หลายคนอาจจะโตมากับ “วัตสัน” ร้านค้าปลีกที่จำหน่ายสินค้าสุขภาพและความงามที่ตอบโจทย์ชีวิตประจำวันจากร้านธรรมดาสู่ร้านสุขภาพและความงาม และขยับสู่การทำอีคอมเมิร์ซ มาวันนี้วัตสัน ประเทศไทย เติบโตมาครบ 25 ปี จากร้านแรกที่สาขาอาคารมณียาวันนี้มีมากกว่า 600 สาขาทั่วประเทศและมีแผนจะขยายสาขาปีละ 50 สาขา
พสิษฐ์ มั่นคงขันติวงศ์ กรรมการผู้จัดการ วัตสัน ประเทศไทย กล่าวว่า จากสมาคมผู้ค้าปลีกคาดการณ์ว่า ตลาดสุขภาพและความงามเติบโตเกือบ 1.5 เท่าจากปีที่ผ่านมา ธุรกิจรีเทลแข่งขันสูงขึ้นเนื่องจากเป็นตลาดขนาดใหญ่ ผู้เล่นหลายรายลงมาแข่งขัน วัตสันในฐานะผู้นำตลาดร้านสุขภาพและความงามจะต้องปรับกลยุทธ์เพื่อรักษาส่วนแบ่งการตลาด ด้วยการขยายสาขาเพิ่ม ปรุงร้านที่มีอยู่ให้ตอบโจทย์ เพิ่มคลังสินค้า
“การขยายตัวของกลุ่มค้าปลีกส่งผลต่ออุตสากรรมค้าปลีกในส่วนของสุขภาพและความงาม และส่งผลดีต่อวัตสัน เรายืนยันยังเปิดสาขาตามแผน แต่เปลี่ยนการขยายสาขาสู่ย่านอาศัยแทนที่จะอยู่ในห้างสรรพสินค้า ล่าสุดมี 619 สาขา ณ สิ้นเดือนพฤศจิกายน สิ้นปีนี้น่าจะอยู่ที่เกือบ 640 สาขา สาขาล่าสุดคือ เซ็นทรัลอยุธยา
ปีนี้เปิดมากกว่า 50 สาขา และปีหน้าจะเปิดเพิ่มอีก 50 สาขา พฤติกรรมมผู้บริโภคเปลี่ยนไป ต้องปรับปรุงสาขาให้น่าสนใจ แต่ละปีจะปรับปรุงร้านราว ๆ 100 สาขา”
“ระบบราง” เส้นทางสร้างเศรษฐกิจใหม่ของสปป.ลาว
น่าห่วงเศรษฐกิจไทย … “บนแข็ง ล่างอ่อน”
วัตสันเข้าไทยตั้งแต่ปี 2539 สาขาแรก คือ สาขามณียา จำนวนสาขาในปี 2545 คือ 67 สาขา ปี 2564. มี 619 สาขา ตลอด 25 ปีขยายตัวเยอะมาก บริษัทมีแผนจะพัฒนารูปแบบการให้บริการของวัตสัน และปีนี้ได้ขยายคลังสินค้าที่จ.ขอนแก่นเพื่อตอบสนองความต้องการในภาคอีสานและภาคเหนือ
นวลพรรณ ชัยนาม Customer Director วัตสัน ประเทศ กล่าวว่า รูปแบบธุรกิจโอพลัสโอ (O+O) ตอบสนองความต้องการของพฤติกรรมลูกค้าที่เปลี่ยนไปได้ดี สั่งของออนไลน์รับของหน้าร้านใช้แชทแอนด์ช้อป และเทรนนี้จะเปลี่ยนไปตลอดกาล การซื้อออนไลน์ลูกค้าจะซื้อจำนวนชิ้นมากขึ้นกว่าซื้อออฟไลน์
ออนไลน์ ซึ่งเป็นอีคอมเมิร์ซยอดขายยังน้อยอยู่ ส่วนโอพลัสโอ หมายถึงลูกค้าที่ซื้อทั้งสองแพลตฟอร์มทั้งออนไลน์ (ไม่ใช่ Omnichannel) ยอดขายจากช่องทางโอพลัสโอเติบโตกว่าที่ร้าน 2.5 เท่า ยอดขายจากช่องทาออฟไลน์มีสัดส่วนมากสุด เพราะมีสาขามากกว่า 600 สาขาและจะขายสาขาปีละ 50 สาขาทุกปี และยอดขายความงามมากกว่า 50% ที่เหลือเป็นยอดขายจากสินค้าสุขภาพ
จุดยืนและจุดแข็งที่มีและสร้างเพิ่มเติมให้ลูกค้า วัตสัน คือ ผู้เชี่ยวชาญด้าน health and beauty และเพิ่มเติมคือเพิ่มประสบการณ์การช้อปแบบ seamless คือ ซื้อที่ไหนและเมื่อไรก็ได้ ซึ่งแนวโน้มนี้เปลี่ยนไปตลอดกาล และเพิ่มเติมเรื่องนวัตกรรมสินค้า นวัตกรรมบริการ และนวัตกรรมด้านการขนส่ง รวมถึงจุดยืนเรื่องความยั่งยืนซึ่งทุกองค์กรต้องมีในการทำธุรกิจยุคนี้เพราะหากไม่มีลูกค้าจะไม่ยอมรับ
เพื่อตอบรับพฤติกรรมและความต้องการของลูกค้าในยุคนี้ วัตสัน รับฟัง ใส่ใจ” และทำความเข้าใจลูกค้า ผสานกลยุทธ์ O+O (Offline + Online) เพื่อส่งมอบประสบการณ์การช้อปปิ้งหลากหลายแพลตฟอร์มทั้งออฟไลน์และออนไลน์แบบไร้รอยต่อ โดยมีเป้าหมายสูงสุดเพื่อให้ลูกค้าได้รับการบริการที่ดียิ่งขึ้นสะดวกและรวดเร็วขึ้นไม่ว่าจะช้อปผ่านช่องทางใดก็ตาม
วัตสันได้บูรณาการเชื่อมต่อช่องทางออฟไลน์ผ่านหน้าร้านวัตสันกว่า 600 สาขา และทางออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ www.watsons.co.th และแอปพลิเคชัน Watsons TH โดยใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการให้บริการลูกค้าได้อย่างตรงตามความต้องการ เช่น บริการ Click & Collect ที่ช้อปสินค้าผ่านออนไลน์ แต่เลือกรับสินค้าที่สาขาใกล้บ้านหรือที่ทำงานตามที่ลูกค้าสะดวก และ Watsons Chat & Shop ช้อปผ่านการแชทแบบเรียลไทม์กับพนักงานประจำร้านวัตสัน 250 สาขา รวมถึงช่องทางล่าสุดที่วัตสันได้เข้าไปจับมืออย่างเป็นทางการกับ Delivery platform เพื่ออำนวยความสะดวกให้ลูกค้าสั่งซื้อแล้วสามารถรอรับสินค้าได้เลย นอกจากนี้วัตสันยังมีคอมมูนิตี้ด้านสุขภาพและความงามที่ลูกค้าสามารถรับข่าวสาร และอัพเดทเทรนด์ต่าง ๆ รวมถึงโปรโมชั่นดี ๆ จากวัตสันตลอดทั้งปี ทั้งหมดนี้ก็เพื่อให้ลูกค้าได้รับประสบการณ์การช้อปปิ้งที่ไร้รอยต่อที่ดีที่สุดกับวัตสันได้ทุกที่ ทุกเวลา
นอกจากการดูแลให้บริการลูกค้าในเรื่องสุขภาพและความงาม วัตสัน ขอบคุณสังคมและมุ่งมั่นสร้างรอยยิ้มให้กับสังคมไทยผ่านโครงการเพื่อสังคมต่างๆ ผ่านการมอบเครื่องผลิตออกซิเจน ของใช้จำเป็น เพื่อเป็นส่วนหนึ่งที่ร่วมต่อสู้กับการระบาดของโควิด-19 เคียงข้างกับคนไทยทุกคน รวมถึงได้ลงพื้นที่บริจาคของใช้จำเป็น เช่น เจลแอลกอฮอล์ ทิชชู่ และสบู่ล้างมืออย่างต่อเนื่อง โดยตั้งเป้าบริจาคทั่วทุกภูมิภาคภายในสิ้นปี 2564 นอกจากนี้วัตสันยังได้เชิญชวนลูกค้าร่วมสร้างสรรค์สิ่งดีๆ สู่สังคมไทยผ่านกิจกรรมเพื่อสังคมและโครงการต่างๆ มาอย่างต่อเนื่องตลอดหลายปีที่ผ่านมา เช่น โครงการคืนรอยยิ้มสู่น้อง (Give a Smile) มอบความช่วยเหลือทางการแพทย์ให้กับเด็กๆ ที่ประสบปัญหาโรคปากแหว่ง เพดานโหว่ หรือ โครงการโบว์สีเขียว (Green Ribbon) ที่ช่วยเหลือสตรีและเด็ก
วัตสัน ประเทศไทย เป็นส่วนหนึ่งของเอ.เอส. วัตสัน กรุ๊ป (A.S. Watson Group) ก่อตั้งขึ้นที่ฮ่องกง เมื่อ ปี พ.ศ.2384 (ค.ศ. 1841) เป็นกลุ่มบริษัทค้าปลีกด้านสุขภาพและความงามที่ใหญ่ที่สุดในโลก เปิดดำเนินการกว่า 16,200 สาขา ภายใต้ร้านค้าปลีกถึง 12 แบรนด์ ใน 29 ตลาด ด้วยจำนวนพนักงานทั้งสิ้นทั่วโลก 130,000 คน โดยในปี 2562 เอ.เอส.วัตสัน กรุ๊ป มีรายได้ 20.6 หมื่นล้านเหรียญดอลล่าร์สหรัฐ และทุกๆ ปี จะมีลูกค้าที่มาช็อปปิ้ง 5.9 พันล้านคน ทั้งในร้านและทางออนไลน์