TH | EN
TH | EN
หน้าแรกColumnist2567 สงครามฟรีวีซ่า ชิงนักท่องเที่ยว

2567 สงครามฟรีวีซ่า ชิงนักท่องเที่ยว

เปิดศักราชใหม่ 2567 การท่องเที่ยวถูกชูว่าเป็นหนึ่งในแรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจหลักปีนี้ควบคู่ไปกับการส่งออกที่เริ่มกระเตื้องขึ้นหลังซึมติดลบในช่วงปีก่อนหน้า โดยนักพยากรณ์สำนักต่าง ๆ ออกคำทำนายครั้งที่หนึ่งว่าเศรษฐกิจปีนี้จะขยายตัวราว 3%

พูดถึงการท่องเที่ยวปี 2566 ที่ผ่านมาหมาด ๆ นั้น มีนักท่องเที่ยวจากทุกมุมโลกเดินทางมาไทยราว 28 ล้านคนนิด ๆ แม้ไม่ถึงเป้า 30 ล้านคนที่หลายฝ่ายลุ้นเอาไว้ตอนต้นปี แต่ก็มากพอหนุนเศรษฐกิจให้ขับเคลื่อนไปได้ในยามงบประมาณเลื่อน ภาคส่งออกอ่อนแรง ฯลฯ

ส่วนปีนี้ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ตั้งเป้าไว้ 35 ล้านคน ขยับเข้าไปใกล้ตัวเลขก่อนเกิดวิกฤติโควิดในปี 2562 ที่มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าไทยเกือบ 40 ล้านคน โดยสัปดาห์แรกของปี ททท.ออกมาให้ข้อมูลว่ามีนักท่องเที่ยวเข้ามาแล้ว 605,537 คน น้อยกว่าสัปดาห์ข้ามศักราชอยู่ 184,106 คนหรือ 23.32% แต่ถือว่าไม่เลวและมีสัญญาณบวกเล็ก ๆ จากตัวเลขนักท่องเที่ยวจีนที่หวนกลับมายืนหนึ่งนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้าไทยสูงสุด หลังร่นไปอยู่แถวสองรองจากนักท่องเที่ยวมาเลยเซียอยู่พักใหญ่

แต่เมื่อมองยาวไปข้างหน้า เป้าหมายนักท่องเที่ยวทั้งปี 35 ล้านคน ไม่ใช่เรื่องง่าย แม้ไทยยังเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมของนักท่องเที่ยว ในฐานะเมืองรุ่มรวยวัฒนธรรม มหานครทันสมัย มีแหล่งท่องเที่ยวหลากหลาย ผู้คนเป็นมิตร (ส่วนใหญ่) สังคมเปิดกว้าง มีเครือข่ายคมนาคมช่วยให้การเดินทางสะดวกสบาย ค่าใช้จ่ายไม่แพงนัก ตลอดจนมีที่พักหลายระดับ รวมไปถึงฟรีวีซ่ากับพลเมืองหลายประเทศ และล่าสุดกำลังจะเป็นฮับไวน์ หลังกระทรวงการคลังปรับปรุงอัตราภาษีไวน์ ผลไม้เพื่อหนุนไทยเป็นศูนย์กลางท่องเที่ยว สวรรค์นักช็อปและการกินดื่ม

รัฐบาลเศรษฐาฝากความหวังไว้กับฟรีวีซ่ามาก ๆ การประชุมครม.นัดแรก (13 ก.ย. 66) ประกาศฟรีวีซ่าจีนและคาซัคสถาน นับจากวันที่ 25 กันยายนปีที่แล้วจนถึงวันที่ 29 กุมภาพันธ์ปีนี้ ก่อนประกาศฟรีวีซ่าอินเดียและไต้หวัน ตามมาเป็นชุดสอง ตั้งแต่วันที่ 10 พฤศจิกายน 2566 ถึงวันที่ 10 พฤษภาคม 2567 เดิมรัฐบาลมองสูงว่ามาตรการที่ออกมาจะดึงนักท่องเที่ยวเข้ามาได้ถึง 40 ล้านคน ก่อนปรับลดเหลือ 35 ล้านคนตามที่กล่าวข้างต้น เนื่องจากนักท่องเที่ยวจีนเข้ามาต่ำกว่าเป้าหมายเดิมนั้น ททท. คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวจีนเข้ามา 5 ล้านคนในปีที่แล้ว โดยฝากความหวังไว้กับฟรีวีซ่าแต่ตัวเลขมาจบที่ 3.5 ล้านคน เป็นอันดับสอง รองจากมาเลเซียอันดับหนึ่งที่เดินมาเที่ยวไทย 4.5 ล้านคน

สาเหตุที่นักท่องเที่ยวจีนไม่แรงอย่างที่หวัง มาจากหลาย ๆ ปัจจัย นอกจากปัญหาเศรษฐกิจในประเทศที่ไม่คึกคักเท่าช่วงก่อนหน้า ความกังวลเรื่องความปลอดภัยหลังมีนักท่องเที่ยวจีนเสียชีวิตจากเหตุการณ์กราดยิงเมื่อปีก่อนแล้ว การแข่งขันในตลาดท่องเที่ยวระหว่างประเทศที่มีสัญญาณแรงขึ้นต่อเนื่อง ล้วนเป็นปัจจัยประกอบที่สำคัญเช่นเดียวกัน

ในช่วงปีที่ผ่านมาต่อเนื่องมาถึงปัจจุบันหลายประเทศหันมาให้ความสำคัญกับการส่งเสริมการท่องเที่ยวเพื่อดึงเม็ดเงินเข้าประเทศ โดยพุ่งเป้าไปที่ตลาดนักท่องเที่ยวจีน โดยใช้กลยุทธ์วีซ่าผ่อนปรนเงื่อนไขการเข้าประเทศเช่นเดียวกับไทย เช่น เวียดนามอนุมัติให้ชาวต่างชาติที่ได้ e-visa สามารถเข้าออกประเทศเวียดนามโดยไม่จำกัดจำนวนครั้ง โดยเวียดนามออก e-visa ให้พลเมือง 80 ประเทศ เกาหลีใต้ยกเว้นค่าธรรมเนียมวีซ่าให้นักท่องเที่ยวจีนถึงสิ้นปีที่ผ่านมา โดยหวังเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่เดินมาเที่ยวเกาหลีราว 4.9 ล้านคน

หรือศรีลังกาประกาศฟรีวีซ่าให้พลเมือง 7 ประเทศ คือ จีน อินเดีย รัสเซีย ญี่ป่น ไทย อินโดนิเชีย และมาเลเซีย ตั้งแต่เดือนตุลาคมปีที่แล้วถึง 31 มีนาคมปีนี้ โดยหวังว่ามาตรการดังกล่าวจะดึงดูดนักท่องเที่ยวเข้าศรีลังกาไม่น้อยกว่า 5 ล้านคนในอีกสองปีข้างหน้า

เช่นเดียวกับจีนที่ลงมาเล่นในตลาดฟรีวีซ่าเช่นกัน โดยประกาศให้ฟรีวีซ่ากับพลเมือง 7 ประเทศเมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน ปีที่แล้ว คือ ฝรั่งเศส เยอรมนี อิตาลี เนเธอร์แลนด์ สเปน และมาเลซีย การที่ประเทศไทยไม่ติดรายชื่อฟรีวีซ่าจีนชุดแรก มีเสียงอื้ออึงระคนแปลกใจเพราะตอนจีนเปิดประเทศเมื่อต้นปี 2566 ไทยอยู่ในชุดแรกที่ทางปักกิ่งประทับตราว่าให้พลเมืองของตนเดินทางไปเที่ยวได้ จนมีการตีความว่ามีนัยอะไรหรือไม่จากท่าทีของจีนครั้งนี้

กรณีฟรีวีซ่าจีนยังมีประเด็นต่อเนื่อง เมื่อ เศรษฐา ทวีสิน นายกฯ และรมว.คลัง ออกมาประกาศว่าจีน-ไทยจะยกเรื่องการขอวีซ่าแบบถาวรตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2567 โดยอ้างถึงการประกาศฟรีวีซ่าของจีนที่ไม่มีไทยก่อนหน้านั้นเป็นแบบชั่วคราว (2 ม.ค.67)

ขณะที่ วัง เหวินปิน โฆษกกระทรวงต่างประเทศจีน ตอบคำถามผู้สื่อข่าวเรื่องดังกล่าวในวันเดียวกัน เนื่องจากจีนยังไม่ได้แถลงออกเป็นทางการว่า “ จีนและไทยได้บรรลุความคืบหน้าในการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมและประชาชนระหว่างกัน การให้ฟรีวีซ่าแก่พลเมืองซึ่งกันและกันจะยังประโยชน์พื้นฐานให้แก่ 2 ประเทศ ขณะนี้หน่วยงาน 2 ประเทศกำลังประสานงานอย่างใกล้ชิดเพื่อกำหนดรายละเอียดต่าง ๆ ที่แน่นอน พวกเรากำลังรอการเตรียมการและจัดการด้านต่าง ๆ เสร็จสิ้นเรียบร้อยและจะประกาศให้มีผลบังคับใช้โดยเร็วที่สุด (ผู้จัดการออนไลน์ 2 ม.ค. 67) การพูดเรื่องฟรีวีซ่าสองประเทศก่อนจีนแถลงทำให้นายกฯ เศรษฐาถูกถามถึง ความเหมาะสมอีกครั้ง

สองวันหลังจีนประกาศฟรีวีซ่าชุดแรก มาเลซียได้ประกาศให้ ฟรีวีซ่า 30 วัน กับนักท่องเที่ยวจีนและอินเดีย (27 พ.ย.67) เช่นเดียวกับไทย

ดูจากสถานการณ์โดยรวมแล้ว การที่หลายประเทศลงมาเล่นในสนามฟรีวีซ่าเพื่อดึงนักท่องเที่ยวคงมีผลต่อไทยอย่างน้อย 2 ด้าน

หนึ่งคือเป้าหมายของดึงนักท่องเที่ยวจีนเข้าประเทศปีนี้ 8.2 ล้านคนเพื่อสร้างรายได้ 4.5 แสนล้านบาท ตามที่ สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รมว.การท่องเที่ยวและและกีฬา เพื่อบรรลุเป้านักท่องเที่ยวทั้งปี 35 ล้านคนคงไม่ง่ายอย่างที่คิด

และสองคือในทางกลับกันการที่หลายประเทศเปิดฟรีวีซ่าจะกระตุ้นให้คนไทยไปเที่ยวต่างประเทศมากขึ้นเช่นกัน ซึ่งจะกระทบกับดุลท่องเที่ยว เช่นปีที่ผ่านมาที่ไทยขาดดุลท่องเที่ยวญี่ปุ่นเป็นครั้งแรก ที่ผ่านมาเราพูดถึงแต่เงินตราจากการท่องเที่ยวไหลเข้าแต่ไม่ค่อยกล่าวถึงเงินตราที่ไหลออก

ผู้เขียน: “ชญานิน ศาลายา” เป็นนามปากกาของ “คนข่าว” ที่เฝ้ามองการเปลี่ยนแปลงของวัฎจักรเศรษฐกิจตลอดช่วง 4 ทศวรรษเศษ

บทความอื่น ๆ ของผู้เขียน

รีวิวเศรษฐกิจ ส่งท้ายปี 2566

ผ่าแผน “ล้างหนี้” แห่งชาติ

เศรษฐกิจไทย ยังไม่วิกฤติ

เตรียมรับมือกับ “ความเสี่ยงใหม่”

STAY CONNECTED

0แฟนคลับชอบ
440ผู้ติดตามติดตาม
spot_img

Lastest News

MUST READ