TH | EN
TH | EN
หน้าแรกColumnistตกลงรัฐบาลไทยจะเอาจริงไหม กับ "อู่ฮั่นโมเดล"

ตกลงรัฐบาลไทยจะเอาจริงไหม กับ “อู่ฮั่นโมเดล”

สถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ตัวเลขผู้ติดเชื้อที่นับวันทวีจำนวนเพิ่มมากขึ้น ในขณะที่จำนวนตัวเลขผู้เสียชีวิตก็สูง โดยเฉพาะหลังวันที่ 16 กรกฎาคมที่ผ่านมา ตัวเลขผู้ติดเชื้อทะยานขึ้นเป็นหลักหมื่น ไต่ระดับขึ้นอย่างไม่มีท่าทีจะลดลง ชนิดที่เรียกว่าทำลายสถิติ มียอดนิวไฮทุกวัน ในขณะที่ตัวเลขผู้เสียชีวิตเฉลี่ยหลักร้อยต่อวัน มีข้อมูลระบุว่า ตลอดระยะเวลาตั้งแต่วันที่ 1- 31 กรกฎาคมมีคนติดเชื้อทั้งสิ้น 337,986 ราย มีผู้เสียชีวิต 2,834 ราย 

ก่อนหน้านี้นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค ชี้แจงว่าหากช่วง 2 เดือนข้างหน้า สถานการณ์ระบาดโควิด-19 ยังไม่ดีขึ้น อาจจำเป็นต้องเพิ่มมาตรการสูงสุด เหมือนกรณี “อู่ฮั่นโมเดล” คือ มาตรการปิดเมืองเข้มข้น ห้ามเข้าออกเมืองเด็ดขาดยกเว้นการขนส่งอาหารสดที่ได้รับอนุญาต  ปิดสนามบิน สถานีรถไฟ และสถานีขนส่ง ห้ามนำยานพาหนะส่วนตัววิ่งบนถนน ห้ามคนนอกพื้นที่เข้าเขตที่พักอาศัยเด็ดขาด ปิดร้านค้าทุกร้าน ยกเว้นร้านขายอาหาร และร้านขายยา แต่ละบ้านได้รับอนุญาตให้ออกไปซื้อของจำเป็นทุก ๆ 2 วัน เพียง 1 คน

พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ เลขาสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ในฐานะ ผอ.ศูนย์ปฏิบัติการ ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคไวรัสโควิด-19 พูดถึง ล็อกดาวน์ชนิดเต็มรูปแบบนี้ “โมเดลอู่ฮั่น” ว่า เป็นการประเมินสถานการณ์ว่าเมื่อสถานการณ์ดีขึ้นจะทำอย่างไร หรือหากสถานการณ์ไม่ดีไปกว่านี้จะทำอย่างไร ซึ่งอธิบดีอธิบดีกรมควบคุมโรคได้พูดถึงกรณีนี้ มีการประเมินว่าสถานการณ์จำเป็นต้องใช้ลักษณะโมเดลของอู่ฮั่นหรือไม่ โดยมองหลายปัจจัยอาจจะดูจากตัวเลขผู้ติดเชื้อหรือสถานพยาบาลที่มีอยู่หรือปัจจัยอื่นในแง่ของเศรษฐกิจด้วย มองในทุกมิติไม่ได้มองด้านใดด้านหนึ่งหรือด้านเดียว ซึ่ง ศบค.มีความพร้อมในทุกกรณี หากต้องดำเนินการ 

ทันทีที่มีกระแสการนำเสนอล็อกดาวน์แบบ “อู่ฮั่นโมเดล” มีทั้งกระแสเสียงการเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย เช่น สนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เผยว่า อู่ฮั่นโมเดลเป็นยาแรงอาจไม่เหมาะกับไทย เพราะจะกระทบทั้งกับประชาชนทั่วไปและผู้ค้าขาย โดยเฉพาะประชาชนที่มีรายได้เป็นรายวัน และบริบทประเทศไทยกับจีนต่างกัน วิธีคิดตลอดจนพฤติกรรมของคน วิถีชีวิตและความจำเป็นของแต่ละคนก็แตกต่างกัน  ทางที่ดีรัฐบาลทำแผนการกระจายวัคซีนให้ชัดเจน

ในขณะที่รองศาสตราจารย์ ดร.ปิติ ศรีแสงนาม ผู้อำนวยการศูนย์เศรษฐกิจระหว่างประเทศ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย แสดงความเห็นว่า สถานการณ์การล็อกดาวน์ของรัฐบาลจีน เป็นการกล้าตัดสินใจ อย่างทันท่วงที แม้จะเสียหายมหาศาลทางเศรษฐกิจ มีการบังคับใช้กฎหมาย อย่างเข้มงวดไม่เลือกปฏิบัติ จัดการกับผู้ละเมิดกฎกติการอย่างจริงจัง และมีการวางแผนเผชิญเหตุอย่างชัดเจน รัดกุม รอบด้าน (ทั้งเรื่องมาตรการ กำลังคน อุปกรณ์ และงบประมาณ) เพื่อให้ประชาชนเชื่อใจ และมั่นใจว่ารัฐบาลสามารถจัดการกับปัญหาได้ สำหรับประเทศไทยนาทีนี้ก็ต้องการภาวะผู้นำและมาตรการที่รอบคอบครบถ้วนเช่นกัน

“อู่ฮั่นคือเมืองศูนย์กลางทางโลจิสติกส์ของจีน ระบบทางด่วน ระบบรถไฟความเร็วสูง เหนือ-ใต้- ออก -ตก มี interchange ที่อู่ฮั่น เขากล้าปิดเมืองในวันตรุษจีนที่คนจีนเดินทางนับหลาย ๆ ร้อยล้านคน เศรษฐกิจกำลังเฟื่องฟู หรือกรณีกว่างโจว เมืองเอกของมณฑลกวางตุ้งที่ค้าขายระหว่างประเทศมากที่สุด คู่กับเขตเศรษฐกิจฮ่องกง มาเก๊า ในกว่างโจว จีนระดมสรรพกำลังตั้งแต่ตรวจพบผู้หญิงอายุ 75 ปีรายแรกที่ติดเชื้อเดลต้า ถ้าจำเป็นต้องปิดเมืองเพื่อรักษาชีวิต เขาทำทันที ภาวะผู้นำต้องกล้าตัดสินใจ บนข้อมูลที่รอบคอบ รอบด้าน และมีแผนการรองรับ”

ช่วงที่ผ่านมา หน่วยงานที่เกี่ยวข้องหลายฝ่ายต่างก็ติดตามและประเมินสถานการณ์  ท่ามกลางกระแสข่าวลือ การล็อกดาวน์กรุงเทพ 100% ตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งประชาชนก็เฝ้าติดตามอย่างใกล้ชิด จนเมื่อวันที่ 30 กรกฎาคมที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พูดถึงเรื่องการประกาศใช้มาตรการเข้มงวดสำหรับสถานการณ์ระบาดของโควิด ตั้งแต่วันที่ 20 กรกฎาคม เป็นเวลา 14 วัน ซึ่งจะครบกำหนดในวันที่ 2 สิงหาคมนี้ แต่พบว่าตัวเลขผู้ป่วยไม่ลดลง ในทางกลับกันทวีจำนวนเพิ่มมากขึ้น แต่มาตรการที่จะเพิ่มความเข้มข้นถึงขนาด ขณะนี้คณะแพทย์ และทีมสาธารณสุขยังคงเห็นชอบในมาตรการเดิมอยู่

(ถึง ณ ตอนนี้ วันที่ 1 สิงหาคม) เป็นที่แน่นอนแล้วว่า วันที่ 2 สิงหาคมนี้ จะไม่มีการประกาศล็อกดาวน์ 24 ชั่วโมง อย่างที่เป็นข่าวลือ แต่ยังเหลือระยะเวลาอีก 1 เดือน ที่ อธิบดีกรมควบคุมโรค ใช้ประเมินสถานการณ์ ดังนั้นอาจจะเกิดอะไรขึ้นก็ได้ ต้องเฝ้าติดตามกันอย่างใกล้ชิด ขณะที่มีผู้ประกอบการ SMEs จำนวนไม่น้อยที่บอกว่า “การล็อกดาวน์กรุงเทพ แม้เป็นประสบการณ์ที่เจ็บปวดมาก แต่… เจ็บแล้วจบ ไม่ใช่การสั่งเปิด ๆ ปิด ๆ กิจการแบบประเมินอะไรไม่ได้  เพียงแต่ต้องอาศัยความกล้าของผู้นำ บวกกับแผนการเตรียมความพร้อม และแผนรองรับสำหรับประชาชน” 

เจ็บ แต่จบ … ขึ้นอยู่กับ ผู้นำมีความกล้าหรือเปล่า

STAY CONNECTED

0แฟนคลับชอบ
440ผู้ติดตามติดตาม
spot_img

Lastest News

MUST READ