TH | EN
TH | EN
หน้าแรกBusinessSwag EV ตั้งเป้า เบอร์หนึ่งตลาดรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าในไทย

Swag EV ตั้งเป้า เบอร์หนึ่งตลาดรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าในไทย

คาดว่าภายใน 3-5 ปี ส่วนแบ่งการตลาดของรถจักรยานยนต์ไฟฟ้ามีสัดส่วนประมาณ 20-30% ของตลาดรถจักรยานยนต์ทั้งหมดในประเทศไทย Swag EV คาดหวังจะเป็นผู้นำในตลาดรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยด้วยส่วนแบ่งการตลาด 50%

บุณยาพร วัดสว่าง รองกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายพัฒนาธุรกิจ บริษัท ซแว็ก อีวี จำกัด กล่าวกับ The Story Thailand ว่า ตลาดรถจักรยายนต์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกอยู่ที่ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ สำหรับรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า Swag EV เริ่มต้นทำตลาดที่ประเทศไทย เพราะเป็นตลาดที่มีศักยภาพมากที่สุดในภูมิภาค และมีความพร้อมของหน่วยงานที่จะช่วยกันสร้างการรับรู้ในตลาด และความพร้อมของผู้บริโภคคนไทยที่เปิดรับเทคโนโลยี ตลาดจักรยานยนต์ในไทยมีขนาดใหญ่ มีการจดทะเบียนรถจักรยานยนต์ปีละ 1.8 ล้านคน

“เราต้องสร้างความเข้าใจ และความมั่นใจ เพื่อปรับและเปลี่ยนพฤติกรรมของผู้บริโภคให้เปลี่ยนมาใช้รถจักรยานยนต์ไฟฟ้า”

ซแว็ก อีวี เข้ามาประเทศไทยและวางแผนการตลาดจริงจังตั้งแต่ต้นปี 2020 แผนธุรกิจปีนี้ คือการจับมือกับภาครัฐ เอกชน และสถานศึกษา เพื่อใช้รถจักรยานยนต์ไฟฟ้าในการรัน fleet ของบริษัทเพื่อสร้างความมั่นใจให้ผู้บริโภค ก่อนจะขยายตลาดไปสู่ตลาดผู้บริโภคมากขึ้น จะทำให้ยายนต์ไฟฟ้าเป็นไลฟ์สไตล์มากขึ้น

ปัจจัยที่จะทำให้ตลาดเปิดรับรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า ปัจจัยแรก คือ ความมั่นใจ ซึ่ง Swag EV ใช้กลยุทธ์การทำงานร่วมกับพันธมิตรธุรกิจที่หลากลาย ให้เห็นการนำรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าไปใช้จริง ปัจจัยประการต่อมา คือ ความพร้อมด้านโครงสร้างพื้นฐาน และด้านการเงิน และปัจจัยสุดท้ายคือ ความชอบ ซึ่ง Swag EV จะทำให้รถจักรยานยนต์ไฟฟ้า และพลังงานสะอาดเป็นไลฟ์สไตล์ของชีวิตผู้บริโภค

ธุรกิจยานยนต์ ความปลอดภัย คือ หัวใจ เพราะฉะนั้น รถจักรยานยนต์ไฟฟ้า จะแตกต่างจากรถจักรยานยนต์ที่ใช้น้ำมัน ตรงที่จำนวนอะไหล่ไม่มาก และมีอะไหล่สำคัญ ​2 ตัว คือ แบตเตอรี่กับมอเตอร์ ซึ่ง Swag EV ร่วมมือ กับพันธมิตรระดับโลก คือ Bosch ที่พัฒนามอเตอร์สำหรับรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า และ Samsung ในการพัฒนาแบตเตอรี่สำหรับรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าให้ Swag EV

นอกจากนี้ บริษัทยังจับมือกับพันธมิตรในแง่ของการนำรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าไปใช้งานจริง (Heavy User) อาทิ Grab พันธมิตรที่ใช้รถจักรยานยนต์ไฟฟ้า Swag EV ในโครงการ Grab Green Wheels จะนำรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าไปใช้วิ่งงานวันละเกือบ 200 กิโลเมตร

“ฉะนั้น มั่นใจได้ว่ารถจักรยานยนต์ไฟฟ้ามีสมรรถนะไม่ต่างจากรถจักรยานยนต์ที่ใช้น้ำมัน และการบริหาร fleet รถจักรยานยนต์ไฟฟ้าจำนวนำ 50 คัน เราจำเป็นต้องมีศูนย์บริการที่เพียงพอ”

ความพร้อมด้านโครงสร้างพื้นฐาน บุณยาพร กล่าวว่า Swag EV พัฒนาอะแดปเตอร์ให้สามารถชาร์จไฟที่ไหนก็ได้ ทำให้ รถจักรยานยนต์ไฟฟ้าของ Swag EV สามารถชาร์จไฟที่บ้านได้ และสามารถชาร์จที่สถานที่ที่กำหนด ซึ่ง Swag EV อยู่ระหว่างการดำเนินการร่วมกับพันธมิตรในการสร้างจุดชาร์จและสลับแบตเตอรี่รถจักรยานยนต์ไฟฟ้าให้สะดวกยิ่งขึ้น

สำหรับความพร้อมด้านการเงิน แม้ว่า Swag EV จะทำราคาของรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าให้จับต้องได้ แต่ราคาเริ่มต้นยังอยู่ที่ 69,900 บาท ดังนั้น จำเป็นต้องมีพันธมิตรด้านการเงินเข้ามา ซึ่งบริษัทจะร่วมมือกับกรงศรีออโต้ในการเข้ามาให้บริการด้านการเงิน

นอกจากนี้ บริษัทยังมีการขยายศูนย์บริการไปในต่างจังหวัด ปัจจุบันมีดีลเลอร์ที่จังหวัดเพชรบุรี และหาดใหญ่ เป็นทั้งโชว์รูม และศูนย์บริการ

จักรกฤษณ์ เวศย์วรุตม์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท โตโยต้าเมืองเพชร จำกัด ตัวแทนจำหน่ายรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า Swag EV กล่าวกับ The Story Thailand ว่า ตลาดรถจักรยานยนต์ไฟฟ้ามีแนวโน้มเติบโต ลูกค้าให้ความสำคัญกับเรื่องความประหยัดซึ่งรถจักรยานยนต์ไฟฟ้านอกจากจะเป็นพลังงานสะอาดแล้วยังประหยัด คือ กิโลเมตรละ 10 สตางค์

“คิดว่ารถจักรยานยนต์ไฟฟ้าน่าจะได้รับการตอบรับจากตลาดได้ดี เพราะราคาพอจับต้องได้ เป็นราคาหลักหมื่น ลูกค้าเริ่มมาดูและมองหารถจักรยานยนต์ไฟฟ้าบ้าง มีแนวโน้มที่ดี คิดว่าตลาดรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าเติบโตแน่”

Swag EV Type S, X

ตอนนี้ Swag EV เปิดตัวรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า 2 รุ่น คือ รุ่น S เน้นไลฟ์สไตล์ เป็น IConic ของ Swag EV ราคาเปิดตัวอยู่ที่ 62,900 บาท ใช้มอเตอร์ขนาด 750 วัตต์ แบตเตอรี่ 60 โวลล์ 22Ah วิ่งได้ระยะทางสูงสุด 70 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ใช้เวลาชาร์จไฟบ้าน ประมาณ 3 ชั่วโมงครึ่ง

อีกรุ่นคือ รุ่น X มีเบาะที่ยาวกว่า ตัวรถใหญ่กว่ารุ่น S เล็กน้อย ใช้กำลังมอเตอร์อยู่ที่ 2200 วัตต์แบตเตอรี่ 60 โวลล์ 22Ah วิ่งได้ระยะทางสูงสุด 70 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ใช้เวลาชาร์จไฟบ้าน ประมาณ 3 ชั่วโมงครึ่งเช่นกัน ราคาอยู่ที่ 65,900 บาท

โรงงานผลิตตอนนี้อยู่ที่ประเทศจีน เพราะจีน คือ ผู้นำตลาดรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า ในอนาคตไม่เกิน 2 ปี Swag EV จะตั้งโรงงานผลิตในประเทศไทย ซึ่งกำลังพิจารณาพื้นที่ อาจจะเป็นจังหวัดสระบุรีหรือนครราชสีมา เพราะเป็นพื้นที่ผลิตชิ้นส่วนอะไหล่รถจักรยานยนต์

ถ้าตั้งโรงงานผลิตรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า ตั้งเป้ากำลังการผลิตไว้ที่ 4,000 คันต่อปี จะถึงจุดคุ้มทุน

รูปแบบการลงทุนมีแนวโน้มว่าจะอยู่ในรูปแบบของการร่วมลงทุน (Joint Venture) ซึ่งบริษัทเตรียมเม็ดเงินลงทุนไว้สำหรับการสร้างโรงงานผลิตรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า และการวิจัยและพัฒนาแบตเตอรี่ และระบบ IoT ไว้ที่ 200 ล้านบาทเป็นเบื้องต้น

“ข้อดีของรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า นอกจากเรื่องพลังงานสะอาด และประหยัดแล้ว ยังสามารถต่อ IoT ได้ จะเป็นจุดแข็งหลักที่จะดึงดูดทั้งนักลงทุนและลูกค้า”

แผนการตลาดของ Swag EV มีพันธมิตรเป็นลูกค้าองค์กรหลายรายที่ได้ร่วมทดสอบประสิทธิภาพของรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า และศูนย์บริการของ Swag EV ปีนี้จะเน้นการใช้รถจักรยานยนต์ไฟฟ้าแบบใช้งานหนัก อาทิ ไปรษณีย์ไทยและ Grab ที่นำรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าไปวิ่งให้บริการ สำหรับปีหน้าจะเห็นการใช้งานรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า ในมิติของไลฟ์สไตล์ จะเห็นความร่วมมือของ Swag EV กับแบรนด์ต่าง ๆ รวมถึงเซเลบและศิลปินต่าง ๆ มากขึ้น

ปีหน้า Swag EV จะเปิดรุ่น V ซึ่งจะเป็นรุ่นเรือธงของ Swag EV เป็นสเปคสำหรับคนที่รักความเร็ว ต้องการประสิทธิภาพการใช้งานที่มากขึ้น รุ่น V ใช้กำลังมอเตอร์ 3,000 วัตต์ ทำให้สามารถวิ่งได้เร็วสูงสุดถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ราคาเริ่มต้นเกิน 100,000 บาท

จุดเด่นของรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า เทียบกับรถจักรยานยนต์ที่ใช้น้ำมัน คือ ความประหยัด ในระยะทาง 100 กิโลเมตร รถจักรยานยนต์ที่ใช้น้ำมันจ่ายอยู่ที่ 50 บาท รถจักรยานยนต์ไฟฟ้า จ่ายอยู่ที่ 10 บาท การปล่อยมลพิษ รถจักรยานยนต์ไฟฟ้าไม่มีการปล่อยมลพิษ อย่างโครงการ Grab Green Wheels ตั้งเป้าลดคาร์บอนไดออกไซด์ ใน 1 ปี ลง 100 ตัน และ รถจักรยานยนต์ไฟฟ้าสามารถติดระบบ IoT ได้ บริษัทสามารถติดตามได้ตลอด

STAY CONNECTED

0แฟนคลับชอบ
440ผู้ติดตามติดตาม
spot_img

Lastest News

MUST READ