TH | EN
TH | EN
หน้าแรกTechnologyพรรคการเมือง โชว์วิสัยทัศน์ 5 โจทย์นโยบายด้านนวัตกรรมขับเคลื่อนประเทศ

พรรคการเมือง โชว์วิสัยทัศน์ 5 โจทย์นโยบายด้านนวัตกรรมขับเคลื่อนประเทศ

สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ NIA ร่วมกับสถาบันเอเชียศึกษา และคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เปิดพื้นที่ ชวนตัวแทนพรรคการเมืองร่วมดีเบตนโยบายนวัตกรรมสู่การขับเคลื่อนประเทศ โชว์วิสัยทัศน์ขับเคลื่อนเศรษฐกิจ – สังคมของประเทศไทยด้วยนวัตกรรม

นอกจากนี้ ยังเผยถึงนโยบายด้านนวัตกรรมกับการแก้ไขปัญหาของไทยตามแนวคิด 3C “Competitiveness – Corruption – Climate Change” ที่ผู้นำจำเป็นต้องนำนวัตกรรมมาเร่งสร้างการเปลี่ยนแปลง

ได้แก่ พรรคชาติพัฒนากล้า โดย วรนัยน์ วาณิชกะ ที่ปรึกษาหัวหน้าพรรค, พรรครวมไทยสร้างชาติ ดวงฤทธิ์ เบ็ญจาธิกุล ชัยรุ่งเรือง รองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ, พรรคประชาธิปัตย์ โดย แทนคุณ จิตต์อิสระ, ศึกษิษฏ์ ศรีจอมขวัญ คณะกรรมการด้านเศรษฐกิจของพรรคเพื่อไทย, พรรคก้าวไกล โดย ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ผู้สมัครบัญชีรายชื่อ และพรรคไทยสร้างไทย โดย เทพฤทธิ์ สีน้ำเงิน กรรมการบริหารพรรค

5 โจทย์นโยบายนวัตกรรม ขับเคลื่อนประเทศ ได้แก่ 1.นโยบายเร่งด่วนด้านนวัตกรรมเพื่อการพัฒนาประเทศใน 4 ปีข้างหน้า 2.นโยบายการส่งเสริมและพัฒนา 3S (SMEs – Startup – SE) และกระจายโอกาสทางนวัตกรรมไปสู่ระดับพื้นที่ 3.นโยบายการพัฒนาเชิงพื้นที่และเมือง เพื่อสร้างอัตลักษณ์นวัตกรรมและดึงดูดการลงทุนและนวัตกร รวมถึงโอกาสการกระจายความเจริญระดับเมืองสู่ภูมิภาค 4.การสร้างความรู้ ความเข้าใจให้ประชาชนมองว่านวัตกรรมเป็นเรื่องใกล้ตัวและเป็นสิ่งสำคัญในการพัฒนาประเทศ และ 5.นโยบายนวัตกรรมกับการแก้ไขปัญหาประเทศ: ความสามารถในการแข่งขัน – คอรัปชัน – การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

นโยบายเร่งด่วนด้านนวัตกรรม

พรรคชาติพัฒนากล้า ชี้การรื้อระบบราชการ คือเรื่องเร่งด่วนที่สุดในการขับเคลื่อนประเทศด้วยนวัตกรรม เพราะโครงสร้างประเทศเหมือนร่างกายมนุษย์ แขนขาคือภาคเอกชน แม้มีนวัตกรรมล้ำสมัย แต่กระดูกสันหลังคือ ระบบราชการนั้นผุกร่อน เปราะบาง ถ้าจะขับเคลื่อนไปข้างหน้าด้วยนวัตกรรม ต้องพัฒนา Digital Government หรือ Gov Tech ให้ประชาชนสามารถเข้าถึงได้อย่างเร็ว เชื่อมกันเป็น ONE STOP SERVICE ทำทุกธุรกรรมได้ในจุดเดียว เน้นย้ำความโปร่งใส มีประสิทธิภาพ และตรวจสอบได้ 

พรรครวมไทยสร้างชาติ นำเสนอ 3 นโยบายเร่งด่วน ได้แก่ หนึ่ง การกำหนดทิศทางนโยบายด้านการศึกษา สอง สร้างแต้มต่อให้ Startup และ SMEs ให้เข้มแข็งผ่านการสร้างตลาดจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ ร้อยละ 50 ของงบประมาณแผ่นดิน ดูแลแหล่งทุนเงินกู้ และสุดท้าย คือการ Upskill Reskill แรงงานให้ตอบโจทย์ความต้องการของตลาดแรงงานทั้งในระดับจังหวัด ภูมิภาค และประเทศ

พรรคประชาธิปัตย์ ให้ความสำคัญกับ 3E ได้แก่ Economic Environment และ Energy 

ด้านเศรษฐกิจ (Economic) มุ่งสานต่อเศรษฐกิจสร้างสรรค์ที่ทางพรรคเคยทำสำเร็จมาแล้ว โดยเพิ่ม Soft Power 5 ด้าน หรือ 5F Food Film Fashion Fight Festival  ส่งเสริมผู้ประกอบการสังคม รวมถึงเทรนด์ด้าน BCG ส่งเสริมเศรษฐกิจที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

ด้านสิ่งแวดล้อม (Environment) ตอกย้ำเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals : SDGs)  ผลักดัน พระราชบัญญัติอากาศสะอาด ส่งเสริมเยาวชนคนรุ่นใหม่ ได้มีจินตนาการกับโลกอนาคตที่สวยงามมากขึ้น  ขณะเดียวกันก็สร้างโลกเทคโนโลยีที่เรียกว่าเมตาเวิร์ส คู่ขนานไป ลดการเคลื่อนไหวที่เป็นปัจจัยให้เกิดผลกระทบทางสิ่งแวดล้อม

ด้านพลังงาน (Energy)  ส่งเสริมการใช้พลังงานสะอาด ลดมลพิษที่ก่อให้เกิดภาวะโลกร้อนจากปศุสัตว์ ใช้วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีเข้ามาทดแทน และหาโซลูชันใหม่ๆ ด้านพลังงานทดแทน

พรรคเพื่อไทย ชี้ให้เห็นถึงสัดส่วนรายได้ด้านการวิจัยและพัฒนาของประเทศไทย อยู่ที่ 1.33% ต่อ GDP เท่านั้น และเสนอ 3 นโยบาย เร่งด่วน ได้แก่ หนึ่ง การปรับปรุงโครงสร้างทางการเงินและการเข้าถึงทุน ผลักดัน Digital Wallet for all ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้ทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นภาคการเกษตร การบริการ การท่องเที่ยว และทำให้เกิดการใช้งบประมาณอย่างโปร่งใส ลดปัญหาการคอร์รัปชัน

สอง การปรับรูปแบบการศึกษาตามโครงสร้างของประชากรที่เปลี่ยนไป ผ่าน Platform Learn to Earn เปิดโอกาสให้เด็กรุ่นใหม่ได้สร้าง Competency Profile ตามความชอบของตัวเอง API เชื่อมต่อการเรียนการสอนทั่วโลกให้หลักสูตรทันสมัยได้ตลอดเวลา

และสุดท้าย การปลดล็อกศักยภาพของหน่วยราชการ ผ่านการ Digitalize government หรือตัว Blockchain ที่เป็นพื้นฐานของ Digital Wallet จะช่วยตรวจสอบการใช้งานและติดตามการดำเนินงานของรัฐได้

ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ผู้สมัครบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล

พรรคก้าวไกล นำเสนอ 3 ประเด็นที่ ดิจิทัลเทคโนโลยี และนวัตกรรมสามารถเข้าไปช่วยแก้ไขปัญหาได้ ได้แก่ หนึ่ง ความเหลื่อมล้ำ ต้องให้ความสำคัญกับการสร้างโครงสร้างพื้นฐานทางดิจิทัล เช่น บัตรประชาชนดิจิทัล เพื่อเพิ่มการเข้าถึงสวัสดิการภาครัฐได้อย่างสะดวก และรวดเร็ว ไม่ต้องร้องขอ เพราะทุกอย่างเป็นสิทธิของประชาชนอยู่แล้ว รวมถึงด้านอื่น ๆ เช่น Telemedicine คูปองเปิดโลก Platform การเรียนรู้ตลอดชีวิต

สอง ปัญหาการทุจริตคอร์รัปชัน มี 2 ด้านด้วยกัน คือ 1) เสริมสร้างการมีส่วนร่วมของประชาชน ผ่านการเมืองใหม่ ในรูปแบบ Participation Budgeting (PB) ที่ประชาชนทั่วประเทศ สามารถเข้าไปมีสิทธิมีเสียงในการโหวต การใช้งบประมาณของตัวเองได้ 2) การลดปัญหาทุจริตด้วยนวัตกรรม เพิ่มความโปร่งใส ลดการใช้ดุลยพินิจ ในการใช้บริการภาครัฐ สามารถทำได้ผ่านแอพครบจบในที่เดียว รู้ผลภายใน 15 วัน และเพิ่มความรับผิดรับชอบ ประชาชนเข้าชื่อถอดถอนผู้บริหารท้องถิ่นได้โดยตรง  

สาม การสร้างเศรษฐกิจอุตสาหกรรมแห่งอนาคตและความสามารถในการแข่งขัน มองว่า Climate Change เป็นเรื่องสำคัญ ควรเพิ่มสัดส่วนงบประมาณภาครัฐในการอุดหนุนงานวิจัย

พรรคไทยสร้างไทย ชี้ให้เห็นประเด็นวัฒนธรรมการสร้างนวัตกรรมที่สังคมไทยยังขาดอยู่ สิ่งแรก คือ Mindset ของคน ในการเป็นนักแก้ปัญหาหรือนักสร้าง และการสร้าง Innovation Culture ต้องปรับไปถึงระบบการศึกษาเพื่อสร้างมายด์เซ็ทใหม่เป็นอันดับแรก

ประเด็นที่สอง ตามธรรมชาติเมื่อมนุษย์เราเห็นปัญหารถติด ปัญหาฝุ่น อยากหาทางออก ภาครัฐต้องมีการส่งเสริมการลงมือทำ โดยอำนวยความสะดวกและสนับสนุนเครื่องมือ (Tools) และสร้างพื้นที่ Maker Hub ร่วมสร้างสรรค์แนวทางการแก้ปัญหาและสร้างนวัตกรรมที่ตามบริบทพื้นที่ เมื่อได้ prototype มาแล้ว ก็ต้องสนับสนุนต่อโดยการสร้างเครือข่ายกับต่างประเทศ มี platform ในการเชื่อมคน และให้เงินทุนพัฒนาต่อให้สุดทาง 

นโยบาย 3S (SMEs – Startup – SE) กระจายโอกาสทางนวัตกรรม

พรรคไทยสร้างไทย มองว่า ประเด็นแรก สถาบันการศึกษาคือจุดสำคัญที่สามารถเชื่อมโยงให้เกิด SME, Startup และ SE เพราะฉะนั้น ผู้จัดการศึกษาต้องมีต้นทุน เครื่องมือ และบุคลากร เพื่อจะสามารถทำงานร่วมกับภาคเอกชนได้

ประเด็นที่ 2 ต้องมีการหนุนเสริมและพัฒนากำลังคน การเสริมทักษะด้าน coding ซึ่งเป็นปัจจัยในการเกิดนวัตกรรม รวมถึงต้องลดข้อจำกัดในการจดทะเบียนสตาร์ทอัพและเอสเอ็มอี สนับสนุนการเข้าถึงเงินทุน และ สร้างเครือข่ายระหว่างประเทศ ดึงคนเก่งเข้ามาเป็นพาร์ทเนอร์กับคนไทย โดยอำนวยความสะดวกด้านวีซ่าและภาษี ไม่มองแค่ไทยสตาร์ตอัพ แต่ต้องมองเป็นโกลบอลสตาร์ตอัพ

พรรคก้าวไกล เริ่มจาก SE ซึ่งปัจจุบัน ภาครัฐมีกองทุนต่างๆ ที่ไม่ได้ถูกหยิบออกมาใช้ตามวัตถุประสงค์ เพราะติดล็อคตามกฎหมายที่กำหนดให้สนับสนุนได้เฉพาะโครงการไม่แสวงหาผลกำไร แต่หากสามารถปลดล็อค ก็จะเป็นการส่งเสริมการเข้าถึงเงินทุนของ SE ให้สามารถผลิตนวัตกรรมที่แก้ไขปัญหาสังคม ตอบแทนสังคม และมีรายได้มาหล่อเลี้ยงตัวเองได้ด้วย 

ส่วน SME สิ่งแรกที่ควรทำคือ Regulatory Guillotine ลดต้นทุนในการออกใบอนุญาตต่างๆ ที่ไม่จำเป็น หรือกฎระเบียบภาครัฐที่สร้างต้นทุนให้ผู้ประกอบการรายเล็ก ซึ่งคิดเป็นมูลค่าถึงปีละ 130,000 ล้านบาท นอกจากนี้ยังมี แนวคิด Trade Bureau ลดการถูกทุนใหญ่เอาเปรียบในเรื่องการดึงเครดิตระยะยาว ช่วยให้บังคับใช้กฎหมายแข่งขันทางการค้าที่มีอยู่ได้ดีขึ้น

มาดูที่ Startup ไทย สิ่งที่ขาดไม่ใช่เงินทุนหรือองค์คามรู้ แต่ยังขาดในด้านตลาดและความต้องการที่ชัดเจน ภาครัฐสามารถออกนโยบายช่วยกระตุ้นโดยการนำปัญหาในสังคม มาเป็นโจทย์ ได้แก้ปัญหาสังคม สร้างอุตสาหกรรมแห่งอนาคต และสร้างงานใหม่ ๆ 

ศึกษิษฏ์ ศรีจอมขวัญ คณะกรรมการด้านเศรษฐกิจของพรรคเพื่อไทย

พรรคเพื่อไทย สะท้อนถึง ระบบราชการที่เป็นกลายเป็นรัฐอุปสรรค ขัดขวางการเติบโตของผู้ประกอบการ เพราะฉะนั้นประเด็นยังอยู่ที่ การรื้อระบบราชการ การทำ Digital Government เพื่อลดขั้นตอนที่ซับซ้อนและการไม่ประสานงานกันระหว่างหน่วยงานภาครัฐ 

ประเด็นต่อมาคือ ข้อจำกัดในการเข้าถึงข้อมูลภาครัฐ และการใช้ประโยชน์ข้อมูลจากโครงการต่าง ๆ ของภาครัฐ เช่น โครงการคนละครึ่ง ควรมีการเผยแพร่เป็น public domain ให้ผู้ประกอบการขนาดเล็กสามารถเข้าถึงข้อมูลตลาดและความต้องการของลูกค้าช่วยในการตัดสินใจทางธุรกิจ และสุดท้าย คือ Financial Accessibility ของผู้ประกอบการหรือผู้ให้บริการขนาด ให้เข้าถึงเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ เพื่อให้สามารถใช้เป็นต้นทุนพัฒนาอาชีพ หรือปรับปรุงกิจการได้

พรรคประชาธิปัตย์ นำเสนอกลไกการปลดล็อค Super Block ของสังคมไทย โดยส่งเสริมให้คนรุ่นใหม่มีโอกาสเข้าถึงในการศึกษา ด้วยนโยบายการศึกษาฟรีถึงระดับปริญญาตรีในสาขาที่ตลาดต้องการ 

ส่งเสริม SMEs และ Startup ในด้านเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (Creative Economy) ด้วย craft and living โดยใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยออกแบบพัฒนาและทำการตลาด และพัฒนาผู้ประกอบการธุรกิจเพื่อสังคม (Social Enterprise: SE) ให้ยั่งยืน แต้มต่อที่สำคัญคือ กองทุนส่งเสริมการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ไมโครไฟแนนซ์ (Microfinance) ธนาคารชุมชน ชุมชนละ 2 ล้านบาท และที่ผ่านมาทางพรรคได้ริเริ่ม โครงการ Gen Z to CEO เพื่อส่งเสริมให้คนรุ่นใหม่เป็นผู้ประกอบการเจ้าของกิจการ

นอกจากนี้ยังเน้นแนวคิดการส่งเสริมสินค้าสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI) อัตลักษณ์ชุมชนให้สอดคล้องกับภูมิอัตลักษณ์ในท้องถิ่น สร้างมูลค่าเพิ่มด้วยคุณค่าที่แตกต่างกันในแต่ละพื้นที่ ให้เป็นเป็นจุดแข็งทั้ง Agriculture, Craft & Living และ Soft Power ส่งเสริมให้ทั้ง 3S มีความยั่งยืน

พรรครวมไทยสร้างชาติ เน้นย้ำว่าต้องเริ่มจากการไม่คิดไปเองก่อน แต่ต้องทำงานร่วมกันระหว่าภาครัฐและภาคเอกชน แล้วจึงดึงความต้องการของ SMEs – Startup – SE มาเป็นนโยบาย 

และสิ่งที่ลงมือทำได้ทันที เป็นการสร้างแต้มต่อ ผ่านการสนับสนุนของภาครัฐ โดยการจัดซื้อจัดจ้าง SMEs และ Startup ไม่น้อยกว่าร้อยละ 50 อีกเรื่องสำคัญคือ การถ่ายทอดองค์ความรู้ให้ SMEs สนับสนุนการทำงานร่วมกันระหว่างภาครัฐ มหาวิทยาลัย หน่วยงานวิจัยด้านนวัตกรรม กับผู้ประกอบการอย่างต่อเนื่อง ไม่ใช่ทำเป็นแค่โครงการ แต่ทำจนถึงผู้ประกอบการสามารถสร้างรายได้ได้จริง

พรรคชาติพัฒนากล้า ชี้ให้เห็นถึงโครงสร้างทางเศรษฐกิจของไทยที่ยังเหลื่อมล้ำอยู่มาก กับสัดส่วนที่เป็นทุนใหญ่ถึง 70% ส่วนน 30% คือผู้ประกอบการระดับจิ๋ว ที่มีอัตราล้มเหลวถึง 70-80% และมีปัญหาใหญ่คือแหล่งเงินทุน แต่ทางพรรคไม่เชื่อเรื่องการแจกเงิน 

สิ่งที่จะทำคือ รื้อโครงสร้างเศรษฐกิจ โครงสร้างสินเชื่อ และสร้างการเข้าถึงแหล่งเงินทุนในอัตราดอกเบี้ยขั้นต่ำ ยกเลิกระบบแบล็กลิสต์ ใช้นวัตกรรมระบบ Credit Scoring ประเมินสินเชื่อตามจริงแทน เพื่อให้ธนาคารเกิดการแข่งขันกันในการให้ประชาชนกู้ยืม

อีกหนึ่งสิ่งที่เป็นนวัตกรรมที่ภาครัฐควรให้ความสำคัญในการการขับเคลื่อน คือ นวัตกรรมการกระจายอำนาจ โดยการเลือกตั้งผู้ว่าทั่วประเทศ กระจายการสร้างงาน สร้างเงินไปที่หัวเมืองต่างจังหวัด เริ่มต้นด้วยการให้อำนาจทางการเมืองกับประชาชนก่อน และ นี่คือนวัตกรรม ที่ไม่ต้องใช้เทคโนโลยี

นโยบายสร้างอัตลักษณ์นวัตกรรม

พรรครวมไทยสร้างชาติ แต่ละจังหวัดมีจุดแข็งแตกต่างกัน แต่เรามักจะชอบทำตามๆ กันจนเกิดปัญหา  เพราะฉะนั้น ควรจะกำหนดการผลิตในแต่ละเมืองที่มีความโดนเด่นมีจุดแข็งให้ชัดเจน ผลักดันสนับสนุนพัฒนาร่วมกันกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียที่เกี่ยวข้องในหลาย ๆ ภาคส่วน มาร่วมกันกำหนดทิศทาง และจะประสบความสำเร็จได้ต้องได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐเต็มที่

แทนคุณ จิตต์อิสระ พรรคประชาธิปัตย์

พรรคประชาธิปัตย์ การจะสร้างเมืองนวัตกรรมได้ ต้องมี 4 องค์ประกอบหลัก บูรณาการเข้าด้วยกัน ได้แก่ เมือง คน ต้นไม้สิ่งแวดล้อม และเทคโนโลยี ใช้ Cloud Ship management, Self-monitoring, Data Analysis และ Reporting technology ที่สามารถสร้างยกระดับกลไกความปลอดภัยให้กับประชาชนคนไทยและนักท่องเที่ยว  นอกจากนี้ความท้าทายใหม่เรื่องมลภาวะ ทำให้เราตั้งใจผลักดัน พรบ. อากาศสะอาด จัดพื้นที่ Zoning การจัดการสิ่งแวดล้อมที่ก่อให้เกิดมลพิษ PM 2.5 การจัดการขยะ และเพิ่มพื้นที่สีเขียว รวมไปถึงการส่งเสริมแหล่งท่องเที่ยวชุมชนที่มีภูมิอัตลักษณ์ชัดเจน ทำให้เป็นชุมชนส่งเสริมนวัตกรรม

พรรคเพื่อไทย ยังคงเน้นประเด็นคำตอบเดิม คือ การทำ Digital Government เพื่อสร้างความโปร่งใส โดยใช้ Digital Wallet และ Blockchain  สร้างความเชื่อมั่นให้นักลงทุน ผลักดันให้เงินลงทุนไปยังต่างจังหวัด การกระจายรายได้ทั่วประเทศผ่าน new business zone และ cluster นวัตกรรม รวมถึงการยกระดับศักยภาพแรงงานผ่านการศึกษา ดึงดูดการจ้างงาน เงินลงทุนและนวัตกร

พรรคก้าวไกล  กทม.ในสายตานักท่องเที่ยวเป็นเมืองน่าเที่ยว แต่มองในสายตาคนในประเทศอาจจะไม่ใช่เมืองน่าอยู่เท่าไหร่ มีปัญหาเมืองเยอะแยะเต็มไปหมด ควรใช้นวัตกรรมในการแก้ไขปัญหาเมือง เปลี่ยนเมืองน่าเที่ยวให้เป็นเมืองน่าอยู่ ไปจนถึงการใช้นวัตกรรมในการแก้ไขพฤติกรรมของคน เช่น ปัญหาความปลอดภัยบนท้องถนน กรณีของหมอกระต่าย สามารถใช้นวัตกรรมในการปรับพฤติกรรม โดยมี 2 ปัจจัยที่เกี่ยวข้องคือ 1. ความหนักเบาของโทษ 2. ความเร็ว ผิดแล้วมีการตักเตือนหรือลงโทษทันที เช่น มีกล้องจับแจ้งเตือนส่งใบสั่งในระบบทันที เหมือนที่ไต้หวันทำ

พรรคไทยสร้างไทย สนับสนุนการส่งเสริมการพัฒนานวัตกรรมจากวัฒนธรรมที่ไทยเก่งและเป็นที่รู้จักทั้งทางด้านอุตสาหกรรมอาหาร การท่องเที่ยว Logistics ร่วมกับพาร์ทเนอร์จากฝั่งมหาวิทยาลัยพัฒนาร่วมกับชุมชนใกล้เคียง จัดสรรพื้นที่ในการสร้างสรรค์ ดึงดูดคนมาแลกเปลี่ยนไอเดียโดยเฉพาะในภูมิภาคอาเซียน และดึงดูดเงินทุนและนวัตกร

พรรคชาติพัฒนากล้า ตอกย้ำ รื้อกระบวนการระบบราชการ แก้ไขปัญหาทุจริตคอรัปชั่น

Innovation Literacy

พรรคก้าวไกล ทำให้นวัตกรรมสอดแทรกเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตคน มากกว่าการสร้างนวัตกรรมใหม่ โดยรัฐควรนำนวัตกรรมมาใช้การแก้ปัญหาของชีวิตคนแล้วเขาจะเห็นคุณค่าของนวัตกรรมไปในตัว ตัวอย่าง ในแผน 100 วันแรกคือเรื่องการผลักดันระบบการซื้อขายไฟฟ้าเสรี และยังมองเรื่อง Future Food ได้แก่ การทำ Lab-grown meat ลดการใช้พลังงานและพื้นที่ในการทำปศุสัตว์ ซึ่งเป็นนวัตกรรมที่ไทยต้องก้าวให้ทันโลกเพื่อไม่ให้สูญเสียความสามารถในการแข่งขัน

พรรคเพื่อไทย การปลดล็อกระบบราชการ ในการช่วยต่อยอดและยกระดับนวัตกรรม และ การส่งเสริมผ่านการศึกษา ผ่าน Platform ของรัฐในการเชื่อมต่อให้เข้าถึงการศึกษาและเอื้อให้เกิดการ Reskill, upskill และเข้าถึงความรู้ทั่วโลกได้

พรรคประชาธิปัตย์ การเมืองเป็นเรื่องที่มองเฉพาะหน้า เพื่อให้ได้ฐานคะแนนนิยมที่มากเกินไป ความต่อเนื่องของขาดหายเมื่อเปลี่ยนรัฐบาล กลไกทางวิจัย วิทยาศาสตร์ นวัตกรรมไม่สอดคล้องกับสังคมไทย ที่มักจะเน้นความรู้สึกทางอารมณ์ (Emotional) และกลไกที่ปิดกั้นทางจินตนาการที่เกิดขึ้นตั้งแต่เด็ก ไม่สร้างนักวิทยาศาสตร์

พรรครวมไทยสร้างชาติ ต้องเพิ่มการสื่อสารให้มากขึ้นทำให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น ส่งเสริมการทำวิจัย นวัตกรรมแล้วใช้ทันที่ โดยให้เอาตัวแทนสตาร์ (Star) แต่ละมหาวิทยาลัยมาประชาสัมพันธ์

พรรคชาติพัฒนากล้า นวัตกรรมที่ใกล้ประชาชน อย่างโครงสร้างพื้นฐานทั้งอินเตอร์เน็ต ไฟฟ้า น้ำประปา ต้องพัฒนาให้เพียงพอ และการศึกษาต้องสร้างวัฒนธรรมเปิดเสรีภาพอย่างไร้ขีดจำกัด 

พรรคไทยสร้างไทย ควรปรับการมองนวัตกรรมว่าเป็นเรื่องง่าย ใกล้ตัวเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการแก้ไขปัญหา รวมถึงเพิ่มการเข้าถึงองค์ความรู้ ดังนั้นเรื่องภาษา การเข้าถึงอินเตอร์เน็ตฟรีก็มีความสำคัญ เพื่อนำไปสู่การสร้างสรรค์นวัตกรรมของตนเองในอนาคต

นโยบายนวัตกรรมกับการแก้ไขปัญหาประเทศ

พรรคเพื่อไทย ในท่ามกลางทางแยกที่สำคัญทั้งในด้านเศรษฐกิจ สังคม นวัตกรรม พรรคเพื่อไทย ขอเสนอ 3 อย่าง ได้แก่ หนึ่ง การเตรียมความพร้อมทางโครงสร้างทางเศรษฐกิจใหม่ด้วยลงทุนผ่าน Digital Wallet for all สอง เตรียมความพร้อมด้านทรัพยากรทางมนุษย์ใหม่ผ่านระบบ Learn to Earn พร้อมการศึกษารูปแบบใหม่ และ สาม ปลดล็อคศักยภาพประชาชนผ่าน Digital Government จากรัฐอุปสรรคให้เป็นรัฐสนับสนุน ทั้งหมดนี้ต้องใช้คนที่คิดใหญ่และคนที่ทำเป็น

พรรคประชาธิปัตย์ Start with Why What is What Wow What Work หัวใจสำคัญ คือ การมองเห็นอนาคตที่มากกว่าการเลือกตั้งในแต่ละครั้ง การสร้างคน สร้างงาน สร้างเงิน สร้างคน สร้างชาติ ความสำคัญของการมีนวัตกรรม เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เราต้องพัฒนาระบบการศึกษา และคน ให้มีการคิดนอกกรอบให้มากขึ้น และส่งเสริมคนรุ่นใหม่ 

พรรครวมไทยสร้างชาติ อยากเริ่มต้นด้วยการเชิญชวนทุกภาคส่วน ทุกกลุ่มมารวมทีมกันพัฒนาประเทศชาติของเรา ไม่ว่าจะเป็นทีมไหนมาบริหารประเทศ ควรจะรวมทีมกันและสร้างแต้มต่อให้กับ Start Up และ SMEs 

พรรคชาติพัฒนากล้า นวัตกรรมมันล้ำค่าที่สุดในอารยธรรมมนุษย์ ก็คือนวัตกรรมที่ทำให้เรามีสิทธิ์ที่จะเลือกผู้นำของเรา ในระบบประชาธิปไตย และอีกหนึ่งนวัตกรรมที่ทำให้ประเทศชาติตะวันตก หรือ ชาติต่างๆ สามารถเป็นประเทศที่พัฒนาได้ นั่นคือ นวัตกรรมแนวทางเศรษฐกิจเสรีนิยม สร้างโอกาสเพื่อการแข่งขันอย่างเสมอภาค ระหว่างคนตัวใหญ่กับคนตัวเล็ก เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศไทย  

พรรคไทยสร้างไทย เมองในเรื่องการดูแลประชาชนตั้งแต่เกิดจนแก่ สามารถอยู่อย่างมีศักดิ์ศรี อยู่ได้ในสังคมไทย มีโอกาสเข้าถึงนวัตกรรม ยกระดับคนตัวเล็กให้แข็งแรง สามารถสร้างตัวเอง สร้างเงิน สร้างอาชีพให้กับตัวเอง ครอบครัว และสังคมไทย

พรรคก้าวไกล มองว่าที่ผ่านมาประเทศไทยเราไม่ได้ขาดผู้เชี่ยวชาญแต่ละด้าน ไม่ว่าจะเป็นวิศวกร นักวิทยาศาสตร์ นักธุรกิจ มีคนเก่งมากมาย  ตอนนี้โจทย์หลักของเราในการแก้ไขปัญหาสังคมต่างๆ  กลับมายึดโยงในเรื่องการเมือง การใช้งบประมาณและการใช้อำนาจของรัฐอย่างไรให้ตอบโจทย์แก่พี่น้องประชาชน เพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศ ในการผลักดันสังคมไทยไปข้างหน้า 

สวทช. ผนึก บ้านปู เดินหน้าวิจัยและพัฒนานวัตกรรมอุตสาหกรรมพลังงาน

นวัตกรรมเด่น 6 คลัสเตอร์ ในงาน KMITL Innovation Expo 2023 ขับเคลื่อนสู่เวทีโลก

STAY CONNECTED

0แฟนคลับชอบ
440ผู้ติดตามติดตาม
spot_img

Lastest News

MUST READ