TH | EN
TH | EN
หน้าแรกColumnistจับตา พรรคเพื่อไทย พลิกเกม นโยบายดิจิทัลวอลเลต

จับตา พรรคเพื่อไทย พลิกเกม นโยบายดิจิทัลวอลเลต

ไม่มาตามนัดเสียแล้วสำหรับนโยบายแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท หรือ นโยบายดิจิทัลวอลเลต ที่รัฐบาลโดยพรรคเพื่อไทยชูธงเป็นนโยบายหลักในการหาเสียงเลือกตั้ง สถานการณ์ล่าสุดมีความเป็นไปได้สูง ว่าในเดือนพฤษภาคมนี้รัฐบาลจะเลื่อนการแจกเงิน 10,000 บาทออกไปอย่างไม่มีกำหนดหรืออาจจะต้องทบทวนใหม่

เรื่องนี้พรรคเพื่อไทยรู้และเตรียมก้มหน้ารับชะตากรรมว่าต้องฝ่าด่านอีกหลายด่าน สะท้อนจากคำแถลงของ จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง ที่รับผิดชอบโครงการนี้โดยตรงเมื่อวันที่ 17 มกราคม นี้

“จากปัญหาและความเห็นที่เกิดขึ้นต่อนโยบายดิจิทัลวอลเลต เมื่อพิจารณาจากกรอบเวลาแล้ว ไม่น่าทันเดือนพฤษภาคม แต่รัฐบาลยืนยันจะเดินหน้าโครงการนี้ต่อไป โดยยังไม่เปลี่ยนเป็นการใช้งบประมาณปกติ แต่ยังคงพยายามที่จะออกเป็น พ.ร.บ.กู้เงิน 500,000 ล้านบาท เพื่อทำโครงการต่อไป แต่จะรอเอกสาร ป.ป.ช.ก่อนแล้วค่อยเดินหน้าต่อ”

จุดตาย “ดิจิทัล วอลเล็ต”

จุลพันธ์ ยังพูดถึงท่าทีของ ป.ป.ช.และบางหน่วยงานที่คัดค้านการแจกเงิน (ตามนโยบายดิจิทัลวอลเลต) ว่า ไม่เห็นวิกฤติประชาชนเหมือนที่รัฐบาลเห็น และกรีดฝ่ายไม่เห็นด้วยประโยคที่ว่า “ทุนนิยมที่ไร้หัวใจ”

เหตุผลสำคัญที่ทำให้โครงการแจกเงิน 10,000 บาท ต้องเลื่อนออกไป ส่วนหนึ่งมาจากความเห็นทางกฎหมายของคณะกรรมการกฤษฎีกาและเอกสารคำแนะนำอย่างเข้มข้นจาก ป.ป.ช.ทั้งสององค์กรได้ตอบความเห็นเป็นลายลักษณ์อักษรให้กับรัฐบาล ระบุว่าสามารถทำได้แต่ต้องเป็นไปตามกฎหมายวินัยการเงินการคลัง

ต่อมาเมื่อคณะกรรมการดิจิทัลวอลเลต ที่มี เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ได้มอบหมายให้ ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี นัดประชุมบอร์ดดิจิทัลวอลเลตชุดใหญ่ แต่ต้องเลื่อนออกไปอย่างไม่มีกำหนดเมื่อมีความเห็นค้านมาจากคณะกรรมการ ป.ป.ช.เข้ามาอย่างกระทันหัน

นี่คือปัจจัยสำคัญทำให้โครงการนโยบายดิจิทัลวอลเลตต้องล่าช้าออกไป หลังมีข่าว ป.ป.ช.เตรียมส่งหนังสือเฝ้าระวังและเสนอแนะโครงการถึงรัฐบาลจากเดิมจะเริ่มแจกเงินในเดือน พ.ค.67 เนื้อหาสาระที่ ป.ป.ช. มีข้อเสนอแนะ เพื่อป้องกันการทุจริตโครงการแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาทโดยตั้งข้อสังเกตุว่า มีความเสี่ยง 4 ด้านดังนี้

ด้านการทุจริตเชิงนโยบาย ทั้งแหล่งที่มาของเงินในโครงการ เงื่อนไขการแจกเงินที่เสี่ยงเอื้อการทุจริต ข้อท้วงติงของป.ป.ช.เรื่องนี้จะว่าไปแล้ว อาจจะไม่แฟร์กับรัฐบาล เพราะไปจินตนาการล่วงหน้าว่าอาจจะซ้ำรอยโครงการรับจำนำข้าวในอดีตซึ่งเป็นคนละบริบท

ส่วนข้อแนะนำด้านเศรษฐกิจ ระบุว่า เนื่องจากตัวเลขเศรษฐกิจชี้ว่าสถานการณ์เศรษฐกิจของไทยยังไม่วิกฤติ เรื่องนี้ก็เช่นกันเศรษฐกิจวิกฤติหรือไม่วิกฤติเข้าตำรา สองคนยลตามช่อง อยู่ที่มองแล้วตีความอย่างไร แต่รัฐบาลพลาดที่ยังตอบคำถามสังคมเรื่องนี้ไม่ชัดเจน

ด้านกฎหมาย ที่การตรา พ.ร.บ.กู้เงิน 500,000 ล้านบาท อาจขัดต่อกฎหมาย ทั้งพ.ร.บ.วินัยการเงินการคลัง พ.ร.บ.เงินคงคลัง และ พ.ร.บ.เงินตราก็คงต้องพิสูจน์ตามข้อกฏหมาย แต่ก็ขึ้นอยู่กับการตีความเช่นกัน

ด้านอื่น ๆ เช่น ความซับซ้อนของเทคโนโลยี อันนี้เห็นด้วยกับข้อท้วงติงของป.ป.ช. ต้องยอมรับว่ายังคงมีคนในชนบทจำนวนไม่น้อยโดยเฉพาะผู้สูงอายุและ คนที่อยู่ในถิ่นทุรกันดารซึ่งควรเป็นกลุ่มได้รับแจกมากที่สุด แต่คนกลุ่มนี้เข้าไม่ถึงและขาดความรู้เรื่องเทคโนโลยี ซึ่งมีข้อเสนอจากหลายฝ่ายว่าควรแจกเป็นเงินสด

อย่างไรก็ตาม ความเห็นของอนุกรรมการ ป.ป.ช. อยู่ในระหว่างการพิจารณาของกรรมการ ป.ป.ช ชุดใหญ่ จากนั้นจะนำเสนอเป็นลายลักษณ์อักษร เข้าสู่ที่ประชุมบอร์ดนโยบายดิจิทัลวอลเลตและประกอบการพิจารณาของคณะรัฐมนตรีต่อไป

จะว่าไปแล้วเรื่องนี้ทั้งสองฝ่ายต่างมีความคิดสุดโต่ง ปปช.เองก็พยายามเอาแง่มุมทางกฏหมายมาสกัด ทั้งที่ไม่ใช่หน่วยงานด้านเศรษฐกิจมีความรู้ความเข้าใจเรื่องเศรษฐกิจมากน้อยแค่ไหน อาจจะไม่เป็นธรรมกับรัฐบาลที่ยกเฉพาะข้อกฏหมาย มาขัดขวางนโยบายดิจิทัลวอลเลตของรัฐบาล มาชี้ชะตาอนาคตเศรษฐกิจของประเทศ

ถ้าตราบใดองค์กรอิศระมีอำนาจตัดสินนโยบายเศรษฐกิจของรัฐบาลเป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วงอย่างยิ่ง เพราะประเทศจะเดินหน้าต่อไปไม่ได้ ทำโครงการอะไรก็ถูกองค์กรอิสระสกัด นโยบายการเมืองพรรคการเมืองควรรับผิดชอบ ถูกผิดให้ประชาชนตัดสิน ถ้าทุจริตก็ดำเนินการตามกฏหมาย

ต้องยอมรับว่าพรรคเพื่อไทย ก็มีจุดอ่อนตรงที่ขาดความชัดเจนมาโดยตลอดอย่างเช่นอ้างว่านโยบายดิจิทัลวอลเลตแจกเงินจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจแต่บอกไม่ได้ว่าจีดีพีจะโตเท่าไหร่ หลาย ๆ อย่างก็ทำไปแก้ไป มุ่งเน้นคะแนนนิยมทางการเมืองจนลืมผลเสียด้านอื่น ๆ

อีกทั้งบางเรื่องทั้งที่รู้ว่าหมิ่นเหม่ก็ไม่ยอมถอยเช่นการกู้เงินมาแจก ทั้งที่หนี้ทุกวันนี้สาธาณะสูงทะลุกว่าร้อยละ 60 ของจีดีพีไปแล้ว หรือกรณีมีข้อเสนอจากแบงก์ชาติให้นโยบายดิจิทัลวอลเลตแจกเฉพาะกลุ่มเปราะบางเพราะจะใช้เงินน้อยไม่เกิน 200,000 ล้านบาท แทนที่จะต้องกู้ 500,000 ล้านบาท แต่รัฐบาลก็ไม่สนใจยืนยันจะแจกทั่วไปตามที่หาเสียง

อันที่จริงกระแสการแจกเงินดิจิทัลก็เริ่มแผ่ว พรรคเพื่อไทยลืมไปแล้วว่าประชานิยมที่เคยทำให้ได้คะแนนนิยมในสมัยไทยรักไทยนั้นสิ้นมนต์ขลังไปแล้ว โดยเฉพาะนักธุรกิจไม่น้อยที่ไม่เห็นด้วยเกรงว่าเป็นการสร้างภาระหนี้ให้ลูกหลานในอนาคตและเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจช่วงสั้น ๆ ได้ไม่คุ้มเสีย ลงทุนไม่คุ้มค่า มีแต่นักธุรกิจกลุ่มค้าปลีกและบริการที่ได้ประโยชน์เต็มที่ออกโรงเชียร์ แต่รัฐบาลฟังแต่เสียงเชียร์ไม่สนใจเสียงท้วงติง

ไม่รู้ว่าการที่ป.ป.ช.เตะสะกัดจะเข้าทางรัฐบาลใช้เป็นบันไดหาทางลงหรือไม่ ในทางการเมือง ป.ป.ช.อาจเป็นแพะ เพราะจะเป็นข้ออ้างกับประชาชนว่านโยบายดิจิทัลวอลเลตนี้ไม่สำเร็จเพราะโดนเตะสกัด

อย่างไรก็ตามรัฐบาลคงไม่ล้มโครงการแน่ ๆ ในทางการเมืองถือว่าเสียหาย เพราะเรื่องนี้มีต้นทุนทางการเมืองสูง ยังไงก็เลิกไม่ได้แต่อาจจะลดความเข้มข้นลง

ข่าวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ

“หุ้นไทย”…. ไร้เสน่ห์

“ส่วนต่างดอกเบี้ย” โจทย์ยากแบงก์ชาติ

แก้ “หนี้นอกระบบ” 2 ทศวรรษที่ล้มเหลว

STAY CONNECTED

0แฟนคลับชอบ
440ผู้ติดตามติดตาม
spot_img

Lastest News

MUST READ