TH | EN
TH | EN
หน้าแรกBusinessเอไอเอส เผยผลประกอบการ ปี 63 ลดลง 4.4% ผลจากโควิด-19 เดินหน้างบลงทุนปี 64 30,000 ลบ.

เอไอเอส เผยผลประกอบการ ปี 63 ลดลง 4.4% ผลจากโควิด-19 เดินหน้างบลงทุนปี 64 30,000 ลบ.

เอไอเอสรายงานผลประกอบการปี 2563 มีรายได้รวม 172,890 ล้านบาทลดลงเล็กน้อย 4.4% เป็นผลจากสถานการณ์โควิด-19 นับตั้งแต่ไตรมาสแรกและส่งผลต่อสภาพเศรษฐกิจต่อเนื่อง

ตลอดทั้งปีโดยมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 28,423 ล้านบาท ภาพรวมธุรกิจโทรศัพท์มือถือเอไอเอสยังคงมีจำนวนผู้ใช้บริการมากที่สุด 41.4 ล้านราย ส่วนเน็ตบ้านเอไอเอสไฟเบอร์พุ่งแรงเติบโตกว่า 22% จากปีก่อน สูงสุดเหนืออุตสาหกรรมปัจจุบันมีลูกค้าอยู่ที่ 1.3 ล้านราย

โดยในปี 2564 เอไอเอสเตรียมงบประมาณสำหรับการลงทุนรวมทั้งสิ้น 25,000 – 30,000 ล้านบาทสำหรับขยายเครือข่าย 5G/4G เดินหน้าขับเคลื่อนประเทศด้วยโครงสร้างพื้นฐานทางดิจิทัลที่แข็งแกร่งทั้งนี้เอไอเอสยังคงนโยบายจ่ายเงินปันผลไม่ต่ำกว่า 70% ของกำไรสุทธิโดยจ่ายเงินปันผล 3.68 บาทต่อหุ้นในวันที่ 20 เมษายน 2564

สมชัย เลิศสุทธิวงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ. เอไอเอส กล่าวว่า สำหรับภาพรวมผลประกอบการ ปี 2563 เอไอเอส มีรายได้รวม 172,890 ล้านบาท ลดลง 4.4% จากปีก่อน ด้านธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่มีรายได้ลดลง 6.5% เทียบกับปีก่อน เป็นผลจากการสูญเสียรายได้ในกลุ่มลูกค้านักท่องเที่ยวที่ยังคงไม่ฟื้นตัว เนื่องจากข้อจำกัดการเดินทางระหว่างประเทศ

อย่างไรก็ตาม เอไอเอส ยังครองส่วนแบ่งการตลาดอันดับ 1 ทั้งด้านรายได้และจำนวนผู้ใช้บริการ ปัจจุบันมีจำนวนลูกค้าโทรศัพท์มือถือมากที่สุดในตลาดอยู่ที่ 41.4 ล้านเลขหมาย เป็นลูกค้าระบบรายเดือน จำนวน 10.2 ล้านราย ที่เพิ่มขึ้นในไตรมาส 4 จำนวน 420,900 ราย และมีลูกค้าระบบเติมเงินอยู่ที่ 31.2 ล้านราย เพิ่มขึ้น 74,400 ราย

ขณะที่ การใช้งาน 4G ยังเติบโตอย่างต่อเนื่อง ณ สิ้นปี มีลูกค้าที่ใช้งาน 4G เพิ่มขึ้นเป็น 77% โดยลูกค้าใช้ปริมาณดาต้าเฉลี่ย 18 กิกะไบต์ต่อเดือน เพิ่มขึ้น 42% เทียบกับปีก่อน

ส่วนการใช้งาน 5G นับตั้งแต่เปิดให้บริการในเดือนตุลาคม 2563 จนถึงปัจจุบัน มีลูกค้ารวมทั้งสิ้น 239,000 ราย 

วิกฤติโควิด-19 ช่วงต้นปี 63 ที่ผ่านมา ทำให้ทุกภาคส่วนได้เกิดการเรียนรู้ร่วมกัน และตระหนักถึงความสำคัญของการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามาเป็นเครื่องมือในการแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาด ฟื้นฟูภาคเศรษฐกิจ และเป็นรากฐานของการพัฒนาประเทศชาติให้เติบโตอย่างยั่งยืน

เอไอเอส เผยผลประกอบการ ปี 63 ลดลง 4.4% ผลจากโควิด-19

“เรายังเชื่อมั่นว่า โครงสร้างพื้นฐานทางดิจิทัล โดยเฉพาะเทคโนโลยี 5G ซึ่งปัจจุบัน เอไอเอส ถือครองคลื่นความถี่ ทั้ง 4G และ 5G มากที่สุด ครอบคลุมมากที่สุดในไทย จำนวน 1420MHz และภายในเดือนกุมภาพันธ์นี้ จะได้รับใบอนุญาตคลื่น 26GHz ครบทั้ง 3 ย่านความถี่ สูง กลาง และต่ำ จะมีส่วนช่วยเสริมประสิทธิภาพของการขยายเครือข่าย 5G เพื่อรองรับการใช้งานของลูกค้าคนไทย และผลักดันส่งเสริมให้เกิดการใช้งานในภาคอุตสาหกรรม หลังจากช่วงที่ผ่านมา เราได้ร่วมงานกับพาร์ทเนอร์ใน ecosystem หลายราย เพื่อทดลองทดสอบการใช้งานในพื้นที่จริงมาแล้วอย่างต่อเนื่อง”

ทั้งนี้ เอไอเอส ได้พัฒนาเครือข่าย 5G มาอย่างต่อเนื่อง โดยมุ่งขยายเครือข่าย 5G เพื่อรองรับปริมาณการใช้งานของลูกค้าให้มีประสิทธิภาพสูงสุด ตลอดจนการสนับสนุนการใช้งานในภาคอุตสาหกรรมต่าง ๆ ทั้งการแพทย์ โลจิสติกส์ การผลิต การรักษาความปลอดภัย และสมาร์ทซิตี้ เราเชื่อมั่นว่า 5G จะกลายเป็นเทคโนโลยีใหม่ที่เป็น The Real New Normal ด้านเทคโนโลยีที่พร้อมสนับสนุนการทำงานของทุกภาคส่วน ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และประชาชน

เอไอเอส เผยผลประกอบการ ปี 63 ลดลง 4.4% ผลจากโควิด-19

ขณะที่ ธุรกิจอินเทอร์เน็ตบ้านเอไอเอสไฟเบอร์ ยังคงเติบโตเหนืออุตสาหกรรม ด้วยจำนวนผู้ใช้งานที่เพิ่มขึ้นในช่วงมาตรการล็อกดาวน์ เป็นผลให้คนไทยส่วนใหญ่ปลี่ยนวิถีชีวิตมา Work from Home และ Learn from Home เป็นจำนวนมาก ตลอดปี 2563 มีลูกค้าเพิ่มขึ้น 29% หรือกว่า 299,300 ราย ซึ่งสูงกว่าการขยายตัวของอุตสาหกรรมที่เติบโตเฉลี่ย 10-12% โดยปัจจุบันมีลูกค้า อยู่ที่ 1.3 ล้านราย

ส่วนธุรกิจบริการลูกค้าองค์กร การทำตลาด Enterprise ยังได้รับความสนใจจากลูกค้า Corporate และ SME อย่างต่อเนื่อง โดยมีความสนใจในกลุ่ม Telecom Services ซึ่งเป็นบริการโครงสร้างพื้นฐานสำหรับการติดต่อสื่อสาร และเครือข่ายขององค์กรต่าง ๆ และบริการ Digital Enabler สำหรับธุรกิจต่าง ๆ เพื่อนำ Digital Technologies ไปประยุกต์ใช้ในธุรกิจยุคใหม่ เช่น IT, Cloud, IoT, Cyber Security, Digital Marketing รวมถึง เทคโนโลยี 5G ในอนาคต 

จากการบริหารต้นทุนที่ดี ทั้งด้านต้นทุนการให้บริการ และค่าใช้จ่ายด้านการขายและบริหาร ส่งผลให้เอไอเอสมีกำไรก่อนหักภาษี ดอกเบี้ย และค่าเสื่อม (EBITDA) อยู่ที่ 76,619 ล้านบาท ลดลง 2.7% ใกล้เคียงกับปีก่อนหน้า ซึ่งเป็นอัตราที่ต่ำกว่าการลดลงของรายได้ และมีกำไรสุทธิ 28,423 ล้านบาท ลดลง 8.9% เทียบกับปีก่อน

เอไอเอสจะจ่ายเงินปันผลจากผลประกอบการครึ่งปีหลังที่ 3.68 บาทต่อหุ้น หรือประมาณ 75% ของกำไรสุทธิ ในวันที่ 20 เมษายน 2564

“จากบทเรียนในวิกฤติที่ผ่านมา ทำให้เราเชื่อว่า ภูมิคุ้มกันที่ดีที่สุด คือ การเผชิญหน้ากับความเปลี่ยนแปลง การเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ รอบตัว จะช่วยผลักดันให้เราเจอแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์”

“ในวันนี้ เทคโนโลยีดิจิทัล ไม่ได้อยู่ไกลตัวเราอีกต่อไป อยู่ที่ว่าใครจะปรับใช้เป็นประโยชน์ได้อย่างไร สำหรับเอไอเอส วันนี้เรามีทั้ง Core Business และการเติบโตในกลุ่มธุรกิจใหม่ หรือ New Business อาทิ ธุรกิจวิดีโอ, ประกันภัย, ดิจิทัลเพย์เมนท์ และบริการร่วมกับพาร์ทเนอร์ เป็นต้น ที่มีความท้าทายและโอกาสอย่างมหาศาล”

เอไอเอส เผยผลประกอบการ ปี 63 ลดลง 4.4% ผลจากโควิด-19

สิ่งสำคัญ คือ ความสำเร็จข้างหน้าร่วมกัน โดยเอไอเอสเดินหน้าจัดสรรงบลงทุนในปี 2564 จำนวน 25,000 – 30,000 ล้านบาท เพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางดิจิทัลสำหรับประเทศไทย และพร้อมที่จะเป็นแกนกลาง สนับสนุนทุกภาคส่วน จากความร่วมมือกับพาร์ทเนอร์ใน Digital Ecosystem เพื่อเป็นพลังขับเคลื่อนประเทศชาติให้ก้าวผ่านทุกความท้าทายไปด้วยกันอย่างยั่งยืน

STAY CONNECTED

0แฟนคลับชอบ
440ผู้ติดตามติดตาม
spot_img

Lastest News

MUST READ