TH | EN
TH | EN
หน้าแรกColumnist“ดิจิทัล วอลเลต” ไปต่อไหวไหม

“ดิจิทัล วอลเลต” ไปต่อไหวไหม

ปฏิกิริยาที่แสดงความไม่เห็นด้วยกับนโยบายแจกเงินฟรี 10,000 บาท ผ่าน “ดิจิทัล วอลเล็ต” สำหรับคนที่มีอายุ 16 ปีขึ้นไปกำลัง ขยายวงกว้างขึ้นเรื่อย ๆ จากเดิมที่แสดงความไม่เห็นด้วยของบรรดานักเศรษฐศาสตร์ที่อยู่ในแวดวงสถาบันการเงินผ่านทางโซเชียลมีเดีย ล่าสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาได้ก่อเป็นรูปคลื่นมรสุมลูกใหม่เมื่อนักวิชาการด้านเศรษฐศาสตร์ตั้งแต่รุ่นกลางจนถึงรุ่นใหญ่ ที่มีทั้งอดีตผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย รองผู้ว่าฯ การ อาจารย์ด้านเศรษฐศาสตร์ ไปจนถึงคณบดี อธิการบดี และรัฐมนตรี จำนวน 9 9คนที่ลงชื่อล่าสุดเพิ่มเป็น 133 คนแล้วและน่าจะขยายวงเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ

การเคลื่อนไหวของนักวิชาการครั้งนี้ เริ่มโดนโจมตีจากฝั่งที่เห็นด้วยกับนโยบาย ซึ่งก็เป็นคนเพื่อไทยนั่นแหละว่า คนกลุ่มนี้มีอคติทางการเมือง ทำไมตอนรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา กู้เงินมาแจกจึงเงียบกริบ บ้างก็บอกว่าคนที่คัดค้านคือคนที่ไม่เห็นหัวคนจน ข้อกล่าวหาของฝั่งกองเชียร์เพื่อไทยก็อาจจะไม่ส่วนจริงอยู่บ้าง เพราะแนวคิดทางเศรษฐศาสตร์มิอาจแยกออกจากแนวคิดทางการเมืองได้ ต้องยอมรับว่าคนกลุ่มนี้มีหลายคนที่เคยเห็นด้วยกับรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ บางคนก็เคยได้ดิบได้ดี แต่คนส่วนใหญ่ในกลุ่มที่คัดค้านไม่เห็นด้วยเพราะเกรงว่านโยบายนี้ ได้ไม่คุ้มเสีย

อย่าลืมว่าความเห็นทางเศรษฐศาสตร์ไม่ใช่คณิตศาสตร์ที่มีคำตอบชัดเจนตายตัว ดังนั้นความเห็นย่อมแตกต่างไม่เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน เพียงแต่รัฐบาลจะต้องหาข้อมูล หลักฐานตอบข้อสงสัยเหล่านั้นให้ได้ ที่ผ่านมารัฐบาลยังไม่สามารถอธิบายได้ว่า เม็ดเงิน 5.6 แสนล้านบาทที่โยนใส่ลงไปตูมเดียวเพื่อให้เกิดแรงกระเพื่อมทางเศรษฐกิจ มีหลักประกันอะไรว่าจะเป็นไปตามเป้า จนถึงวันนี้รัฐบาลยังตอบคำถามไม่ได้ว่าจะเอาเงินมาจากที่ไหน จะตัดงบประมาณจากส่วนใด หรือจะกู้แบงก์รัฐ ปฏิเสธไม่ได้ว่า มาตรการที่ทำได้ส่งผลกระทบตามมามากมาย หากจะตัดงบประมาณประจำปี ก็จะส่งผลกระทบทำให้โครงการอื่น ๆ ซึ่งอาจเป็นโครงการที่ดีเสียโอกาสได้ แต่ถ้ากู้จากแบงก์รัฐ ข่าวว่าเป็นแบงก์ออมสิน ก็จะทำให้หนี้สาธารณะเพิ่มสูงขึ้นตอนนี้ทะลุกว่า 60% ของจีดีพี ซึ่งเพดานหนี้สาธารณะที่ขยายล่าสุด 70% ของจีดีพี

แม้แต่เป้าหมายในโครงการนี้รัฐบาลยังตอบไม่ชัดว่าจะเน้นกระตุ้นเศรษฐกิจหรือเน้นการวางรากฐานระบบดิจิทัลด้วยบล็อกเชน เพราะหากต้องการกระตุ้นเศรษฐกิจจริงก็ไม่จำเป็นต้องใช้บล็อกเชนเข้ามาทำให้ต้องมีต้นทุนในการวางระบบตามมา การแจกเงินสดถึงมือประชาชนโดยตรง รวดเร็ว ไม่ซับซ้อนและได้ผลมากกว่า ต้นทุนต่ำกว่า รัฐบาลเองก็ยังตอบข้อสงสัยนี้ไม่ได้

กระทั่งตัวคูณทางเศรษฐกิจต่อโครงการ พรรคเพื่อไทยเคยอ้างตอนรณรงค์หาเสียงว่า จะทำให้มีเงินหมุนเข้าระบบเศรษฐกิจ 6 รอบ พอมาเป็นรัฐบาลลดลงมาเหลือ 4 รอบ จะเห็นว่าตัวเลขตัวคูณที่แท้จริงรัฐบาลก็ยังตอบไม่ชัด แต่จากรายงานของธนาคารแห่งประเทศไทยเคยศึกษาไว้ตั้งแต่ก่อนที่รัฐบาลจะมีนโยบายนี้ ว่าตัวคูณทางการคลังมีเพียง 0.4% นั่นเท่ากับว่า เงิน 100 บาททำให้เงินหมุนเพิ่มขึ้นแค่ 40 บาทเท่านั้น

ปัญหาทั้งหลายทั้งปวงที่ทำให้เกิดการคัดค้านเพราะนโยบายยังไม่ตกผลึก ขณะเดียวกันกลุ่มที่คัดค้านก็แสดงถึงความเป็นห่วงในหลายๆ เรื่องทั้งสถานการณ์ตอนนี้ต่างจากช่วงโควิดที่จำเป็นมากกว่า ปัจจุบันเศรษฐกิจอยู่ในช่วงฟื้นตัวกำลังอยู่ในช่วงขาขึ้น งบประมาณมีจำกัด หากนำเงินมาแจก 5.6 แสนล้านบาท จะทำให้เสียโอกาสทางการเงิน ผลลัพธ์ที่เกิดจากตัวคูณทางการคลังในโครงการนี้ มีค่าต่ำกว่า 1 ซึ่งน้อยมาก การก่อหนี้จำนวนมากต้องมีภาระในการจ่ายดอกเบี้ยสูงเนื่องจากเป็นช่วงวัฏจักรดอกเบี้ยขาขึ้น เป็นต้น อื่น ๆ อีกมากมาย

หากรัฐบาลไม่ตั้งป้อม ว่าคนเห็นต่างเป็นฝ่ายตรงข้าม ควรมองการเคลื่อนไหวของนักวิชาการกลุ่มนี้เป็นเรื่องที่ดีจะได้มีโอกาสชี้แจงข้อเท็จจริง ประชาชนจะได้ความรู้ความเข้าใจไปพร้อม ๆ กัน ข้อท้วงติงอันไหนที่เป็นประโยชน์ก็ควรมาปรับปรุงและทบทวน ไม่ใช่ยืนยันเดินหน้า เท่าที่ฟังสุ่มเสียงคนจำนวนไม่น้อยก็ไม่ได้มีข้อกังขาเรื่องแจกเงิน แต่เกิดความสงสัยว่าดิจิทัลวอลเล็ต 5.6 แสนล้านบาทกระตุ้นเศรษฐกิจได้จริงหรือไม่ มีความจำเป็นแค่ไหนในการใช้เงินจำนวนมากขนาดนี้ คุ้มไหมกับความเสี่ยงที่ทุกฝ่ายได้ทักท้วงมา

แม้เพื่อไทยจะอ้างความเป็นรัฐบาลจะต้องทำตามที่หาเสียงไว้ แต่อย่าลืมว่าหนี้ก้อนใหญ่มหึมาขนาดนี้ย่อมตกเป็นภาระของประชาชนและลูกหลานในวันข้างหน้าอย่างมิอาจปฏิเสธได้ บทเรียนที่ผ่านมาก็มีให้เห็นเมื่อนโยบายผิดพลาดนักการเมืองไม่เคยต้องรับผิดชอบอะไรเลย แม้แต่ครั้งนี้ก็ไม่ได้ยินจากปากผู้นำว่าจะรับผิดชอบอย่างไรหากโครงการนี้ล้มเหลว
อย่าดื้อดึงไม่ฟังเสียงทักท้วง มิเช่นนั้นรัฐบาลอาจจะเจอมรสุมลูกใหญ่เหมือนที่รัฐบาลเพื่อไทยเคยเจอมาแล้วในอดีตก็เป็นได้ มรสุมมดิจิทัล วอลเลต อาจจะหนักหน่วงรุนแรงกว่าเมื่อคราว จำนำข้าว และรถคันแรกหลายเท่า

บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจของผู้เขียน

“การเมือง” เดดล็อก ..“ตลาดหุ้น-ลงทุน-กำลังซื้อ” วูบ

1 ทศวรรษ วงจรอุบาทว์ ทำลายข้าวไทย

“มิตเทลสแตนด์”กระดูกสันหลังเยอรมัน

STAY CONNECTED

0แฟนคลับชอบ
440ผู้ติดตามติดตาม
spot_img

Lastest News

MUST READ