TH | EN
TH | EN
หน้าแรกColumnist"ระเบิดเวลา" เศรษฐกิจ น่ากลัวกว่าไวรัสโควิด-19

“ระเบิดเวลา” เศรษฐกิจ น่ากลัวกว่าไวรัสโควิด-19

ต้องบอกว่าสถานการณ์ผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 ดีขึ้นเรื่อย ๆ ไม่มีผู้ป่วยในไทย ถึง 17 วันติดต่อกันที่ยังมีคนติดเชื้อล้วนเป็น ”เชื้อนำเข้า” ล่าสุด อันดับร่วงมาอยู่ที่ 85 ของโลก ต้องปรบมือให้ บุคคลากรทางการแพทย์และอสม.ทั่วประเทศที่เป็น ”อาวุธลับ” สำคัญ รวมถึงคนไทยที่ปกติจะ ”เชื่อหมอ” จึงร่วมมืออย่างดียอมรับการใช้ชีวิตแบบ New Normal สวมหน้ากาก ล้างมือ และมีระยะห่างทางสังคม ถือเป็นจุดแข็งของสังคมไทย

หากจะชั่งน้ำหนักระหว่างวิกฤติโควิดกับวิกฤติเศรษฐกิจ ก็ต้องบอกว่าวิกฤติ ”โรคโควิด-19” เบามากแล้ว แต่ ”เศรษฐกิจ” อาการยังหนัก ถ้าตัวเลขผู้ป่วยเป็นอย่างนี้ก็ไม่น่ามีอะไรต้องกังวลหากจะเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินให้ธุรกิจได้หายใจก็น่าจะทำได้ เกาหลี ใต้หวัน ไม่เคยไม่ใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ก็ยังไม่มีระบาดรอบสอง

แต่ที่น่ากลัวกว่าคือ ”ระเบิดเวลา” เศรษฐกิจ มีคนเล่าให้ฟังว่า ตอนนี้ผู้ประกอบการธุรกิจ เอสเอ็มอี” มีสายป่านอยู่ได้แค่ 2 เดือน บริษัทใหญ่ ๆ ในตลาดหลักทรัพย์หลาย ๆ บริษัทมีสายป่านอยู่ได้ไม่เกิน 5 เดือน สายป่านขาดเมื่อไหร่ อาจจะต้องเลิกกิจการปลดคน ยักษ์ค้าปลีกรายหนึ่งชะลอจ่ายหนี้ให้ซัพพลายเออร์ บิ๊กอสังหาฯ แอบพับโครงการเงียบ ๆ นับสิบโครงการ

ตัวเลขการวิจัยของไทยพาณิชย์ บอกว่าทรัพย์สินของคนไทย 33.9% พอดำรงชีวิตไม่เกิน 1 เดือนเท่านั้น

“ดร.ศุภวุฒิ สายเชื้อ” ก็ออกมาตอกย้ำว่า เรากำลังนั่งทับ ”ระเบิดเวลาลูกใหญ่” ชนวนของระเบิดเวลาตั้งไว้ที่ 150 วัน คือ จะระเบิดเมื่อกำหนดเวลาในการ”พักชำระหนี้” ระหว่างสถาบันการเงินกับลูกหนี้สิ้นสุดลง ภาระหนี้จะต้องจ่ายเพิ่มขึ้น 6 เท่า เพราะมีดอกเบี้ยทับถมกันมา ถึงเวลานั้น ไม่รู้ว่าลูกหนี้ ทั้งเอสเอ็มอีรายเล็กรายน้อยจะมีปัญญาจ่ายหนี้หรือไม่

ฟัง ดร.ศุภวุฒิ แล้วยิ่งน่าห่วงนี่ ยังไม่รวม ”หนี้ครัวเรือน” กว่า 80% ของจีดีพี และยังมีหนี้เสียหรือ NPL ราว 7-8% ของจีดีพีที่ซุกอยู่ใต้พรม นับว่าอันตรายอย่างยิ่ง

แม้จะเลิก พรก.ฉุกเฉินตอนนี้ เศรษฐกิจไทยก็ไม่เหมือนเดิม เครื่องจักรสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจปั๊มเงินเข้าประเทศ คือ ”ธุรกิจท่องเที่ยว” ดับสนิท คาดปีนี้นักท่องเที่ยวต่างชาติหายไปกว่า 70% ส่งออกก็เดี้ยง ปีนี้คาด -10%

นักท่องเที่ยวจีนลูกค้าหลักคงหายไปอีกนาน ทุกวันนี้ รัฐบาลจีนให้เที่ยวได้เฉพาะภายในมณฑล ขั้นต่อไปจึงให้เที่ยวระหว่างมณฑล แม้ต่อไปจะเปิดให้ออกไปเที่ยวต่างประเทศได้จากการสำรวจพบว่าคนจีน 67% ยังไม่พร้อม ส่วน 33% ที่พร้อม ก็เป็นคนทำงานเดินทางเองและใน 33 % นี้เกินครึ่งบอกจะไปญี่ปุ่น และรองลงมาราว ๆ 10% จาก 33 % เลือกมาไทย

ส่วนส่งออกตลาดจีนที่เป็นตลาดใหญ่สุดของไทย ราว ๆ 12 % ก็คงจะลำบาก เพราะรัฐบาลจีนเน้น ”จีนเที่ยวจีน” และ ”ค้าขายกันเอง”

จากรายได้จากส่งออก 70% ของจีดีพี และท่องเที่ยว 12% ของจีดีพี รวมแล้วเศรษฐกิจไทยต้องพึ่งพาต่างชาติสูงถึง 82% ของจีดีพี ปีนี้คงหายไปไม่น้อยคงเหลือในส่วนพึ่งตัวเองแค่ 18% เท่านั้นที่จะขับเคลื่อนเศรษฐกิจปีนี้

จึงไม่แปลกที่เศรษฐกิจไทยตอนนี้เหมือน ”คนกลั้นหายใจ” ไม่รู้ว่าจะกลั้นได้นานแค่ไหน จะขาดอากาศตายเมื่อไหร่ คนทำธุรกิจ คนหาเช้ากินค่ำเริ่มไม่กลัวตายเพราะโควิด แต่กลัวตายเพราะธุกิจเจ๊ง เพราะไม่มีจะกิน

วันนี้ทุกอย่างยังอึมครึม นโยบายไม่ชัด การเมืองไม่นิ่ง ลำพัง ”ทีมเศรษฐกิจรัฐบาล” กึ๋นมีไม่พอที่จะฟื้นเศรษฐกิจได้ ต้องระดมคนเก่ง ๆ ทุกภาคส่วนมาช่วยกัน หันมาใช้นโยบาย ”พึ่งตัวเอง” ค้าขายกันเองเพื่อสร้างให้เศรษฐกิจภายในประเทศเข้มแข็ง ส่งเสริมให้มีการค้าขายระหว่างท้องถิ่น ระหว่างวิสาหกิจชุมชนด้วยกันเอง เอาของดีจังหวัดหนึ่งไปขายอีกจังหวัด ช่วยลดการพึ่งพาต่างชาติเนื่องจากตอนนี้ทุกประเทศทั่วโลกใช้นโยบายพึ่งตัวเอง

รัฐบาลจะอยู่เฉยไม่ได้ต้องรีบพลิกจากตั้งรับมาเป็นรุก เลิกพรก.ฉุกเฉินเปิดทางให้ธุรกิจ เศรษฐกิจเดินหน้าพร้อมๆกับการบริหารจัดการสาธารณสุขอย่างเข้มแข็ง อย่าปล่อยให้โอกาสที่มาพร้อมวิกฤติหลุดไป ช้ากว่านี้เศรษฐกิจอาจจะฟื้นกลับมาไม่ได้

STAY CONNECTED

0แฟนคลับชอบ
440ผู้ติดตามติดตาม
spot_img

Lastest News

MUST READ