TH | EN
TH | EN
หน้าแรกTechnologyสวทช. ผนึกพันธมิตร ยกระดับมาตรฐานพืชสมุนไพร ใช้กลไกตลาดนำการผลิต สร้างรายได้ให้เกษตรกร

สวทช. ผนึกพันธมิตร ยกระดับมาตรฐานพืชสมุนไพร ใช้กลไกตลาดนำการผลิต สร้างรายได้ให้เกษตรกร

สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ความร่วมมือโครงการ “การยกระดับคุณภาพชีวิตพื้นที่ทุ่งกุลาร้องไห้ด้วยวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม: ด้านพืชสมุนไพร” ร่วมกับ 3 จังหวัดในพื้นที่ทุ่งกุลาร้องไห้ ศรีสะเกษ ร้อยเอ็ด มหาสารคาม รวมทั้งสถาบันการศึกษาในพื้นที่ นำวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม ยกระดับการปลูกพืชสมุนไพร นำร่องขิง ไพล ฟ้าทะลายโจร พร้อมเชื่อมโยงบริษัท โอสถสภา จำกัด (มหาชน) และบริษัท กุยลิ้มฮึ้ง จำกัด รับซื้อผลผลิตคุณภาพตอบโจทย์ความต้องการตลาด เปิดช่องทางการตลาดใหม่ สร้างเศรษฐกิจชุมชนและฐานรากให้ยั่งยืนโดยใช้ฐานทรัพยากรในพื้นที่

ศาสตราจารย์ ดร.ชูกิจ ลิมปิจำนงค์ ผู้อำนวยการ สวทช. กล่าวว่า ประเทศไทยมีสมุนไพรกว่า 10,000 ชนิด โดยร้อยละ 15.5 ของชนิดสมุนไพร นำมาใช้ประโยชน์ได้ในหลายอุตสาหกรรม ทั้งอุตสาหกรรมยา อุตสาหกรรมเครื่องสำอาง อุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม โดยก่อนสถานการณ์โควิดมูลค่าตลาดผลิตภัณฑ์สมุนไพรของประเทศไทยขยายตัวถึง 5.2 หมื่นล้านบาท  สวทช. ในฐานะหน่วยงานวิจัยและพัฒนาได้ดำเนินงานด้านสมุนไพรตั้งแต่ต้นน้ำ-ปลายน้ำ ผ่านการทำงานร่วมกับหน่วยงานเครือข่ายพันธมิตร ทั้งการพัฒนาและปรับปรุงพันธุ์ การพัฒนาวิธีการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อและระบบไบโอรีแอคเตอร์ (Bioreactor) สำหรับผลิตต้นพันธุ์สมุนไพรปลอดโรค การใช้สารชีวภัณฑ์เพื่อจัดการโรคและแมลงศัตรูพืช การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีนาโนอิมัลชั่นแปรรูปสมุนไพร การจัดทำฐานข้อมูลสมุนไพรเพื่อการใช้ประโยชน์ ตลอดจนการให้บริการวิเคราะห์ทดสอบด้วยเครื่องมือที่ทันสมัย 

นอกจากนี้ สวทช. ยังให้ความสำคัญต่อการถ่ายทอดองค์ความรู้และเทคโนโลยีสู่ชุมชน โดยใช้กลไกตลาดนำการผลิต ซึ่งเป็นการทำงานที่บูรณาการความร่วมมือแบบจตุภาคีจากภาครัฐ ภาคเอกชน ภาควิชาการและภาคประชาสังคม เพื่อสร้างการเรียนรู้และการเข้าถึงเทคโนโลยีของเกษตรกร

ภายใต้ความร่วมมือในครั้งนี้ สวทช. จะร่วมส่งเสริม สนับสนุนการวิจัยพัฒนา ทดสอบ สาธิต และถ่ายทอดองค์ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม โดยทำงานร่วมกับหน่วยงานระดับจังหวัด มหาวิทยาลัยราชภัฏศรีสะเกษ มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม และมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน เพื่อเพิ่มศักยภาพให้เกษตรกรสามารถผลิตพืชสมุนไพรให้ได้คุณภาพและมาตรฐาน ซึ่งการดำเนินงานครั้งนี้จะนำร่องกับพืชสมุนไพร 3 ชนิด ได้แก่ ขิง ไพล และฟ้าทะลายโจร

โดยเบื้องต้น มีเกษตรกรในพื้นที่จังหวัดศรีสะเกษ มหาสารคามและร้อยเอ็ด ให้ความสนใจนำร่องผลิตพืชสมุนไพรจำนวน 497 ราย ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นเกษตรกรที่อยู่ในเขตพื้นที่ทุ่งกุลาร้องไห้ ประกอบกับรัฐบาลได้กำหนดให้นโยบาย BCG Economy เป็นวาระแห่งชาติ จึงเป็นโอกาสดีที่จะร่วมกันขับเคลื่อนนโยบายดังกล่าวให้เกิดโมเดลเศรษฐกิจฐานชีวภาพที่มีการใช้ประโยชน์จากการหมุนเวียนทรัพยากรไปพร้อม ๆ กัน เพื่อสร้างงานและรายได้ให้กับเกษตรกร โดยไม่ทอดทิ้งปัญหาสิ่งแวดล้อมไว้ข้างหลัง

วัฒนา พุฒิชาติ ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ กล่าวว่า จังหวัดศรีสะเกษให้ความสำคัญกับการแก้ปัญหาความยากจนโดยเฉพาะมิติทางด้านเศรษฐกิจและรายได้ของเกษตรกรในพื้นที่ทุ่งกุลาร้องไห้ โดยกำหนดกรอบแนวทางการดำเนินการขับเคลื่อนการพัฒนาคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนให้ดีขึ้น สร้างเศรษฐกิจฐานรากให้เข้มแข็งบนเส้นทางการพัฒนาที่ยั่งยืนโดยกำหนดวาระสำคัญที่เกี่ยวข้องกับภาคการเกษตร มีกลไกขับเคลื่อนระดับจังหวัด เพื่อยกระดับสินค้าเกษตรให้ได้มาตรฐาน GAP 

“สมุนไพรเป็นอีกหนึ่งพืชที่เกษตรกรสามารถปลูกเป็นพืชหลักหรือเป็นพืชแซม ซึ่งจังหวัดศรีสะเกษมีพื้นที่ปลูกสมุนไพร 317 ไร่ มีเกษตรกรที่ปลูกสมุนไพร 256 คน โดยปลูกสมุนไพรหลากชนิด อาทิ ขิง ไพล ฟ้าทะลายโจร ขมิ้นชัน กระชายขาว ฯลฯ ซึ่งที่ผ่านมาผลผลิตนำไปแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ยาสมุนไพรและยาแผนโบราณที่โรงพยาบาลห้วยทับทัน นอกจากนี้ ยังมีโรงพยาบาลขุนหาญและโรงพยาบาลเบญจลักษ์เฉลิมพระเกียรติฯ ที่มีโรงงานแปรรูปอบแห้ง ทำลูกประคบและผลิตเวชสำอาง

ภายใต้ความร่วมมือในครั้งนี้ จะดำเนินงานในพื้นที่นำร่องที่เชื่อมโยงตลาดรับซื้อสมุนไพรในพื้นที่อำเภอราษีไศล และอำเภอห้วยทับทัน ซึ่งเกษตรกรจะได้รับการถ่ายทอดองค์ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมที่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตให้ได้ผลผลิตที่มีคุณภาพและมาตรฐาน ตรงตามความต้องการของบริษัทผู้รับซื้อ เมื่อเกษตรกรมีความรู้และผลิตได้คุณภาพมีตลาดรองรับ ย่อมสร้างความมั่นใจให้เกษตรกรที่จะมีทั้งรายได้และอาชีพที่มั่นคงได้” 

ดร. วิวรรธน์ กฤษฎาสิมะ Chief Supply Chain and Digitization Officer บริษัท โอสถสภา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า โอสถสภาดำเนินธุรกิจคู่สังคมไทยมากว่า 131 ปี โดยยังคงรักษา สืบทอด และพัฒนาการใช้สมุนไพรอย่างต่อเนื่อง สมุนไพรที่มีคุณภาพสูงเป็นวัตถุดิบที่สำคัญในการผลิตสินค้าทั้ง 3 กลุ่มของโอสถสภา ได้แก่ กลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องดื่ม ซึ่งครอบคลุมถึงเครื่องดื่มบำรุงกำลังและเครื่องดื่มฟังก์ชันนัลดริงก์ กลุ่มผลิตภัณฑ์ของใช้ส่วนบุคคล และกลุ่มผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ

โอสถสภาจึงร่วมส่งเสริมการนำวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม มายกระดับการปลูกพืชสมุนไพร เพื่อสร้างความมั่นคงในการจัดหาสมุนไพรไทยที่มีคุณภาพและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม พร้อมพัฒนาคุณภาพชีวิตของเกษตรกร

“ด้วยวิสัยทัศน์การเป็นพลังเพื่อเสริมสร้างชีวิต โอสถสภาจึงดำเนินธุรกิจควบคู่ไปกับการพัฒนาด้านความยั่งยืน มุ่งยกระดับคุณภาพชีวิตของคนในสังคมและแบ่งปันโอกาสทางเศรษฐกิจ โอสถสภากำหนดให้การสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจให้กับคู่ค้ารายย่อย ซึ่งรวมถึงผู้จัดหาวัตถุดิบสมุนไพร และการใช้ส่วนผสมสมุนไพรที่มาจากการจัดหาอย่างยั่งยืน จากเป้าหมายดังกล่าว โอสถสภาได้ทำงานร่วมกับ สวทช. มหาวิทยาลัย และหน่วยงานด้านเกษตร ตลอดจนเกษตรกรเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและยกระดับการผลิต การแปรรูป การพัฒนาต่อยอดสมุนไพร วัตถุดิบทางการเกษตรและทรัพยากรในพื้นที่ทุ่งกุลาร้องไห้ ด้วยวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม เพื่อให้เป็นแหล่งการผลิตวัตถุดิบสมุนไพรที่มีคุณภาพ มาตรฐานและมูลค่าสูงอย่างครบวงจร ซึ่งจะช่วยยกระดับรายได้ เพิ่มคุณภาพชีวิตของเกษตรกรและช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ชุมชน สังคม ให้เติบโตไปด้วยกันอย่างยั่งยืน” ดร.วิวรรธน์ กล่าว 

ข่าวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ

AIS ผนึก 3 กระทรวงหลัก สธ. ศธ. มท พร้อม พระจอมเกล้าธนบุรี เปิดตัว “หลักสูตรอุ่นใจไซเบอร์”

Google ส่ง Google for Education สนับสนุนการศึกษาไทย จับมือกทม. เพิ่มทักษะดิจิทัลแก่ครูผู้สอน

STAY CONNECTED

0แฟนคลับชอบ
440ผู้ติดตามติดตาม
spot_img

Lastest News

MUST READ