงการเปิดประเทศ คงมีนักท่องเที่ยวมากันไม่เยอะ แม้แต่นักท่องเที่ยวจีน ที่เป็นกลุ่มลูกค้ารายใหญ่ราว 20 กว่าเปอร์เซ็นต์ของนักท่องเที่ยวทั้งหมดก็ตาม ตอนนี้รัฐบาลจีนยังปิดประเทศคาดว่าจะปิดไปถึงปลายปีหน้า แล้วไทยเราจะมีนักท่องเที่ยวมาจากไหน

อยากจะย้ำว่า ในห้วงเวลานี้รัฐบาลควรจะหันมาใส่ใจ และสนใจแก้ปัญหาส่งออกดีที่สุด ส่วนท่องเที่ยวอาจจะต้องรอ 2-3 ปี คนที่ได้รับผลกระทบก็ต้องหามาตรการช่วยเหลือไปพลาง ๆ ก่อน

อย่าลืมในเกมเศรษฐกิจ หากเดินหมากพลาดนิดเดียว อาจจะต้องแพ้ทั้งกระดานกันเลยทีเดียว

ภาพ https://www.thaigov.go.th

ผู้เขียน: ทวี มีเงิน …. นักเขียน นักหนังสือพิมพ์ คอลัมนิสต์ อดีตบรรณาธิการหนังสือพิมพ์ธุรกิจยักษ์ใหญ่ ผู้คร่ำหวอดในวงการสื่อหนังสือพิมพ์ธุรกิจมากว่า 30 ปี

STAY CONNECTED

0แฟนคลับชอบ
440ผู้ติดตามติดตาม
spot_img

Lastest News

MUST READ