TH | EN
TH | EN
หน้าแรกColumnistบรรลุเป้าหมายลงทุน ด้วยกลยุทธ์ดี มีชัยไปกว่าครึ่ง

บรรลุเป้าหมายลงทุน ด้วยกลยุทธ์ดี มีชัยไปกว่าครึ่ง

ผมเชื่อว่ามีหลายคนที่ตั้งเป้าหมายทางการเงินรับปีใหม่กันไปแล้ว แต่วันนี้ผมอยากพูดถึงเครื่องมือที่จะช่วยให้การลงทุนของคุณแข็งแกร่งมากขึ้นและไปถึงเป้าหมายได้ในเวลาที่กำหนด นั้นก็คือกลยุทธ์เพื่อการลงทุนต่าง ๆ ที่ทำได้ง่าย และสามารถปรับใช้ได้กับทุกการลงทุน 

เพราะ ‘กลยุทธ์ดี มีชัยไปกว่าครึ่ง’ ครับ

หากพร้อมแล้ว ไปเรียนรู้พร้อมกันได้เลยครับ 

กลยุทธ์การลงทุน เป็นเครื่องมือที่จะช่วยให้การลงทุนของคุณมีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งมีหลายวิธีสามารถเลือกได้ตามเป้าหมาย และสไตล์การลงทุนที่คุณชื่นชอบ

หากพูดถึงกลยุทธ์ในการลงทุน หลายคนอาจจะคิดถึงวิธีการหรือหลักการที่เคยได้ยินได้ฟังผุดขึ้นมามากมายเลยใช่ไหมครับ

ปัจจุบันกลยุทธ์ต่าง ๆ ที่ถูกนำมาใช้ส่วนใหญ่จะได้รับอิทธิพลและแบบอย่างจากนักลงทุนชื่อดังของโลกมากมาย ซึ่งแต่ละคนจะมีกลยุทธ์เด่นที่เป็นเหมือนลายเซ็น เป็นกุญแจสู่ความสำเร็จของแต่ละคน 

นักลงทุนระดับโลก ที่เป็นแบบอย่างมาจนถึงปัจจุบัน แต่ละคนจะมีกลยุทธ์เด่นที่เป็นเหมือนลายเซ็นของตัวเอง

ซึ่งผมขอหยิบยก หนึ่งในกลยุทธ์เด่นของนักลงทุนระดับโลก 5 ท่าน ที่มีอิทธิพลต่อโลกลงทุน รวมถึงการลงทุนระยะยาวมาจนถึงทุกวันนี้

  • การเลือกหุ้นที่มีราคาต่ำกว่ามูลค่าบริษัทมาก ๆ – Benjamin Graham
  • การเลือกหุ้นที่ดีในราคาที่เหมาะสม – Warren Buffett
  • การกระจายความเสี่ยงลงทุนในสินทรัพย์ 6-8 ตัวที่ไม่ค่อยสัมพันธ์กัน – Ray Dalio
  • การลงทุนโดยพยายามทำผลตอบแทนใกล้เคียงดัชนี – John C. Bogle
  • การลงทุนในสิ่งที่รู้ หรือธุรกิจที่มีความรู้ความเข้าใจมากพอเท่านั้น – Peter Lynch

แต่คุณรู้ไหมครับ ยังมีอีกหนึ่งความลับของพวกเขาเหล่านั้นคือ การนำกลยุทธ์ต่างๆ มาปรับใช้ประกอบกัน ซึ่งกลยุทธ์ยอดนิยมที่นักลงทุนระดับโลกใช้กันอย่างแพร่หลาย​สามารถทำตามได้ง่าย และนำมาปรับใช้ได้กับทุกการลงทุน  ก็คือ การกระจายความเสี่ยง การลงทุนอย่างสม่ำเสมอ และการปรับพอร์ตนั่นเอง 

การกระจายความเสี่ยง (Diversification) 

เป็นการจัดสัดส่วนสินทรัพย์ให้เหมาะสมในการลงทุน โดยการกระจายการลงทุน ยกตัวอย่าง การกระจายการลงทุนในสินทรัพย์ที่ต่างกัน เช่น แบ่งเงินลงทุนในหุ้นบ้าง พันธบัตรบ้าง เป็นต้น

หรือกระจายการลงทุนในอุตสาหกรรมหรือในประเทศที่แตกต่างกัน เช่น นำเงินไปลงทุนในหุ้นธนาคาร หุ้นเทคโนโลยี หรือมีหุ้นสหรัฐฯ อยู่แล้วก็ไปลงทุนในหุ้นจีนไว้บ้าง เป็นต้น

แต่ถ้าหากคุณไม่มีเวลาติดตามภาวะตลาดหรือไม่อยากตัดสินเลือกหุ้นด้วยตนเอง สามารถลงทุนในกองทุนรวม หรือ ETF ที่มีการกระจายความเสี่ยงลงทุนในหุ้นหลายๆ ตัว ตามธีมธุรกิจ และธีมประเทศนั้นๆ ให้แล้ว 

หรือจะใช้ Jitta Wealth เป็นอีกหนึ่งทางเลือก เพื่อให้การลงทุนของคุณสะดวกสบายยิ่งขึ้น

ให้คุณได้กระจายความเสี่ยงลงทุนทั่วโลกผ่านนโยบาย Global ETF หรือ กระจายความเสี่ยงลงทุนในธีมเมกะเทรนด์ผ่านนโยบาย Thematic 

ประโยชน์ของการกระจายความเสี่ยง คือ จะช่วยลดความผันผวนของตลาด ทำให้พอร์ตของคุณมั่นคงมากขึ้น หากมีเหตุการณ์ไม่คาดฝันมากระทบ เปรียบเสมือนแบ่งไข่ไว้หลายๆ ตะกร้า หากตะกร้าไหนหล่น ก็ไม่อดตายเพราะยังเหลือไข่ตะกร้าอื่นอยู่นั่นเองครับ

การลงทุนอย่างสม่ำเสมอ ( Dollar-Cost Averaging)

การ DCA เป็นกลยุทธ์ในการแบ่งเงินลงทุนออกเป็นหลาย ๆ ก้อน แล้วลงทุนอย่าง ‘สม่ำเสมอ’ ในระยะเวลาที่คุณกำหนดเอง เป็นการกระจายความเสี่ยงในช่วงเวลาใดเวลาหนึ่ง เพราะไม่รู้ว่าเวลาใดควรซื้อ หรือตลาดจะขึ้นจะลงตอนไหน เราก็ไม่ต้องไปนั่นติดตามราคาสินทรัพย์ว่าจะถูกหรือแพงไปแล้ว ซึ่งอาจจะมีผลต่อการตัดสินใจลงทุนของคุณได้ โดยคุณอาจจะ DCA ทุก ๆ สิ้นเดือน หรือทุกปี สม่ำเสมอ ด้วยจำนวนเงินที่เท่ากัน เป็นต้น

ประโยชน์ของวิธีนี้คือ ช่วยถัวเฉลี่ยต้นทุน ลดความผันผวน ให้พอร์ตเติบโตโดยไม่พลาดโอกาสในทุกช่วงเวลา อีกทั้งยังเป็นการสร้างวินัยการลงทุน สะสมเงินต้นให้เพิ่มขึ้น ในระยะยาวเมื่อตลาดเป็นขาขึ้น นอกจากผลตอบแทนที่มากขึ้นแล้ว เงินต้นก็ยังมากขึ้นด้วย ยิ่งลงทุนนานขึ้นผลตอบแทนทบต้นก็จะยิ่งมากขึ้นตาม

ทบทวนและปรับพอร์ตลงทุน (Rebalance)

คือการทำให้พอร์ตการลงทุนกลับมาสู่สัดส่วนเดิมที่เราวางแผนไว้ พร้อมๆ กับการทบทวนว่าสินทรัพย์ที่ถืออยู่นั้นยังมีศักยภาพที่จะเติบโตในอนาคตตามกลยุทธ์และระยะเวลาที่เราคาดหวังไว้หรือไม่

โดยอาจจะเป็นการปรับพอร์ตทุก ๆ ไตรมาส เพื่อให้ทันต่อความเคลื่อนไหวของบริษัทที่เราลงทุน รวมไปถึงงบการเงิน หรือจะปรับพอร์ตทุก ๆ 1 ปี เพื่อให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของตลาด

ประโยชน์ของการทบทวนและปรับพอร์ตลงทุน คือ จะช่วยลดความเสี่ยงของพอร์ต เช่น หากคุณลงทุนในหุ้น 50% ตราสารหนี้ 50% เมื่อเวลาผ่านไป มูลค่าตราสารหนี้เพิ่มขึ้น ทำให้สัดส่วนของตราสารหนี้เพิ่มเป็น 60% คุณก็สามารถขายตราสารหนี้ในจุดที่ราคาสูง และได้ซื้อหุ้นในจุดที่ราคาต่ำ เพื่อให้สัดส่วนกลับมาเป็น 50:50 เท่าเดิม และให้คุณได้ลงทุนในสินทรัพย์ที่คุณภาพดีอยู่เสมอ ป้องกันการ DCA ในหุ้นที่คุณภาพที่แย่ และไม่สามารถเติบโตต่อไปได้

หากคุณมีกลยุทธ์การลงทุนที่ดี จะช่วยทุ่นแรงในการทำกำไรให้พอร์ตลงทุน

เพราะเมื่อเรามีกลยุทธ์ที่ดีอยู่แล้ว จะช่วยให้เรามี ‘สติ’ และ ‘สมาธิ’ ไม่ตัดสินใจทำอะไรเพียงเพราะอารมณ์ชั่ววูบ ที่ถือเป็นสิ่งสำคัญในการลงทุนเช่นเดียวกันครับ 

แล้วคุณมีกลยุทธ์การลงทุนแบบไหน อย่าลืมมาแชร์กันนะครับ​​

บทความอื่น ๆ ของผู้เขียน

ย้อนเวลาสู่อาณาจักรโรมัน…ตามล่าบทเรียนวิกฤติการเงินเขย่าโลก

เปิดคำสอน 2 ศาสดาการลงทุนสาย VI จากการประชุมผู้ถือหุ้น BERKSHIRE ครั้งล่าสุด

เปิดสัมพันธ์ลับ ค่าแรง กับ ตลาดหุ้นไทย

 

STAY CONNECTED

0แฟนคลับชอบ
440ผู้ติดตามติดตาม
spot_img

Lastest News

MUST READ