เริ่มปรับคาดการณ์เศรษฐกิจกันแล้ว

เศรษฐกิจไทยเข้าสู่เส้นทางฟื้นตัวตั้งแต่ไตรมาสสุดท้ายของปีที่แล้ว หลังผ่านจุดต่ำสุดในไตรมาสที่ 3 ที่จีดีพีติดลบ 0.6% ตามคำประกาศของสถาบันทางเศรษฐกิจหลายแห่ง แต่เป็นการฟื้นตัวในท่วงทำนอง ที่ดร.เศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าแบงก์ชาติ ให้คำอธิบายว่า “เศรษฐกิจไทยปี 2565 คาดว่าจะฟื้นตัวได้แต่ยังไม่เร็ว และไม่เท่าเทียม” หรือนัยหนึ่ง ก็คือ เศรษฐกิจฟื้นตัวอย่างช้า ๆ และช้าจนคนส่วนใหญ่ยังสัมผัสไม่ได้

ส่วนภาพรวมปี 2564 คาดว่าเศรษฐกิจจะขยายตัวเกือบ 1% เป็นตัวเลขที่ผ่านการปรับคาดการณ์มาไม่น้อยกว่า 4 ครั้งในรอบปีที่ผ่านมา เดิมคาดการณ์กันว่าเศรษฐกิจปี 2564 จะขยายตัวเกือบ 3% ก่อนเปลี่ยนมาเป็มจีดีพีอาจจะติดลบจากพิษไวรัสกลายพันธุ์เดลต้าที่ระบาดหนักในช่วงไตรมาส 3 และกระทบภาคเศรษฐกิจ รวมถึงแผนเปิดประเทศที่ขยับกันหลายครั้ง ซึ่งส่งผลผูกโยงไปถึงแผนดูดเงินนักท่องเที่ยวมาช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจ เพราะปีที่แล้วมีนักท่องเที่ยวเดินเข้าไทยราว 4 แสนคนเศษเท่านั้น จากที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) คาดหวังไว้ 1.2 ล้านคน     

ยังดีที่รัฐบาลอัดงบเยียวยา และภาคส่งออกฟื้นตัวดีเกินคาดที่เติบโตถึง 17.41% จากเดิมที่กระทรวงพาณิชย์คาดว่าจะขยายตัวระหว่าง 3-4% เท่านั้น ปัจจัยที่กล่าวมาหนุนให้เศรษฐกิจไทยปีที่แล้วรอดจากภาวะติดลบตามที่หลายสำนักกังวลอย่างฉิวเฉียด ทั้งนี้ แบงก์ชาติประมาณว่าหากปี 2564 ไม่มีมาตรการใด ๆ ออกมาประคองเศรษฐกิจจะติดลบถึง 4.9%

สำหรับปี 2565 สำนักวิเคราะห์หลายแห่งออกมาปรับคาดการณ์เศรษฐกิจกันเร็วกว่าปกติ เข้าใจว่าเป็นผลจากโอมิครอน ที่ทำให้สถานการณ์ในช่วงปลายปีที่ผ่านมาเปลี่ยนเร็วจากประกาศหยุดรับนักท่องเที่ยวผ่านช่องทางเทสต์แอนด์โกชั่วคราวตั้งแต่วันที่ 21 ธันวาคม ปีที่แล้ว ก่อนมาประกาศเปิดรับอีกครั้งตั้งแต่วันที่ 1 ก.พ. ที่ผ่านมา โดยมุมมองจากสำนักวิเคราะห์บางกลุ่มเชื่อว่าโอมิครอนจะกระทบภาคท่องเที่ยวและสะเทือนถึงเศรษฐกิจปีนี้เพียงเล็กน้อย ขณะที่อีกกลุ่มเชื่อว่าสถานการณ์โอมิครอนน่าจะคลี่คลายภายในครึ่งปีแรกและจะไม่กระทบท่องเที่ยวช่วงไฮซีซั่น เป้าหมายนักท่องเที่ยวเข้าไทยปีนี้ 5-7 ล้านคนจึงเป็นไปได้มาก  

เริ่มจากศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจและธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ (อีไอซี เอสซีบี) ที่ออกมาอัปเดตเศรษฐกิจปีนี้เป็นรายแรก ๆ มองว่า โอมิครอนจะเป็นความเสี่ยงที่ส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจหลังเปิดประเทศในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ โดยเฉพาะภาคท่องเที่ยวและส่งออก โดยการนี้ อีไอซี เอสซีบี ได้ปรับประมาณการณ์เศรษฐกิจปีนี้ลงเหลือ 3.2 %  จากเดิม 3.4 % เนื่องจากนักท่องเที่ยวมีแนวโน้มลดลงและการส่งออกที่อาจปรับชะลอลงตามเศรษฐกิจโลก  

ส่วนธนาคารกรุงไทย พชรพจน์ นันทรามาศ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย บอกกับสื่อว่า ศูนย์วิจัยกรุงไทยคอมพาส ยังคงเป้าหมายการขยายตัวเศรษฐกิจไทยปี 2565 ที่ระดับเดิม 3.6% ประเมินว่าผลกระทบจากโอมิครอนจะกระทบต่อกิจกรรมเศรษฐกิจไม่มากนักแม้ระบาดเร็วแต่ไม่รุนแรง โดยตัวเลขคาดการณ์ดังกล่าวตั้งอยู่บนสมมุติฐานว่าจะไม่เกิดการระบาดรุนแรงแรงถึงขั้นล็อกดาวน์อย่างเข้มข้นเหมือนปีก่อน

ด้าน ธนาคารสแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ด (ไทย) คงคาดการณ์จีดีพีปีนี้ไว้ที่ 3.3% โดย ทิม ลีฬหะพันธุ์ นักเศรษฐศาสตร์ กล่าวว่า ธนาคารมีมุมมองระมัดระวังสำหรับเศรษฐกิจไทยตั้งแต่ก่อนการระบาดของโอไมครอนในเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว เขาบอกด้วยว่า ตัวเลขคาดการณ์เศรษฐกิจปีนี้ของธนาคารต่ำกว่าประมาณการสำนักอื่น ๆ และมีหลายปัจจัยต้องติดตามตลอดปีรวมทั้งโอมิครอนว่าจะกระทบต่ออุตสาหกรรมท่องเที่ยวอย่างไร 

ส่วนธนาคารกรุงศรีประเมินว่า โอมิครอนจะทำให้จีดีพีปีนี้หายไปราว  0.6% แต่ยังมั่นใจว่าเศรษฐกิจไทยยังอยู่บนเส้นทางการฟื้นตัวจึงคงคาดการณ์จีดีพีไว้ที่ 3.7%

ขณะที่ พรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการ สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง ออกมาแถลงเมื่อปลายเดือนที่แล้วว่า กระทรวงการคลังประเมินเศรษฐกิจปี 2565 จะขยายตัว 4.0% โดยยกปัจจัยหนุนชุดใหญ่ อาทิ การใช้จ่ายในประเทศที่ขยายตัวการแพร่ระบาดของโควิด-19 เริ่มมีผลในวงจำกัด การบริโภคภาคเอกชนขยายตัว 4.5% การท่องเที่ยวกลับมาขยายตัวหลังเปิดรับนักท่องเที่ยวผ่านช่องทาง เทสต์แอนด์โก อีกครั้ง โดยคาดว่าปีนี้จะมีนักท่องเที่ยวเข้าไทย 7 ล้านคน

โฆษกกระทรวงการคลังยังกล่าวถึงรายละเอียดเม็ดเงิน 3 ก้อนที่รัฐจะอัดเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจในปีนี้ด้วยว่า ก้อนแรกผ่าน งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2565 วงเงิน 3.1 ล้านล้านบาท  ตามด้วยงบลงทุนของรัฐวิสาหกิจในปีงบประมาณฯนี้อีก 3.07 ล้านล้านบาท และ พ.ร.ก. กู้เงิน 5 แสนล้านบาท ที่เหลืออีก 1.56 แสนล้านบาทจะเป็นปัจจัยหนุนสำคัญให้เศรษฐกิจปีนี้เติบโตต่อเนื่อง

สำนักล่าสุดที่ออกมาประเมินเศรษฐกิจในสถานการณ์โอมิครอนคือ ธนาคารกรุงเทพ บุรินทร์ อดุลวัฒนะ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ ทีมเศรษฐกิจ และกลยุทธ์ ของธนาคารให้ความเห็นกับสื่อว่า ธนาคารกรุงเทพ ประเมินเศรษฐกิจไทยปี 2565 มีโอกาสขยายตัวสูงถึง ถึง 4.5% ซึ่งถือว่าเป็นตัวเลขคาดการณ์สูงที่สุด ณ ขณะนี้ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ฯ ของธนาคารกรุงเทพบอกกับนักข่าวด้วยว่า ปัจจัยที่หนุนให้เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวแรงมาจากนโยบายเปิดประเทศ หลังจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 เริ่มผ่อนคลายลง การ กลับมาใช้รูปแบบเทสต์แอนด์โก การกระจายวัคซีนอย่างทั่วถึง รวมทั้งมีแรงหนุนจากภาคส่งออกที่แข็งแกร่ง

แม้มุมมองข้างต้น ส่วนใหญ่โน้มไปทางความเชื่อที่ว่าสถานการณ์โอมิครอนจะอยู่ในวงจำกัด ซึ่งเพิ่มความเป็นไปได้ที่จะได้เห็นนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าไทยมากกว่า 5 ล้านคนในปีนี้ และจะเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผ่านความคึกคักให้กับเศรษฐกิจปีนี้ ขยายตัวตามคาดการณ์ คือ 4% หากสภาวะเศรษฐกิจปีนี้ยังเผชิญความไม่แน่นอนจากความเสี่ยงอื่นๆอีกหลายปัจจัย อาทิ แรงกดดันจากเงินเฟ้อที่ถูกส่งต่อ มาจากราคาน้ำมันและอาหารหลายรายการ หรือปัญหาหนี้ตั้งแต่ระดับครัวเรือนธุรกิจ ถึงระดับประเทศ ซึ่งไม่ต่างจากระเบิดเวลาหากถอดสลักไม่ทัน รวมทั้งความเสี่ยงจากปัญหาการเมืองที่อยู่กับเราตลอดเวลา

ผู้เขียน: “ชญานิน ศาลายา” เป็นนามปากกาของ “คนข่าว” ที่เฝ้ามองการเปลี่ยนแปลงของวัฎจักรเศรษฐกิจตลอดช่วง 4 ทศวรรษเศษ

บทความอื่น ๆ ของผู้เขียน

ชาวบ้านบ่นหมูแพง ผู้ว่าแบงก์ชาติเผยเสถียรภาพราคายังโอเค

เศรษฐกิจปีเสือ กับ “โอมิครอน”