การลงทุนในคริปโทเคอร์เรนซีและโทเคนดิจิทัลกลายเป็นทางเลือกการลงทุนที่นักลงทุนรุ่นใหม่ให้ความสนใจกันอย่างล้มหลามในช่วงไม่กี่ปีมานี้ เนื่องจากมูลค่าที่มีโอกาสเติบโตได้อย่างรวดเร็วภายในระยะเวลาสั้น ๆ ประกอบกับการมีโปรเจกต์เกิดใหม่ให้เห็นอย่างต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตาม แม้โปรเจกต์คริปโตเกิดใหม่เหล่านี้อาจเป็นโอกาสสำหรับการลงทุนที่หลายคนสนใจ แต่บ่อยครั้งที่โปรเจกต์เหล่านี้กลับกลายเป็นของปลอมที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อหลอกนักลงทุนที่รู้เท่าไม่ถึงการณ์ ดังนั้นในบทความนี้เรามาดู 6 วิธีสังเกตว่าโปรเจกต์ไหนเป็นของปลอมกันครับ
1. ไม่มีเอกสาร Whitepaper
จุดสังเกตแรกคือเอกสารไวท์เปเปอร์ (Whitepaper) โดยโปรเจกต์คริปโตที่น่าเชื่อถือจะมีไวท์เปเปอร์ที่ระบุรายละเอียดเกี่ยวกับเทคโนโลยี เป้าหมาย การใช้งาน หรือข้อมูลสมาชิกผู้พัฒนาของโปรเจกต์นั้น ๆ ไว้อย่างชัดเจนเสมอ ในขณะที่ของปลอมมักจะไม่มีเอกสารไวท์เปเปอร์ประกอบ หรือถ้ามีก็จะให้ข้อมูลแบบคลุมเครือ หรือแม้กระทั่งการไม่ระบุข้อมูลบางอย่างเลย เป็นต้น
2. ระบุตัวตนผู้พัฒนาไม่ได้
อีกวิธีสังเกตคือการตรวจสอบภูมิหลังของสมาชิกในทีม โปรเจกต์ที่ถูกต้องควรมีทีมที่ประกอบด้วยผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์พร้อมประวัติที่สามารถมองเห็นได้อย่างโปร่งใส โปรเจกต์ปลอมมักจะใช้ข้อมูลระบุตัวตนของสมาชิกแบบทั่วไปหรือปลอมแปลงขึ้นมา ทำให้นักลงทุนตรวจสอบความเชี่ยวชาญและประวัติของพวกเขาได้ยาก
3. ขาดตัว Prototype
โปรเจกต์ที่น่าเชื่อถือมักจะมีตัวต้นแบบที่ใช้งานได้ (Prototype) หรืออย่างน้อยก็จะมีผลิตภัณฑ์ที่มีศักยภาพขั้นต่ำ (MVP) เพื่อแสดงให้เห็นถึงเทคโนโลยีหรือการใช้งานทั่วไป และควรเปิดให้นักลงทุนสามารถทดลองใช้ได้ ในทางกลับกัน นักลงทุนควรระวังโปรเจกต์ที่อ้างว่าใช้เทคโนโลยีล้ำสมัยแต่ขาดหลักฐานที่จับต้องได้
4.อ้างผลตอบแทนที่เกินจริง
โปรดใช้ความระมัดระวังเป็นอย่างยิ่งกับโปรเจกต์ที่อ้างว่าสามารถให้ผลตอบแทนสูงในระยะเวลาสั้น ๆ เนื่องจากการลงทุนในคริปโทเคอร์เรนซีและโทเคนดิจิทัลเป็นการลงทุนที่มีความเสี่ยงสูง จึงไม่มีอะไรสามารถรับรองผลตอบแทนได้เลย ขณะที่โปรเจกต์ที่น่าเชื่อถือมักจะให้ความสำคัญกับการพัฒนาเทคโนโลยีหรือการใช้งานจริงมากกว่าเรื่องของผลกำไร ดังนั้นหากโปรเจกต์อ้างเรื่องของผลตอบแทนที่ดูไม่น่าจะเป็นไปได้ นั่นก็อาจเป็นโปรเจกต์ปลอมนั่นเอง
5. มีส่วนร่วมกับชุมชนน้อย
โปรเจกต์คริปโตที่น่าเชื่อถือมักจะมีส่วนร่วมกับชุมชนผู้ใช้งานผ่านโซเชียลมีเดีย ฟอรัม และแพลตฟอร์มอื่น ๆ อยู่เสมอ โดยผู้พัฒนาที่ดีจะสามารถตอบคำถามของผู้ใช้ในชุมชนได้อย่างตรงไปตรงมาและให้ข้อมูลที่ชัดเจน รวมถึงมีการอัปเดตความเคลื่อนไหวให้ทราบเป็นประจำ ขณะที่ของปลอมอาจไม่ค่อยมีการโต้ตอบบนช่องทางออนไลน์ มีคำถามที่ไม่ได้รับคำตอบ หรือขาดการมีส่วนร่วมกับนักลงทุน นักลงทุนสามารถตรวจสอบการมีส่วนร่วมของโปรเจกต์ผ่านทางโซเชียลมีเดียอย่าง Facebook, X (Twitter) หรือ Reddit ได้
6. ขาดความชัดเจนด้านกฎหมาย
กฎหมายกำกับดูแลเป็นสิ่งที่มีความสำคัญมากขึ้นเรื่อย ๆ ในแวดวงคริปโทเคอร์เรนซีและโทเคนดิจิทัล ดังนั้นโปรเจกต์ที่น่าเชื่อถือจึงให้ความสำคัญกับการอยู่ภายใต้กฎหมายและการดำเนินงานอย่างสุจริต ซึ่งสามารถสังเกตได้จากการตอบคำถามของผู้พัฒนาที่เกี่ยวกับด้านกฎหมายผ่านช่องทางโซเชียล ในทางกลับกัน โปรเจกต์ปลอมมักหลีกเลี่ยงการตอบคำถามประเภทนี้หรือขาดความชัดเจนว่าพวกเขาจะสามารถดำเนินการให้สอดคล้องกฎหมายได้อย่างไร
สรุป
แม้การลงทุนในคริปโทเคอร์เรนซีและโทเคนดิจิทัลจะเป็นทางเลือกการลงทุนที่น่าสนใจและมีโอกาสให้ผลตอบแทนที่น่าพึงพอใจกับนักลงทุนได้ แต่ถ้าเลือกลงทุนในโปรเจกต์ที่เป็นของปลอมก็อาจทำให้เกิดความเสียหายครั้งใหญ่ได้เช่นกัน ดังนั้นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้การลงทุนประสบความสำเร็จสามารถเริ่มต้นได้จากการศึกษาข้อมูลของโปรเจกต์และหมั่นสังเกตสัญญาณของโปรเจกต์ปลอมตามที่บทความนี้ได้ยกตัวอย่างมา
_________________________________________
มาเรียนรู้เรื่อง บิตคอยน์ (Bitcoin) และ Cryptocurrency ที่จะช่วยให้คุณเข้าใจโลกของคริปโทฯ ได้ดีขึ้น ที่ Bitkub Blog
หากคุณยังเป็นมือใหม่ ค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ในบทความ “แหล่งความรู้ มือใหม่หัดเทรดคริปโต เริ่มต้นที่นี่”
*คริปโทเคอร์เรนซีและโทเคนดิจิทัลมีความเสี่ยงสูง ท่านอาจสูญเสียเงินลงทุนได้ทั้งจํานวน โปรดศึกษาและลงทุนให้เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้
**สินทรัพย์ดิจิทัลมีความเสี่ยง โปรดศึกษาและลงทุนให้เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้
***ผลตอบแทนของสินทรัพย์ดิจิทัลในอดีตหรือผลการดําเนินงานในอดีต มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลตอบแทน ของสินทรัพย์ดิจิทัลหรือผลการดําเนินงานในอนาคต”
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
7 วิธีบริหารพอร์ตคริปโทเคอร์เรนซี เพื่อการลงทุนที่ยั่งยืน
รู้จัก Tokenomic สิ่งสำคัญต้องดูก่อนเลือกลงทุนเหรียญดิจิทัล
