TH | EN
TH | EN
หน้าแรกColumnistย้อนรอย 6 เดือน 'เศรษฐา ทวีสิน' คนไทยได้อะไร

ย้อนรอย 6 เดือน ‘เศรษฐา ทวีสิน’ คนไทยได้อะไร

ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 11 กันยายน 2566 เป็นวันที่ ‘เศรษฐา ทวีสิน’ นำคณะรัฐมนตรีแถลงนโยบายต่อรัฐสภา จึงถือว่าเป็นรัฐบาลและนายกรัฐมนตรีเต็มตัว ในวันนั้น รัฐบาลได้ประกาศนโยบายแจกเงิน Digital Wallet ทุกคน ๆ ละ 1 หมื่นบาท อันเป็นนโยบายหลักของพรรคเพื่อไทยในการหาเสียงเลือกตั้ง เพื่อใช้เป็นเครื่องมือกระตุ้นเศรษฐกิจแบบเร่งด่วน

จนถึงวันนี้ครบ 6 เดือน Digital Wallet ยังไปไม่ถึงไหน และส่อเค้าว่าจะแท้งระหว่างทาง

อีกหนึ่งนโยบายของพรรคเพื่อไทย ที่ชูธงตอนหาเสียงและเป็นโปรเจกต์ฝึกงานของ ‘อุ๊งอิ๊ง’ แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรค นั่นคือ ‘ซอฟต์เพาเวอร์’ จนถึงวันนี้ก็ยังไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน มิหนำซ้ำก่อนหน้านี้อนุกรรมการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมด้านแฟชั่นลาออกยกทีมทั้ง 24 คนทำให้เสียขบวนไม่น้อย

แทบไม่ต้องพูดถึงโครงการแลนด์บริดจ์ชุมพร-ระนอง ซึ่งเพื่อไทยไม่ได้บรรจุเป็นนโยบายตอนหาเสียงเลือกตั้ง แต่นายกฯ เศรษฐา ลงทุนเอาตัวเองเป็นทั้งพรีเซ็นเตอร์และเซลแมนระดับชาติเร่ขายโครงการนี้อย่างเอาจริงเอาจัง ตอนนี้ก็เริ่มแผ่วจนคนลืมไปแล้ว

นโยบายบายที่เป็นเรือธงของเพื่อไทยและรัฐบาลเศรษฐากลายเป็นเรือเกลือ ที่ไม่รู้ว่าไปถึงฝั่งฝันหรือไม่

ขณะที่นโยบายเฉพาะหน้าลักษณะ “quick wins” เช่น การลดค่าไฟ ราคาน้ำมัน เพื่อช่วยลดค่าครองชีพอาจจะช่วยลดภาระในระยะสั้น แต่ไปทำให้โครงสร้างพลังงานบิดเบี้ยวจะสร้างปัญหาตามมาในอนาคตอีกมากมาย ที่สำคัญงานนี้ พรรครวมไทยสร้างชาติชิงปักธงว่าเป็นผลงานของพรรคไม่ใช่ผลงานรัฐบาล

นโยบายฟรีวีซ่า หวังปลดล็อกหวังให้นักท่องเที่ยวโดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจีนเดินทางมาเที่ยวประเทศไทยได้ง่ายและสะดวกขึ้น แต่กลับกลายเป็นดาบสองคม คนไทยแห่ไปเที่ยวจีนเพิ่มขึ้นถึง 3 เท่าเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว และเพิ่มขึ้นกว่า 160% เมื่อเทียบกับปี 2562 และมากกว่า 10% เมื่อเทียบกับเดือนที่แล้ว

ส่วนเรื่องค่าแรงเอาเข้าจริงก็ไม่สามารถทำตามหาเสียงได้ ‘ค่าแรงขั้นต่ำ’ ในรัฐบาลเศรษฐา ปรับเพิ่ม 2-16 บาท/วัน ไปยังไม่ถึงฝันค่าแรง 600 บาท ค่าแรงขั้นต่ำเป็นอีกนโยบายที่ล้มเหลว ขณะที่ค่าครองชีพขึ้นไปรอล่วงหน้าแล้ว

ภาพการทำงานของนายกฯเศรษฐาที่คนจำแม่นที่สุด คือการเดินทางไปเยือนต่างประเทศ ในบทบาท ‘เซลแมนประเทศ’ มีคนทำสถิติ ว่า ในรอบ 6 เดือนนายกฯเศรษฐาเข้ามาบริหารประเทศ ใช้เวลาอยู่ต่างประเทศ 52 วัน เรียกว่าเกือบ 2 เดือนเลยทีเดียวและเดินทางไปเยือนทั้งหมด 15 ประเทศ มากกว่าผู้นำระดับโลกอย่าง อดีตประธานาธิบดีบารัค โอบามาของสหรัฐและ แอ็งเกลา แมร์เคิล อดีตนายกฯเยอรมัน

การที่คนระดับนายกรัฐมนตรี เดินทางไปต่างประเทศเพื่อทำความสัมพันธ์หรือไปเจรจาการค้าการลงทุนด้านหนึ่งก็เป็นเรื่องดี ที่ไม่ได้แค่ไปร่วมประชุมเสร็จงานแล้วก็กลับแต่ยังหาโอกาสไปพบเจรจานอกรอบกับบรรดาบิ๊กนักธุรกิจ เพื่อชักชวนให้มาลงทุนหรือเสนอขายสินค้าของไทย

แต่มีคำถามว่า การไปพบแต่ละครั้งนั้นนายกฯเศรษฐาได้เตรียมอะไรไปขายบ้างหรือไม่ หรือไปพบแค่พูดคุยเท่านั้น การไปชักชวนนักลงทุนต่างชาติให้เข้ามาลงทุนในประเทศไทย ก็เป็นเรื่องที่ดี รัฐบาลที่ผ่านๆมาก็ล้วนเคยพานักธุรกิจ เดินทางไปโรดโชว์ ชักชวนต่างประเทศมาลงทุนมาโดยตลอด  โดยเฉพาะกับประเทศจีนที่กำลังเป็นดาวรุ่งเศรษฐกิจตอนนั้น

ตั้งแต่อดีตจนถึงทุกวันนี้ ไม่เคยมีตัวเลขยืนยันว่าที่ผู้นำประเทศในแต่ละยุคไปคุยไปชักชวนให้มาลงทุนนั้นได้ผลแค่ไหน สำเร็จกี่ราย อดีตรัฐมนตรีเศรษฐกิจท่านหนึ่งเคยร่วมประชุมไปเจรจากับต่างประเทศไม่น้อย บอกว่า การไปชวนคนให้คนมาลงทุนส่วนใหญ่ก็รับปากตามมารยาท แต่ไม่ค่อยได้ผล พอเปลี่ยนรัฐบาลก็เริ่มใหม่ข้าราชการก็ไม่สานต่อ

ฉะนั้น หากจะไปชวนนักลงทุนเข้ามาลงทุน เราต้องมีความพร้อมทั้งทีมงานที่จะสานต่อ ข้อมูลและโครงการที่นำเสนอรวมถึงความพร้อมด้านอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นระบบสาธารณูปโภค บุคคลากรที่มีทักษะ ปัญหาข้อระเบียบกฏหมายที่มีขั้นตอนยุบยับจนเป็นอุปสรรค

ที่สำคัญปัญหาการทุจริตคอรัปชัน นักลงทุนทุกวันนี้ไม่ได้ดูแค่สิทธิประโยชน์ เรื่องภาษีเหมือนสมัยก่อนเพราะมีประเทศอื่นที่เป็นคู่แข่งมีความพร้อมกว่า สิทธิประโยชน์ดีกว่าให้เลือกมากมาย

จึงมีคำถามตามมาว่า ที่นายกฯเศรษฐาทำหน้าที่เซลแมนให้กับประเทศนั้น คุ้มหรือไม่ ควรจะโฟกัสมากกว่านี้หรือไม่ ขณะที่ในประเทศมีปัญหารอการแก้อย่างเร่งด่วนอยู่หลายเรื่อง เช่น ปัญหาหนี้ครัวเรือนที่กำลังวิกฤติ ปัญหาหมูเถื่อน ที่เงียบไปเฉย ๆ ปัญหาฝุ่น PM2.5 และวิกฤติในตลาดหุ้น

ภาพของนายกฯเศรษฐาที่สะท้อนออกมาว่าเป็นคนขยันและตั้งใจ อาจจะเป็นจุดแข็งเดียวที่คนไทยเห็นตลอด 6 เดือนที่ผ่านมาแต่แค่นี้ไม่พอ ผู้นำจะทำอะไรต้องมีจังหวะจะโคน เข้าใจบทบาทของตัวเอง จัดอันดับความสำคัญอันไหนปัญหาหลัก อันไหนรอง และโฟกัสเรื่องที่ประชาชนได้ประโยชน์จริง ๆ

ต้องไม่ปฏิเสธว่า การที่นายกฯเศรษฐาเดินทางไปต่างประเทศบ่อย ๆ คนที่ได้คือตัวนายกฯเศรษฐาเพราะสปอร์ตไลท์ทุกดวงจับจ้องให้ทั่วโลกรู้จัก แต่ประชาชนและประเทศชาติได้อะไร บ้าง คงต้องรอเวลาพิสูจน์

บทความอื่น ๆ ของผู้เขียน

วิวาทะ “จีดีพี”

เพื่อไทย VS แบงก์ชาติ คู่กัดตลอดกาล

จับตา พรรคเพื่อไทย พลิกเกม นโยบายดิจิทัลวอลเลต

STAY CONNECTED

0แฟนคลับชอบ
440ผู้ติดตามติดตาม
spot_img

Lastest News

MUST READ