บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) หรือ อาร์เอส กรุ๊ป หนึ่งในบริษัทชั้นนำด้านอุตสาหกรรมความบันเทิงของไทย ร่วมกับ โฟร์ท แอปเปิ้ล จํากัด บริษัทในเครือที่มีความเชี่ยวชาญทางด้านการสร้างคอนเทนต์และการตลาดดิจิทัล เปิดตัวเหรียญ ป็อปคอยน์ (Popcoin) โดยเป็นส่วนหนึ่งของการเดินหน้าสู่ สมาร์ท มาร์เก็ตติ้ง หรือแพลตฟอร์มในการทำการตลาดยุคใหม่ภายใต้แนวคิด “Popcoin: Join-to-Earn” ตั้งเป้าสู่แนวทางปั้นอาณาจักรเอ็นเตอร์เทนเมิร์ซ (entertainment + commerce) แบบครบวงจร ที่ใช้ศักยภาพของคอนเทนต์และบันเทิงมาผนึกกำลังกับคอมเมิร์ซเพื่อสร้างโอกาสทางธุรกิจนำไปต่อยอดในการสร้างช่องทางรายได้ใหม่ ๆ และแก้ปัญหาทางการตลาด
สุรชัย เชษฐโชติศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ป็อปคอยน์ (Popcoin) ที่เปิดตัวในครั้งนี้ ไม่ได้ทำหน้าที่เป็นเพียงดิจิทัลโทเคนเท่านั้น แต่ยังตั้งใจให้มีพันธกิจหลักอีก 2 ประการ โดยประการแรกคือการเป็นกลไกสำคัญในการสร้างฐานข้อมูลบิ๊กดาต้าที่ให้หุ้นส่วนพันธมิตรของอาร์เอสได้เข้ามาใช้ประโยชน์ร่วมกัน ส่งผลให้แบรนด์สามารถนำข้อมูลบนแพลตฟอร์มไปใช้วิเคราะห์พฤติกรรมผู้บริโภค และนำเสนอผลิตภัณฑ์ บริการและกิจกรรมทางการตลาดได้ตรงกับความต้องการผู้บริโภคมากขึ้น
ขณะที่พันธกิจอีกประการหนึ่ง คือ การเป็นช่องทางเพิ่มประสบการณ์การใช้สินค้าและบริการของทางอาร์เอสให้ประทับใจและครองใจผู้บริโภคผ่านการใช้แพลตฟอร์มป็อปคอยน์ โดยจากการเปิดตัวแบบ soft launch เมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ได้รับเสียงตอบรับเกินความคาดหมาย
“เรามีผู้สมัครเข้ามาเป็น Popster กว่า 5 แสนราย เกินเป้าที่ตั้งไว้ที่ 4 แสนราย และคาดว่าจะพุ่งทะลุ 1 ล้านรายภายในเดือนกุมภาพันธ์นี้ ถือเป็นปรากฏการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในวงการสินทรัพย์ดิจิทัลเมืองไทย ที่มีผู้ให้ความสนใจและได้รับการยอมรับอย่างล้นหลามตั้งแต่วันแรกที่มีการประชาสัมพันธ์ออกไป และเป็นก้าวใหม่ของคนทำงานด้านคอนเทนต์และบันเทิง รวมถึงเป็นก้าวสำคัญที่จะพลิกโฉมการทำกลยุทธ์ทางการตลาดไปอีกขั้น” สุรชัย กล่าว ก่อนย้ำว่า การทำแพลตฟอร์มป็อบคอยน์นี้ คือการทุ่มสุดตัวที่อาร์เอสกรุ๊ปตั้งเป้าเล่นเกมใหญ่ที่ต้องจัดการให้เกิดขึ้นให้ได้
ด้าน ฐณณ ธนกรประภา หัวหน้าเจ้าหน้าที่บริหารธุรกิจ โฟร์ทแอปเปิ้ล กล่าวเพิ่มเติมว่า “โฟร์ท แอปเปิ้ล ได้ร่วมมือกับบริษัท ฟิวเจอร์ คอมเพเทเร่ จำกัด ในการสรรค์สร้างสมาร์ทมาร์เก็ตติ้งแพลตฟอร์ม ‘Popcoin Platform’ ที่จะเป็นเครื่องมือเติมเต็มความต้องการ สร้างโอกาสทางการตลาด และผลประโยชน์ให้แก่ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งหมดใน “Popcoin Ecosystem” ซึ่งได้แก่ แบรนด์ สปอนเซอร์ ผู้สร้างคอนเทนต์ รวมถึงผู้บริโภค
“คำว่า ป็อบ นี้ สื่อถึง popular among the people คือ ได้รับความนิยมในกลุ่มผู้คนทุกเพศทุกวัย ดังนั้น จึงเป็นความตั้งใจของเราที่จะให้ป็อบคอยน์เข้าถึงและแพร่กระจายเป็นวงกว้าง ในขณะที่อาร์เอส กรุ๊ป เองจะได้รับประโยชน์ในแง่การนำข้อมูลมาขยายผลิตภัณฑ์และบริการ และสร้างกลยุทธ์การตลาดรูปแบบใหม่ ๆ ที่ตอบโจทย์พฤติกรรมผู้บริโภคมากขึ้น” ฐณณ กล่าว
ขณะเดียวกัน ฐณณ ชี้แจงเพิ่มเติมว่า การเชื่อมโยงของข้อมูลและการสร้างประสบการณ์แบบไร้รอยต่อนี้จะเกิดขึ้นได้เมื่อผ่านป็อบคอยน์ โดยการทำงานของป็อบคอยน์มีหลากหลายมิติ ดังนั้น ป็อบคอยน์จึงไม่ใช่แค่เหรียญคริปโทเคอร์เรนซีเท่านั้น แต่เป็นคอมมูนิตี้ขนาดใหญ่ที่เชื่อมโยงคนแต่ละกลุ่มคนเข้าด้วยกัน ด้วยโมเดลที่เรียกว่า ‘Join-to-Earn’ แค่เข้ามามีส่วนร่วมกับระบบนิเวศของป็อปคอยน์ไม่ว่าจะเป็นแบรนด์ หรือผู้สร้างคอนเทนต์ ป็อบคอยน์จะเป็นเครื่องมือที่ช่วยเพิ่มการมองเห็น ช่วยให้แบรนด์ใกล้ชิดลูกค้ามากกว่าที่เคย เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างตรงจุดและวัดผลได้จริง อีกทั้งยังเป็นช่องทางเพิ่มรายได้
สำหรับในฝั่งของผู้บริโภค แพลตฟอร์มป็อบคอยน์จะช่วยให้เข้าถึงความสนุกได้หลากหลายและง่ายยิ่งขึ้น เป็นช่องทางที่ทำให้ได้ใกล้ชิดกับศิลปินที่ชื่นชอบมากขึ้น แลกสินค้า ของสะสม เข้าถึงคอนเทนต์ เข้าร่วมกิจกรรมต่าง ๆ ในรูปแบบที่พิเศษขึ้น และยังสามารถนำป็อปคอยน์ไปแลกเปลี่ยนใน “Exchange Platform” กระดานซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล หรือนำไปเก็บออมลงทุน (staking pool) เพื่อสร้างรายได้เพิ่มได้อีกด้วย
“ป็อบคอยน์ คือ สมาร์ท มาร์เก็ตติ้ง แพลตฟอร์ม ที่มีเหรียญป็อปคอยน์เป็นเครื่องมือในการอำนวยความสะดวกของการแลกเปลี่ยนผลิตภัณฑ์สินค้าและบริการระหว่างตัวแบรนด์และคอนเทนต์ ครีเอเตอร์ทั้งหลาย กับผู้บริโภคโดยตรง โดยที่เราจัดการตัดคนกลางออกไป ทำให้ต้นทุนที่จะต้องใช้ไปกับคนกลางเข้าสู่กระเป๋าของแบรนด์และเหล่าครีเอเตอร์ได้อย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วยมากขึ้น“
ฐณณ กล่าวเสริมอีกว่า ป็อปคอยน์ของอาร์เอส กรุ๊ปยังโดดเด่นและแตกต่างจากเหรียญโทเคนอื่น ๆ ตรงที่ ทางอาร์เอสจะไม่สามารถผลิตเหรียญออกมารอไว้ได้ คือ จะผลิตได้ต่อเมื่อมีพันธมิตรเข้ามาติดต่อขอเป็นพาร์ทเนอร์เพื่อทำกิจกรรมบนแพลตฟอร์ม ขณะที่ผู้บริโภคซึ่งสมัครเป็นสมาชิกในฐานะป็อบสเตอร์ (popster) ก็จะได้รับป็อบคอยน์ก็ต่อเมื่อเข้าร่วมกิจกรรมตามเงื่อนไขที่แบรนด์ต่าง ๆ หรือครีเอเตอร์ เช่น ศิลปิน นักร้อง กำหนดไว้ เพื่อนำป็อบคอยน์ที่ได้ ไปรับสินค้าและผลิตภัณฑ์ที่ครีเอเตอร์หรือแบรนด์ผลิตขึ้นมาใช้บนแพลตฟอร์มนี้โดยเฉพาะ
ทั้งนี้ เพื่อนำเสนอแพลตฟอร์มป็อบคอยน์ให้เข้าถึงคนรุ่นใหม่ ทางอาร์เอส กรุ๊ป ยังได้จับมือกับ แบมแบม-กันต์พิมุกต์ ภูวกุล ศิลปินระดับโลกชื่อดัง เข้ามาร่วมงานในฐานะแพลตฟอร์มพาร์ทเนอร์ใหม่ พร้อมถ่ายทอดไลฟ์สไตล์อันเต็มไปด้วยความสร้างสรรค์ และการเข้าถึงประสบการณ์ใหม่ ๆ ด้วยป็อบคอยน์และในฐานะที่เป็นศิลปินไอดอลชื่อดังระดับโลก แบมแบมจะมีส่วนร่วมกับแพลตฟอร์มด้วย เพื่อให้การเข้าถึงแฟน ๆ ของ แบมแบม พิเศษยิ่งขึ้น
ขณะที่ แพลตฟอร์มป็อปคอยน์มีคอนเทนต์และตัวแบรนด์เข้าร่วมหลายรายแล้ว เช่น ไลฟ์ เนชั่น บีอีซี-เทโร จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทจัดคอนเสิร์ตนานาชาติระดับโลกในประเทศไทย, High Cloud Entertainment ค่ายเพลงของ กอล์ฟ F.HERO, คณะหมอลำเสียงอิสาน, VOM Records ค่ายเพลง Rock น้องใหม่, คานิวัล แบรนด์สตรีทแฟชั่นชั้นนำของไทย, UNLOCKMEN พับบลิชเชอร์ออนไลน์อันดับ 1 สำหรับผู้ชาย, Pet Hipster สื่อและนิตยสารออนไลน์สำหรับคนรักสัตว์, Full Sense ผู้ขับเคลื่อนวงการ eSport ในประเทศไทยและทั่วเอเชีย, Female Idol Trade Association (FITA) สมาคมการค้าธุรกิจไอดอลหญิง และ Bhouse Studio โรงเรียนสอนเต้นระดับแนวหน้าของประเทศไทย โดย Popcoin จะเป็นกลไกสำคัญในการทำตลาด เพิ่มมูลค่าให้กับกิจกรรม และสร้างสิทธิประโยชน์รูปแบบใหม่ ๆ ให้กับคอนเทนต์ในอนาคต
นอกจากนี้ ทางแพลตฟอร์มยังมีพาร์ทเนอร์ทางธุรกิจกับ แบรนด์ชั้นนำอื่น ๆ ที่จะนำเหรียญไปใช้ในกิจกรรมส่งเสริมการตลาด และเป็นอีกช่องทางสำคัญในการกระจายเหรียญไปยังผู้บริโภค ได้แก่ บริษัท เชฎฐ์ เอเชีย จำกัด, บริษัท ชโย กรุ๊ป จำกัด (มหาชน), บริษัท ไอที ซิตี้ จำกัด (มหาชน), บริษัท อินดีม กรุ๊ป จำกัด, บริษัท สบาย เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน), บริษัท แอสเซทไวส์ จำกัด (มหาชน), อาร์เอส มอลล์, คามู ซี, เวล ยู, ไลฟ์เมต, ไวตาเนเจอร์พลัส, สถานีโทรทัศน์ช่อง 8, คูลลิซึ่ม, อาร์เอส มิวสิค และจะมีอีกหลายแบรนด์ชั้นนำตามมา
สำหรับโควต้าป็อบคอยน์ในช่วง 4 ปีแรก ฐณณ เปิดเผยว่าตั้งเป้าไว้ที่จำนวน 10,000 ล้านเหรียญ โดยอาร์เอส กรุ๊ปจะค่อย ๆ ทยอยปล่อยเหรียญออกมาเรื่อย ๆ ตามเงื่อนไขของพาร์ทเนอร์ที่เข้ามา ซึ่งอาร์เอสเชื่อมั่นว่า โมเดลธุรกิจนี้จะเป็นโมเดลที่ให้ธุรกิจบันเทิงเดินต่อไปข้างหน้าได้
“ในอนาคตวงการสื่อและบันเทิงสามารถประยุกต์ใช้ประโยชน์จากดิจิทัลโทเคนได้สูงมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งการใช้ในกิจกรรมร่วมกันระหว่างแฟนคลับกับศิลปินดาราที่ชื่นชอบ และมีสิทธิ์ที่จะได้ร่วมกิจกรรมพิเศษหรือแลกเปลี่ยนประสบการณ์ที่เงินก็ซื้อไม่ได้ นอกจากนั้น แล้วกระแสของเมตาเวิร์สหรือโลกเสมือนจริงกำลังมา และบล็อกเชนก็มีประโยชน์ในการเป็นเทคโนโลยีที่อยู่เบื้องหลังมูลค่าของสิ่งต่าง ๆ ที่อยู่ในเมตาเวิร์ส ในส่วนนี้ดิจิทัลโทเคนจะมีมูลค่าในโลกเสมือน แน่นอนว่าผู้พัฒนาย่อมต้องมีความคิดสร้างสรรค์ที่หลากหลายในการสร้างการใช้งาน เช่น อาจมีป้ายโฆษณา คอนเสิร์ต หรือรูปภาพ NFT เรียกได้ว่าจะเป็นอีกมิติใหม่ของอุตสาหกรรมบันเทิง ที่ดิจิทัลโทเคนจะได้เข้ามามีบทบาท” ฐณณ กล่าวปิดท้าย
