เพื่อสร้างความมั่นใจและประสิทธิภาพของการกระจายวัคซีนโควิด-19 คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล โดย ศูนย์การจัดการโลจิสติกส์และโซ่อุปทานสุขภาพ (LogHealth) ร่วมกับ สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) และกระทรวงสาธารณสุข ออกแบบพัฒนาแพลตฟอร์ม ระบบติดตาม-ตรวจสอบย้อนกลับ “โซ่ความเย็น” วัคซีนโควิด-19 (COVID-19 Vaccines Track and Traceability Platform for Cold Chain and Patient Safety) สำหรับติดตามและตรวจสอบย้อนกลับ ข้อมูลของวัคซีน ซึ่งระบบแพลตฟอร์มนี้เชื่อมต่อและรวบรวมข้อมูลจากทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องเข้าถึงกัน เพื่อความถูกต้องแม่นยำ ควบคุมคุณภาพตามมาตรฐานสากลและมีประสิทธิภาพรวดเร็วจากต้นทางถึงปลายทาง
การเชื่อมโยงข้อมูลจากทุกภาคส่วนในการกระจายวัคซีน ได้แก่ คณะอนุกรรมการอำนวยการบริหารจัดการการให้วัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) กระทรวงสาธารณสุข, สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.), องค์การเภสัชกรรม (GPO), กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์, กรมควบคุมโรค, บริษัทผู้นำเข้า, ผู้ขนส่งวัคซีน, กองบริหารการสาธารณสุข สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข, ศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข, โรงพยาบาลในสังกัดกระทรวงสาธารณสุข และความร่วมมือจากภาคเอกชน ได้แก่ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย, บริษัท AI and Robotics Venture (ARV) และบริษัท โนวากรีน เพาเวอร์ ซิสเท็ม จำกัด
- Health CheckUp Kiosk นวัตกรรมเพื่อสุขภาพคนไทย
- ภูมิคุ้มกันหมู่ กับ วัคซีนทางเลือก … เลือกที่ จะต้องจ่ายแพงกว่า
รศ.ดร.จักรกฤษณ์ ศุทธากรณ์ คณบดีคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า ในประเทศไทยยังไม่เคยมีการฉีดวัคซีนครั้งใดที่จะเป็นครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์เช่นนี้มาก่อน โดยรัฐบาลตั้งเป้าหมายไว้ว่าจะฉีดวัคซีนต้านโควิดให้ครอบคลุมประชาชน 50 ล้านคน หรือคิดเป็น 70% ของจำนวนประชากรภายในสิ้นปี 2564 เพื่อให้เกิดภูมิคุ้มกันหมู่ (Herd Immunity) ต่อไวรัสโควิด-19 จากสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 (COVID-19)
ตั้งแต่ช่วงต้นปี พ.ศ. 2563 จนถึงปัจจุบัน วัคซีนต้านโควิด-19 ได้เริ่มทยอยเข้าสู่ประเทศไทยแล้ว การฉีดวัคซีนโดยพร้อมเพรียงกันจะสร้างความมั่นคงทางสุขภาพแก่ครอบครัวและประเทศ ดังนั้น เพื่อให้ประชาชนได้รับการฉีดอย่างมั่นใจและรวดเร็วตามเป้าหมาย จึงจำเป็นต้องมีการพัฒนาแพลตฟอร์ม ระบบติดตาม-ตรวจสอบย้อนกลับ “โซ่ความเย็น” วัคซีนโควิด-19 (COVID-19 Vaccines Track and Traceability Platform for Cold Chain and Patient Safety) ซึ่งได้เริ่มใช้ในการดำเนินงานแล้ว ตั้งแต่ กลางเดือนเมษายน 2564 เป็นต้นมา นับเป็นต้นแบบการเชื่อมโยงข้อมูลสำหรับการบริหารจัดการโซ่ความเย็นของวัคซีน (Cold Chain) สู่ภาคสาธารณสุขไทยเป็นครั้งแรก โดยเชื่อมโยงข้อมูล และจัดการกระจายวัคซีนให้ครอบคลุมทั่วถึงอย่างมีประสิทธิภาพ สามารถคงคุณภาพตามมาตรฐานที่กำหนด ตั้งแต่ต้นทางผู้ผลิตวัคซีนไปยังสถานพยาบาล จนถึงปลายทางผู้รับบริการ พร้อมทั้งสามารถติดตามตรวจสอบย้อนกลับ (Track and Traceability) และเรียกคืน (Recall) วัคซีนได้
รศ.ดร. ดวงพรรณ กริชชาญชัย อาจารย์ภาควิชาวิศวกรรมอุตสาหการ และหัวหน้าศูนย์การจัดการโลจิติกส์และโซ่อุปทานสุขภาพ (LogHealth) คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า ปัจจุบันมีวัคซีนที่ทยอยเข้ามาฉีดแก่ประชาชนแล้ว ได้แก่ แอสตร้าเซนเนก้า (AstraZeneca) , ซิโนแวค (Sinovac) และอื่นๆที่จะตามมา เช่น ไฟเซอร์ (Pfizer) สปุตนิต วี (Sputnik V) และอื่นๆ หน้าที่ของแพลตฟอร์มระบบติดตาม-ตรวจสอบย้อนกลับ โซ่ความเย็นวัคซีนโควิด-19 นี้ จะแสดงผลรายละเอียดวัคซีนทั้งหมด ตั้งแต่การผลิตวัคซีน ทั้งในประเทศและการนำเข้า การจัดเก็บวัคซีน การขนส่งและกระจายวัคซีน COVID-19 ว่าขนส่งด้วยพาหนะอะไร เมื่อไร ไปที่ไหน ให้ใคร รวมถึงข้อมูลการควบคุมความเย็นของระดับอุณหภูมิตลอดโซ่อุปทาน ตั้งแต่บริษัทผู้ผลิต ผู้ขนส่ง ไปจนถึงโรงพยาบาลผู้ให้บริการ และประชาชนผู้รับบริการ เพื่อประโยชน์และความปลอดภัยของประชาชนและบุคลากร ที่ได้รับวัคซีนมีความมั่นใจว่าคุณภาพของวัคซีนที่ได้รับนั้น มีประสิทธิภาพและคงคุณภาพตามมาตรฐานสากล
ทั้งนี้ ระบบติดตาม-ตรวจสอบย้อนกลับ “โซ่ความเย็น” วัคซีนโควิด-19 จะนำชุดข้อมูลของแต่ละหน่วยงานที่ได้กรอกไว้ในระบบกลาง Co-Vaccine ของกระทรวงสาธารณสุข ทั้งข้อมูลการลงทะเบียนบริษัทผู้ผลิตหรือผู้นำเข้าวัคซีน ตลอดจนผู้รับบริการวัคซีน มาเชื่อมต่อข้อมูลจากศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข และแอปพลิเคชั่นหมอพร้อม เพื่อแสดงผลด้าน Supply Chain and Logistics หากเกิดปัญหาขึ้น สามารถเรียกคืนวัคซีนได้รวดเร็วทันสถานการณ์ เช่น ปัญหาวัคซีนระบุวันหมดอายุไม่ชัดเจน มีรอยแก้ไข เป็นต้น แพลตฟอร์มนี้จะสืบค้นได้ว่าวัคซีนที่มีปัญหาอยู่ที่ไหน ฉีดให้ใคร และเรียกคืนได้เร็ว
ในด้านการเก็บรักษาวัคซีน โดยใช้ระบบลูกโซ่ความเย็น (Cold Chain) จำเป็นต้องรักษาอุณหภูมิให้คงที่ โดยวัคซีนที่ประเทศไทยนำเข้าในปัจจุบัน คือ แอสตร้าเซนเนก้า (AstraZeneca), ซิโนแวค (Sinovac) จะต้องมีอุณหภูมิคงที่ประมาณ 2 – 8 องศา ตลอดโซ่อุปทาน โดยมีระบบ Sensor Monitoring คอยตรวจระดับรักษาความเย็นและคอยเก็บข้อมูล ติดไว้ที่รถขนส่ง และตู้แช่วัคซีนในรพ. นอกจากนี้ ระบบติดตาม-ตรวจสอบย้อนกลับ “โซ่ความเย็น”วัคซีนโควิด-19 สามารถเชื่อมโยงข้อมูลได้ตลอดโซ่ความเย็น (Cold Chain) ผ่านระบบ IoT ตั้งแต่ข้อมูลผลิตภัณฑ์ ปริมาณ วัคซีนที่ผลิต นำเข้าหรือจัดซื้อ, อุณหภูมิการจัดเก็บ จำนวนและชนิดของวัคซีนที่กระจายไปให้แต่ละโรงพยาบาล, และข้อมูลผู้รับบริการวัคซีน โดยแต่ละกล่องของวัคซีนนั้นจะมีหมายเลข Serial ระบุอยู่ เพื่อป้องกันการผิดพลาด สร้างความมั่นใจแก่ประชาชนได้อย่างดี และก้าวผ่านวิกฤติไปพร้อมกันเพื่อคนไทยและประเทศไทยของเรา