TH | EN
TH | EN
หน้าแรกBusinessฤาจะเป็นยุคของ EV Car

ฤาจะเป็นยุคของ EV Car

ก้าวต่อไปของ “ดีทรอยต์แห่งเอเชีย” …..

หลังจากรอคอยมาระยะหนึ่งในที่สุด ครม.ก็อนุมัติหลักการสนับสนุนการผลิตและการใช้รถไม่ว่าจะเป็นรถยนต์ มอเตอร์ไซด์ และรถกระบะ ที่ใช้พลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอร์รี่เป็นตัวขับเคลื่อน เรียกรวม ๆ ว่า BEV (Battery Electric Vehicle) ซึ่งสร้างความพออกพอใจกับอุตสาหกรรมทั้งระบบ ความเป็น “ดีทรอยต์แห่งเอเซีย” กำลังจะถูกทดสอบอีกครั้งว่า ไทยจะยังเป็นผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อีกหรือไม่ เมื่อต้องถูก Technology Disruption

แพคเกจสนับสนุนตลาดรถไฟฟ้า

มติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมาในการส่งเสริมให้เกิดการใช้รถยนต์แบตเตอรี่ไฟฟ้า 3 กลุ่ม (รถยนต์, มอเตอร์ไซด์ และรถกระบะโดยในปี 2565-2568 เป็นแนวทางส่งเสริมให้เกิดการใช้ที่ขับเคลื่อนด้วยแบตเตอร์รี่ไฟฟ้า กล่าวคือ

1. เงินอุดหนุนรถยนต์และรถกระบะคันละ 70,000-150,000 บาทต่อคัน และรถจักรยานยนต์ 18,000 บาทต่อคัน

2. ลดภาษีสรรพสามิตรถยนต์จาก 8% เป็น 2% และรถกระบะเป็น 0%

3. ลดอากรขาเข้ารถยนต์ที่ผลิตต่างประเทศและนำเข้าทั้งคัน (CBU) สูงสุด 40% สำหรับรถยนต์จนถึงปี 2566

4. ยกเว้นอากรขาเข้ารถยนต์ที่ผลิตในประเทศ (CKD) จำนวน 9 รายการ

อย่างไรก็ตาม รถกระบะ ต้องผลิตในประเทศเท่านั้น จึงได้สิทธินี้ รถยนต์และรถจักรยานยนต์นำเข้าได้ แต่ปีที่ 3 ต้องผลิตในประเทศ และค่ายรถที่เข้าร่วมโครงการ จะต้องรับเงื่อนไข ดังนี้

  1. ต้องผลิตชดเชยให้เท่ากับจำนวนที่นำเข้า CBU ช่วงปี 2565-2566 ในปี 2567 แต่สามารถขยายเวลาได้ถึงปี 2568 และจะต้องผลิตในอัตราส่วน 1:1.5เท่า(นำเข้า 1 คัน ผลิตในประเทศ 1.5คัน)
  2. ค่ายรถยนต์ใช้สิทธิ์ผลิตรถ BEV รุ่นใดก็ได้เพื่อชดเชย ยกเว้นรถที่มีราคาขายปลีกคันละ 2-7 ล้านบาท ต้องผลิตรุ่นเดียวกับการนำเข้า

เมื่อดูแพคเกจที่สนับสนุนตามประเภทรถแล้ว มีรายละเอียดเพิ่มเติมว่า 

  • เงินอุดหนุนจะจ่ายให้ผู้ประกอบการ ซึ่งผู้ที่เข้าร่วมแพคเกจนี้ต้องได้รับการส่งเสริมจาก BOI
  • รถยนต์ที่จะได้รับเงินอุดหนุน 1.5 แสนบาท ต้องใช้กับแบตเตอร์รี่เกิน 30kWh และเงินอุดหนุน 7 หมื่นบาท ใช้กับแบตเตอร์รี่ต่ำกว่า 30kWh
  • หากผิดเงื่อนไขต้องถูกริบเงินคืนพร้อมค่าปรับ

รับกระแสอุตสาหกรรมรถไฟฟ้า

จากกรณีที่รัฐบาลส่งเสริมการใช้รถ ซึ่งกระบวนการผลิตและประกอบจะเปลี่ยนแปลงไปจากรถที่ใช้พลังสันดาปจากน้ำมัน/แก๊ส ชิ้นส่วนสำคัญคือ แบตเตอร์รี่ที่เก็บและให้พลังงานไฟฟ้าและมอเตอร์ขับเคลื่อน ทำให้กลุ่มธุรกิจแรกที่ขยับอย่างเห็นได้ชัด คือ โรงงงานแบตเตอรี่ เนื่องจากมีผู้ประกอบการไม่กี่ราย คู่แข่งมีจำนวนน้อยมาก เมื่อเทียบกับซัพพรายเชนอุปกรณ์ยานยนต์ไฟฟ้าที่มีหลายเจ้า และไม่ได้เป็นเจ้าของเทคโนโลยีขั้นต้น (Tier1)

ปัจจุบันหุ้นแถวหน้าที่เข้าสู่การเป็นผู้ผลิตแบตเตอรี่อย่างชัดเจนในไทยมีเพียง 3 ราย เริ่มจาก บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) หรือ EA  ผลิตแบตเตอรี่ลิเทียมไอออนและระบบกักเก็บพลังงานแบบครบวงจร  ภายใต้กำลังการผลิตขนาดใหญ่ที่สุดในภูมิภาคอาเซียน ผ่านบริษัทย่อย คือ บริษัท อมิตา เทคโนโลยี (ประเทศไทย) จำกัดกำลังการผลิตเฟสแรก 1 กิกะวัตต์ชั่วโมงต่อปี (GWh)พร้อมตั้งเป้าหมายระยะยาวจะมีกำลังการผลิตสูงถึง 50 กิกะวัตต์ชั่วโมงต่อปี เน้นป้อนเข้าสู่กลุ่มรถเชิงพาณิชย์ที่จดทะเบียนอยู่ราว 1.3 ล้านคัน ซึ่งธุรกิจที่เข้ามารองรับต่อจาก EA ผลิตแบตเตอรี่แล้ว บริษัท เน็กซ์ พอยท์ จำกัด (มหาชน) หรือ NEX

ยักษ์ใหญ่ต่อมา คือ บริษัท โกลบอล เพาเวอร์  ซินเนอร์ยี่  จำกัด (มหาชน) หรือ GPSC (บริษัทลูกในกลุ่มปตท.) สตาร์ทโรงงานผลิตหน่วยกักเก็บพลังงาน ด้วยเทคโนโลยี Semi-solid  ด้วยการร่วมลงทุนตั้งแต่กุมภาพันธ์ 2563 งบลงทุนโครงการดังกล่าวมีประมาณ 1,100 ล้านบาท

ปัจจุบัน GPSC มีโรงงานผลิตแบตเตอรี่ในไทย 30 เมกะวัตต์ชั่วโมง (MWh) ซึ่งเริ่มเดินเครื่องผลิตจากการร่วมลงทุนพันธมิตรที่ประเทศจีนกำลังการผลิตแบตเตอรี่ 1GWh ซึ่งGPSC ถือหุ้น 11.1% คาดเริ่มเดินเครื่องผลิตในปี 2566

สอดคล้องกับบริษัทแม่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT พลังงานเบอร์ 1 ของไทย เร่งเสริมธุรกิจดังกล่าวลงนามในสัญญาร่วมทุนกับ Foxconn ด้วยการจัดตั้ง บริษัทร่วมทุน 3,220 ล้านบาทเพื่อดำเนินธุรกิจผลิตยานยนต์พลังงานไฟฟ้าในไทย ทั้งแบตเตอรี่และ Platform Drivetrain หรือ Motor ในช่วง 5-6  ปีมีเป้าหมายการผลิตในระยะแรก 50,000 คัน/ปี และขยายเป็น 150,000 คัน/ปี ในอนาคต

อีกรายที่ว่าทุ่มเงินครั้งใหญ่ บริษัท บีซีพีจี จำกัด (มหาชน) หรือ BCPG (บริษัทในกลุ่มบางจาก) ลงนามสัญญาซื้อขายหุ้นกู้แปลงสภาพบริษัท วีอาร์บี เอนเนอร์ยี่ (VRB Energy) ประเทศจีน วงเงิน 24 ล้านดอลลาร์ หรือ 772 ล้านบาท ซึ่งเป็นบริษัทชั้นนำในการผลิตนวัตกรรมด้านแบตเตอรี่วานาเดียมระดับโลก

โดยเงินลงทุนจะใช้ในโครงการก่อสร้างโรงงานผลิตและประกอบแบตเตอรี่กำลังการผลิต 1,000 เมกะวัตต์ต่อปี ขณะนี้ VRB อยู่ระหว่างดำเนินการผลิตแบตเตอรี่เฟสแรกขนาด 40 เมกะวัตต์/200 เมกะวัตต์ชั่วโมง (MWh) และสร้างโรงงานผลิตและประกอบแบตเตอรี่ขนาด 50 เมกะวัตต์ต่อปี

BCPG มีแผนในไทยนำแบตเตอรี่มาใช้บริหารจัดการการจำกัดการรับซื้อไฟ (Curtailment) ของโรงไฟฟ้า รวมทั้งได้ร่วมกันศึกษาความเป็นไปได้ในการลงทุนสร้างโรงงานแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ในประเทศไทย

นอกจากนี้ ยังมีบริษัทชั้นนำไม่ต่ำกว่า 30 บริษัท ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ เพื่อสนับสนุนการใช้รถยนต์ไฟฟ้าที่รัฐมีเป้าหมายให้ถึง 15 ล้านคันในปี 2578 ทั้งธุรกิจโดยตรงและเกี่ยวเนื่อง ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ รวมถึงรัฐวิสาหกิจผู้ผลิตและให้บริการไฟฟ้าของรัฐทั้งสามแห่ง ก็ลงมาร่วมใน “อรุณรุ่งแห่งอนาคตในครั้งนี้” จึงเชื่อได้แน่ว่าภายใน 1-2 ปีจากนี้ จะได้เห็นสถานีชาร์จแบตเตอร์รี่ ตามปั๊มน้ำมันเดิมไปจนถึงพื้นที่หน้าร้านสะดวกซื้อ ที่หลายแห่งเคลียร์ที่ว่างกันแล้ว

ค่ายรถเปิดศึกชิงตลาด

จากนโยบายใหม่ที่ออกมานี้ เมื่อสำรวจค่ายรถต่าง ๆ โดยเฉพาะค่ายรถญี่ปุ่น ซึ่งเป็นเจ้าตลาดรถยนต์ในไทยปรากฏว่ารถยนต์ไฟฟ้าค่ายญี่ปุ่น-เกาหลีเหลือ 0% เนื่องจากปัจจุบัน ค่ายรถญี่ปุ่น เสียภาษีนำเข้าอัตรา 20% จะเหลือ 0% ค่ายรถเกาหลี ปัจจุบันเสียภาษีนำเข้าในอัตรา 40% ก็จะได้รับการลดภาษี เหลือ 0% ขณะที่ค่ายรถยุโรป ปัจจุบันเสียภาษีนำเข้าในอัตรา 80% ก็จะได้รับการลดภาษีเหลือ 60%

ขณะที่ค่ายน้องใหม่ อย่างเกรท วอลล์ มอเตอร์ จากจีน ที่ได้ลองชิมลางนำเข้ารถมาตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมา ก็ได้รับความนิยมไม่น้อย เนื่องจากรูปลักษณ์ที่ถูกตาต้องใจผู้ใช้รถหนุ่มสาวอยู่ไม่ใช่น้อย ก็ประเมินว่าตลาดรถยนต์ปี 2565 จะมีปริมาณ 820,000-850,000 คัน โตประมาณ 8-12% โดยเป็นตลาดรถไฟฟ้าทั้งหมด คาดว่าจะมีส่วนแบ่ง 4-5%

และต้องไม่ลืมรถจากเกาหลีที่ผลุบ ๆ โผล่ ๆ ในบ้านเราพักใหญ่ ๆ ก็คงจะโดดร่วมตลาดรถยนต์พลังไฟฟ้าจากแบตเตอรี่อย่างแน่นอน งานมอเตอร์โชว์ปีนี้ คงได้เห็นรถรุ่นใหม่ ๆ พร้อมราคากันสนุกแน่

2 ปีนับจากนี้ คงเต็มไปด้วยการสร้างดีมานด์ในหมู่ผู้ใช้ วัดความนิยมในประเทศไทย เพื่อจะดูว่าจะปรับเปลี่ยนไลน์การประกอบว่าทำได้มากน้อยเพียงไร ดีทรอยต์แห่งเอเชียจะยังเป็นสมญานามได้อีกหรือไม่ น่าติดตาม …..

บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ

Audi เปิดตัวยนตรกรรมปลั๊กอินไฮบริด รุ่นล่าสุด Audi Q7 และ Audi Q8 ราคาเริ่มต้น 4.79 ลบ.

เบนซ์พร้อมลุยสนับสนุนตลาดยานยนต์ไฟฟ้าไทย เตรียมเข็นโมเดลใหม่รั้งแนวหน้ารถระดับพรีเมียม

วอลโว่ แง้มกลยุทธ์ปี 65 มุ่งตลาด EV 100% ตั้งเป้าเปิดตัวโมเดลใหม่ต่อเนื่องทุกปี

STAY CONNECTED

0แฟนคลับชอบ
440ผู้ติดตามติดตาม
spot_img

Lastest News

MUST READ