TH | EN
TH | EN
หน้าแรกBusinessLUNA กับสัปดาห์แห่งฝันร้ายของคริปโต บทพิสูจน์วัดใจนักลงทุน

LUNA กับสัปดาห์แห่งฝันร้ายของคริปโต บทพิสูจน์วัดใจนักลงทุน

ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมาอาจถือเป็นห้วงแห่งฝันร้ายเขย่าขวัญสั่นประสาทสำหรับนักลงทุนที่ลงทุนในตลาดคริปโตเคอร์เรนซี เพราะหลังจากที่เหรียญยอดนิยมอย่างบิทคอยน์เพิ่งจะส่งสัญญาณฟื้นตัวกลับคืนมาได้เพียงหนึ่งวัน เหรียญ stablecoin อย่าง LUNA ก็ดิ่งแรงถึง 99% จนแพลตฟอร์มซื้อขายคริปโตเคอร์เรนซีชั้นนำหลายแห่ง รวมถึง Binance ต้องประกาศระงับการซื้อขาย ปลด LUNA ออกจากกระดาน

บรรดานักวิเคราะห์ชั้นนำหลายสำนักต่างพยายามสรรหาคำอธิบายมารองรับความเคลื่อนไหวของตลาดสกุลเงินดิจิทัลในห้วงเวลานี้ โดยมีจุดเชื่อมโยงหนึ่งที่เหมือนกัน คือ สาเหตุที่บิทคอยน์ และเหรียญคริปโตเคอร์เรนซีอื่น ๆ ค่อนข้างผันผวน และปรับตัวร่วงลงอย่างหนัก ไม่ต่างอะไรกับดัชนีหุ้น โดยเฉพาะหุ้นในกลุ่มเทคโนโลยี ส่วนหนึ่งเป็นเพราะนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด)

เพราะการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดเพื่อสกัดเงินเฟ้อ บวกกับการปรับนโยบายการเงินให้เข้มงวดมากขึ้น ทำให้ต้นทุนการกู้ยืมเพื่อลงทุนสูงขึ้น หมดยุคทำกำไรจากดอกเบี้ยถูกอีกต่อไป นักลงทุนจึงจำเป็นต้องใช้ความระมัดระวังมากขึ้น ดังนั้น สภาพคล่องที่เคยหมุนเวียนในตลาดจึงลดลง และสินทรัพย์เสี่ยงทั้งหลาย รวมถึงคริปโตเคอร์เรนซี ท่ามกลางเศรษฐกิจที่ไม่แน่นอนในขณะนี้ จึงไม่ใช่ทางเลือกในการลงทุนที่ดี แต่ก็สามารถลงทุนเพียงแค่ต้องใช้ความระมัดระวังให้มากขึ้น

ทั้งนี้ มูลค่าของบิทคอยน์ สกุลเงินดิจิทัลยอดนิยมที่ปรับตัวร่วงลงจนหลุดกรอบ 30,000 ดอลลาร์สหรัฐ ก่อนที่จะดีดตัวกลับมายืนเหนือ 30,000 ดอลลาร์สหรัฐน เพียงไม่นาน 

ขณะที่บิทคอยน์เริ่มนิ่ง ตลาดคริปโตเคอร์เรนซีก็มีเหตุให้ต้องปั่นป่วนครั้งใหญ่ ถึงขนาดที่มีรายงานข่าวนักลงทุนฆ่าตัวตายเพราะรับไม่ได้กับสภาวะขาดทุนแบบสิ้นเนื้อประดาตัวที่เกิดขึ้น เนื่องจากเหรียญ stablecoin อย่าง LUNA  ในเครือ Terra Chain ร่วงหนักกว่า 99% คือ จาก 118 ดอลลาร์สหรัฐ ลงมาอยู่ที่ 0.09 ดอลลาร์สหรัฐภายในเวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมง 

LUNA เป็น stablecoin ซึ่งแตกต่างจากเหรียญอื่นตรงที่มีการตรึงมูลค่าไว้กับสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ (UST) ในอัตรา 1 : 1 เพื่อป้องกันความผันผวน ทำให้สถานะของ LUNA มีเสถียรภาพและน่าเชื่อถือในระดับหนึ่ง จนกระทั่งเคยติดอันดับ 1 ใน 10 เหรียญที่มีมูลค่าการซื้อขายมากที่สุดของโลก 

การตรึงราคาดังกล่าวจะใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์ในการช่วยตรึงราคาไว้ ด้วยกลไก “Mint and Burn” ที่ออกแบบมาเพื่อตรึงราคา (Peg) และใช้ควบคู่กับ LUNA โดยเมื่อความต้องการ UST เพิ่มขึ้น 1 เหรียญ ก็มีการเผา (เบิร์น) LUNA ทิ้งไป 1 เหรียญ ดังนั้น เมื่อปริมาณ UST เพิ่มมากขึ้น การประเมินราคาของเหรียญ LUNA จึงปรับตัวเพิ่มขึ้น แต่ถ้าปริมาณ UST ลดลง การประเมินราคาของ LUNA ก็จะลดลงเช่นกัน  

ผู้เชี่ยวชาญส่วนใหญ่เรียกความวุ่นวายที่เกิดขึ้นว่า “CryptoCrash” ซึ่งเป็นการล่มสลายของ UST Stablecoin เนื่องจากมีผู้อาศัยจุดอ่อนของระบบ ทำการซ็อต คือเทขาย UST มูลค่ากว่า 285 ล้านดอลลาร์สหรัฐ บน แพลตฟอร์ม Curve (แพลตฟอร์มแลกเปลี่ยน stablecoin ที่ใหญ่ที่สุดในขณะนี้) และ Binance ส่งผลให้ UST หลุดการตรึง (Peg) ราคาในอัตราส่วน 1 : 1 

แน่นอนว่า ที่ผ่านมา UST เผชิญกับการหลุดการตรึงราคาอยู่หลายครั้ง แต่ก็สามารถแก้ไขสถานการณ์กลับคืนมาได้ หนึ่งในทางแก้ก็คือ LUNA Foundation Guard (LFG) ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ซื้อบิทคอยน์ไว้เป็นเงินสำรองเพื่อช่วยพยุงราคา UST ให้กลับมาตามเดิม หมายความว่า ซื้อ UST ถ้าราคาน้อยกว่าราคาที่ตรึง หรือ ซื้อ BTC ถ้าราคามากกว่าหรือเท่ากับราคาที่ตึง 

ทั้งนี้ เมื่อเกิดภาวะเทขาย UST ในปริมาณมหาศาล กลไกที่ออกแบบไว้จึงพยายามลดซัพพลายของ UST ลง ทำให้ปริมาณ LUNA ในระบบเพิ่มขึ้น ราคาของ LUNA จึงดิ่งแรงหลุด 1 ดอลลาร์สหรัฐ 

ขณะที่ นักวิเคราะห์อีกส่วนหนึ่งมองว่า วิกฤตที่เกิดขึ้นกับ LUNA นั้นเป็นเพราะช่องโหว่ของระบบที่มีการจำกัดปริมาณการ Mint and Burn ของ UST ต่อวัน ไม่เกิน 135 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ช่วยให้การทำกำไรส่วนต่างจากราคาสินทรัพย์ระหว่างตลาดต้องรอให้เกิดการหลุดการตรึงราคาในระดับลึก ๆ ก่อน แต่ในทางกลับกัน ระบบดังกล่าวก็ไม่สามารถรีบขยายเพดานได้ทันที เพราะจะทำให้เกิดช่องโหว่ให้มีการโจมตีค่าเงิน เหมือนที่เคยเกิดขึ้นในช่วงวิกฤตต้มยำกุ้ง

แน่นอนว่าทาง Terra ก็ตระหนักถึงปัญหาดังกล่าว และมีการดำเนินการวางแผนจัดทำแนวทางแก้ไขเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดขึ้น ด้วยการขยายการใช้งาน UST ให้ครอบคลุมเครือข่ายอื่น ๆ ให้มากที่สุด เพื่อให้มีการใช้งานได้ทันกับการเติบโตที่รวดเร็ว โดยเฉพาะหลังจากที่หนึ่งในแพลตฟอร์มออมเงินออนไลน์อย่าง Anchor Protocol ให้ผลตอบแทนเกือบ 20% ทำให้คนแปลงเงินเป็น UST ไปออมไว้ในช่วงที่ตลาดกำลังซบเซา

แม้ว่าในที่สุด LUNA จะสามารถแก้ไขสถานการณ์กลับคืนมาได้ ทำให้ราคาพลิกฟื้นกลับขึ้นมาถึง 200% ในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา แต่วิกฤตที่เกิดขึ้นก็ได้บั่นทอนทำลายความเชื่อมั่นที่มีต่อตลาดคริปโตเคอร์เรนซีเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

CoinGecko รายงานว่า ในช่วง 7 วันที่่ผ่านมา ตลาดคริปโตสูญมูลค่าไปมากกว่า 400,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และทุกภาคส่วนอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับแวดวงคริปโตขาดทุนเป็นตัวเลข 2 หลัก ขณะที่ บรรดาคริปโตเคอร์เรนซีที่เกี่ยวข้องกับ Web 3 ซึ่งเป็นเจนเนอร์เรนชั่นถัดไปของอินเทอร์เน็ต เผชิญหน้ากับภาวะขาดทุนมากที่ที่ที่ 41%

นักวิเคราะห์รายหนึ่งสรุปว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ไม่เพียงทำให้นักลงทุนตกอยู่ภายใต้ความกลัวแบบขีดสุดเท่านั้น แต่ยังทำให้บรรดานักลงทุนทั้งหลายตระหนักถึง “ความเสี่ยง” ที่ต้องแบกรับจากการลงทุนในคริปโต หลังจากที่หลายฝ่ายมองข้ามไปนาน เพราะหลงติดอยู่กับภาพของผลตอบแทนสูงมานาน 

ขณะที่นักวิเคราะห์บางส่วนมองว่า สิ่งที่เกิดขึ้นกับตลาดคริปโตเคอร์เรนซีเมื่อไม่กี่วันก่อนเป็นวัฎจักรของคริปโต โดยหากย้อนไปเมื่อปี 2014 ก็เคยเกิดวิกฤตเช่นเดียวกันนี้ที่ทำให้ราคาร่วงหนักและเกิดความตื่นตระหนกอย่างรุนแรง จนหลายคนมองว่าคริปโตตายแน่ แต่สุดท้ายคริปโตก็กลับมาก ดังนั้น ครั้งนี้ก็เช่นเดียวกันที่ตลาดคริปโตจะกลับมา ส่วนนักลงทุนจะกลับมาหรือไม่นั้น ก็ต้องวัดใจกันต่อไป 

ขณะที่เขียนรายงานนี้ ราคาของบิทคอยน์ฟื้นกลับมา 2.66% เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 30,741 ดอลลาร์สหรัฐ ท่ามกลางอุตสาหกรรมคริปโตเคอร์เรนซีที่ค่อยๆ ฟื้นตัวจากการล่มสลายของอัลกอริธึมstablecoin ในเครือ Terra Chain อย่าง LUNA 

ทั้งนี้ ไม่ว่าตลาดคริปโตเคอร์เรนซีจะฟื้นกลับมา หรือเข้าสู่ภาวะจำศีล (crypto winter) อยู่สักระยะหนึ่งก่อนกลับมา  แต่ที่แน่ ๆ ก็คือว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้รัฐบาลในหลายประเทศทั่วโลก “ตื่นตัว” กับสถานะของ stablecoin พร้อมเรียกร้องให้มีการออกกฎระเบียบมากำกับดูแลให้รัดกุมมากขึ้น 

โดย เจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯได้กล่าวต่อคณะกรรมการวุฒิสภาในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาระบุว่า ผลิตภัณฑ์ที่มีการเติบโตอย่างรวดเร็วและมีผลกระทบต่อเสถียรภาพทางการเงินอย่างคริปโตเคอร์เรนซีและ stablecoin จำเป็นต้องมีกรอบกำกับอย่างเหมาะสม

อ้างอิง: BBC, MarketWatch, Slate, CoinTelegraph

บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ

จับสัญญาณการลงทุน Warren Buffett กับปฏิบัติการณ์ช้อปหุ้น HP ของดีราคาถูกช่วงตลาดผันผวน

“ค่าเงินบาทอ่อน” … ดาบสองคม

PDPA ไม่เริ่มต้นก็ไม่มีวันพร้อม แนะไทยเปิดใจ เพื่อเข้าใจกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

ทั่วโลกเตรียมพร้อมรับ “เปิดประเทศ” เที่ยวที่ไหนปลอดภัยและมั่นใจได้มากที่สุด

STAY CONNECTED

0แฟนคลับชอบ
440ผู้ติดตามติดตาม
spot_img

Lastest News

MUST READ