TH | EN
TH | EN
หน้าแรกBusinessBitkub แนะทำกลยุทธ์ดิจิทัล รับมือ Force Disruption

Bitkub แนะทำกลยุทธ์ดิจิทัล รับมือ Force Disruption

Bitkub สตาร์ตอัพที่ทำธุรกิจซื้อขายเงินดิจิทัล (Cryptocurrency Exchange) และเทคโนโลยีบล็อกเชน (Blockchain) เป็นหนึ่งในสตาร์ตอัพที่โตสวนทางธุรกิจอื่น ๆ ในวิกฤติโควิด-19

-โควิดดันออนไลน์อีเวนต์บูม ก่อนลู่สู่ไฮบริด
-Save Thailand 4.0 .. save สตาร์ตอัพไทย
-BUILKONE ปรับมุมธุรกิจ พิชิตโควิด-19

จิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา Group CEO บริษัท Bitkub Capital Group Holdings กล่าวกับ The Story Thailand ว่า ภาพรวมของวิกฤติโควิด-19 รอบนี้ไม่กระทบกับธุรกิจของบริษัท เพราะ Bitkub มีกลยุทธ์ดิจิทัล (Digital Strategy)

“โมเดลธุรกิจเป็นออนไลน์ ทำให้ 4-5 เดือนที่ผ่านมายอดการใช้งานสูงกว่าช่วงก่อนโควิด-19 และสูงขึ้นทุกเดือน”

กลยุทธ์ดิจิทัล คือ การทำดิจิทัล ทรานส์ฟอร์เมชั่น มี 2 ด้านหลัก คือ

External Digital Transformation – คือการปรับการทำงานนอกองค์กร ธุรกิจจะต้องเป็นดิจิทัลมากขึ้นทั้ง การเข้าถึงลูกค้า เก็บข้อมูล การวิเคราะห์ด้วยข้อมูล

Internal Digital Transformation – คือการปรับการทำงานในองค์กร เริ่มจากการเปลี่ยนจากกระดาษเป็นดิจิทัล ใช้ปัญญาประดิษฐ์ (AI) และ ข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data) วิเคราะห์ข้อมูล ทำให้รู้จักลูกค้าแบบรายบุคคล ทุก ๆ การตัดสินใจจะใช้ข้อมูลเข้ามาช่วยตัดสินใจ

ยกตัวอย่างธุรกิจ Bitkub ใช้ 30 กว่าแอปพลิเคชัน เข้ามาแทนกระดาษ ทุกอย่างเป็นออนไลน์ ทำให้ผู้บริหารเห็นข้อมูลทุกอย่าง ใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยคน วิเคราะห์ให้แม่นยำและการตัดสินใจผิดพลาดน้อยที่สุด ขณะที่ External ทุกอย่างเป็นออนไลน์หมดเช่นกัน ใช้โทรศัพท์มือถือเป็นสาขา 2.0 ที่เข้าถึงลูกค้าทุกคน

“จากผลสำรวจคนไทย 1 คน มีโทรศัพท์มือถือเฉลี่ย 1.4 เครื่อง หมายความว่าเราอยู่ในยุคที่ความคาดหวังของลูกค้า คือสามารถเข้าสู่บริการทุกอย่างโดยการขยับนิ้ว”

ด้านพนักงานยังคงทำงานกันที่บ้านทั้ง 100 กว่าคน เริ่มทำงานที่บ้านก่อนที่รัฐบาลจะประกาศล็อคดาวน์ เป็นเวลา 4 เดือนกว่า และหลังจากรัฐบาลประกาศล็อคดาวน์ก็มีโปรแกรมให้พนักงานกู้เงินล่วงหน้าได้ เพราะบางคนอาจจะต้องใช้เงินสำหรับการตุนอาหารหรือยาต่าง ๆ

“บริษัทเราใช้ 30 กว่าแอปพลิเคชัน ช่วยให้พนักงานทำงานได้สะดวกมา 2-3 ปี มีการสอนพนักงานให้ใช้เทคโนโลยี ทำงานให้ฉลาดขึ้น”

กลยุทธ์ดิจิทัล … ปฏิรูปธุรกิจสู่ออนไลน์

จิรายุส กล่าวว่า บริษัทที่มีกลยุทธ์ดิจิทัลจะได้รับผลกระทบน้อยกว่า ยกตัวอย่าง ร้านอาหารที่ทำอาหารอร่อยมาก แต่เมื่อเกิดวิกฤติคนไปทานที่ร้านไม่ได้ ยอดขายจะเสียหาย แต่เมื่อเทียบกับอีกร้านที่อาจจะไม่ได้ขายดีเท่าแต่มีบริการส่งอาหาร ผลกระทบด้านยอดขายที่ได้รับก็จะน้อยกว่า

“เราเรียกว่า Force Disruption เป็นการบังคับไม่ว่าคุณจะอยากเปลี่ยนหรือไม่ แต่คุณต้องเปลี่ยนเพื่อความอยู่รอด”

เศรษฐกิจดิจิทัลเป็นเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดในเมืองไทยและทั่วโลก เพราะคนที่เข้าถึงอินเทอร์เน็ตมีถึง 5,000 ล้านคนทั่วโลก เพราะฉะนั้น GDP จะวิ่งเข้ามาในโลกดิจิทัล ลูกค้าจะวิ่งเข้ามาอยู่ในดิจิทัล ขณะที่คนใช้เวลากับโลกดิจิทัลมากขึ้น

“หน้าที่ของเรา คือ ขยับไปอยู่ในจุดที่ลูกค้าอยู่ และจุดที่ลูกค้าใช้เวลามากที่สุด”

สินทรัพย์ทุกอย่างเป็นดิจิทัลได้ ซื้อขายแลกเปลี่ยนได้

Bitkub เป็นหนึ่งในผู้เล่นแรก ๆ ที่เข้ามาพัฒนาการให้บริการลูกค้าทางด้านสกุลเงินคริปโตและบล็อกเชน ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมที่เติบโตเร็วมาก 10 ปีที่ผ่านมาการเปิดกระเป๋าเงินดิจิทัลของคนทั่วโลกสูงถึง 50 ล้านคน ซึ่งอีก 10 ปีข้างหน้าคาดว่าจะขึ้นไปถึง 1 พันล้านคน และจะซ่อนอยู่ในแอปพลิเคชันต่าง ๆ อย่าง Social Banking หรือในโปรแกรมแชท

จิรายุส กล่าวว่า ภาพใหญ่ที่สุดของ Bitkub คือ การมีทั้งเงินดิจิทัล และสินทรัพย์ดิจิทัล (Digital Asset) คือ เป็นตลาดหลักทรัพย์ยุคใหม่ ในอนาคตคนจะสามารถใช้บล็อกเชน ทำให้สินทรัพย์ต่าง ๆ กลายไปอยู่ในรูปแบบโทเคน (Tokenize) ทุกอย่างที่มีมูลค่าได้ไม่ว่าจะเป็น โฉนดที่ดิน ตราสารหนี้ ทองคำ เพชร ทุกคนสามารถเป็นเจ้าของร่วมกันได้ หรือแม้กระทั่งการขายไฟฟ้าที่ผลิตเองให้กับเพื่อนบ้าน

ถ้าถามว่า เงินดิจิทัล สินทรัพย์ดิจิทัล จะเป็น New Normal หรือไม่ จากวิกฤติโควิด-19 มีบริษัทที่รับชำระเงินทุกวันจากลูกค้าติดต่อ Bitkub เพื่อจะพัฒนาระบบให้รองรับเงินคริปโต จะเห็นว่าผู้บริหารเปิดใจมากขึ้น ต้องหาอะไรใหม่ ๆ เข้ามาพัฒนาธุรกิจ เพื่อสร้างความสะดวกสบายให้ลูกค้า

ยกตัวอย่างปัญหาของการซื้อขายออนไลน์ คือ คนขายไม่สามารถซื้อขายถุงเท้าคู่เดียวไปที่แอฟริกาได้เพราะต้นทุนการรับเงินสูงถึง 5-7% ต้องรอเงิน 1-2 อาทิตย์ แต่คริปโตสามารถลดการโอนเงินให้เหลือแค่ 0.05% รับเงินได้ใน 30 วินาที ทำให้เราสามารถขายถุงเท้าคู่เดียวก็ทำกำไรได้

เมื่อดิจิทัลหยวนกับลิบรา (Libra) ออกมา Bitkub จะเป็นผู้เล่นที่ 2 ใน White paper ที่ถูกต้องตามกฎหมายเพื่อแลกเปลี่ยนเงินสกุลคริปโตเป็นเงินบาท เป็นเหมือนซูเปอร์ริชสำหรับคนยุคใหม่ที่แลกเปลี่ยนสกุลเงินต่าง ๆ ที่เป็นดิจิทัล

“อีก 2-3 ปีจะถึงจุดสูงสุดของวงการการเงิน จะเกิดการปฏิรูปเหมือนเป็นสึนามิ Social Banking”

หาพันธมิตร ดันสู่ยูนิคอร์น

จิรายุส กล่าวว่า Bitkub ไม่มีความจำเป็นต้องระดมทุน แต่มองหาพันธมิตรเชิงยุทธศาสตร์ ที่จะช่วยให้ธุรกิจโตขึ้น มีเป้าหมายจะเข้าตลาดหลักทรัพย์ให้ทุกคนได้เป็นเจ้าของร่วมกัน ซึ่ง Bitkub มีแผนธุรกิจทั้งระยะสั้น กลาง และยาว

ระยะสั้น คือ ให้คนไทยเข้ามาซื้อขายทรัพย์สินดิจิทัลได้ มีสิทธิ์เข้าถึงโอกาสในการเก็งกำไรทรัพย์สินรูปแบบใหม่ ๆ ทั้งเงินดิจิทัล และทรัพย์สินดิจิทัล

ระยะกลาง คือ การใช้ประโยชน์จากการที่มียอดซื้อขาย 700 ล้านบาทต่อวันโอนเงินข้ามประเทศ โดยใช้เงินคริปโตเป็นสื่อกลางระหว่างประเทศ ซึ่งในอนาคตหากมีคนซื้อขายต่อวันมากกว่านี้ จะสามารถทำธุรกิจ B2B โอนเงินข้ามประเทศครั้งละ 500 – 1,000 ล้านบาทได้

ระยะยาว ทุกอย่างที่มีมูลค่า จะนำมา Tokenize ทั้งหมด เช่น ไฟฟ้า, อสังหาริมทรัพย์, ทอง, เพชร, หุ้น, ตราสารหนี้ หรืออะไรก็แล้วแต่ที่จะให้คนเข้ามาเป็นเจ้าของร่วมกันได้ รวมถึงสิ่งที่จับต้องไม่ได้ เช่น ชื่อเสียงของแบรนด์ รวมถึงเป็นซูเปอร์ริชสำหรับคนที่ต้องการเอาเงินดิจิทัลมาแลกเป็นเงินบาท

จิรายุส กล่าวต่อว่า อยากเป็นยูนิคอร์นให้ได้เพราะเมืองไทยยังไม่มี ขณะที่เพื่อนบ้านต่างมียูนิคอร์นกันหลายประเทศแล้ว และกลุ่มทุนมองข้ามประเทศไทยไปที่เวียดนาม

“ซึ่งถ้าดูจากรายรับของบริษัทปัจจุบันเราจะต้องโตอีก 10 เท่า ถึงจะเป็นยูนิคอร์นได้ การหาพาร์ทเนอร์จึงเป็นเรื่องสำคัญมาก”

Bitkub ทำธุรกิจซื้อขายเงินดิจิทัล และบล็อกเชนเทคโนโลยี ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยขณะนี้ และมีทั้งหมด 3 บริษัท

บริษัทแรกเป็น ธุรกิจแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิทัล เป็น 1 ใน 3 บริษัทที่ได้รับใบอนุญาตจากกระทรวงการคลัง ให้คนไทยสามารถเข้ามาซื้อขายทรัพย์สินดิจิตทัลได้ตามกฎหมาย มีลูกค้ามากถึง 90% ของตลาด

บริษัทที่ 2 ทำแอปพลิเคชันบล็อกเชน เป็นเทคโนโลยีหลังบ้านของเงินคริปโต สามารถประยุกต์เทคโนโลยีของบล็อกเชนไปในหลายธุรกิจได้ เพื่อลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพ ตัดตัวกลางภายในระหว่างองค์กรออกไป โดยรับทำเป็นโปรเจกต์ให้บริษัทที่เข้ามาจ้าง มีกระทรวงการคลัง และปตท. ที่เป็นลูกค้า และอีกหลาย ๆ บริษัท

บริษัทที่ 3 Bitkub Academy เปิดให้ความรู้นักลงทุนทั้งการเปิดบัญชีและการซื้อขาย ทั้ง B2B และ B2C รวมถึงมีการสอนบล็อกเชน ดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชั่น ออกแบบความคิด (Design Thinking) และการอบรมพนักงาน

STAY CONNECTED

0แฟนคลับชอบ
440ผู้ติดตามติดตาม
spot_img

Lastest News

MUST READ