TH | EN
TH | EN
หน้าแรกColumnistBualuang Knowledge Sharingหุ้นไทยออกข้างไต่ระดับ 1,700 จุด ลงทุนอย่างไร

หุ้นไทยออกข้างไต่ระดับ 1,700 จุด ลงทุนอย่างไร

เดือน ม.ค. 2566 ที่ผ่านมา ตลาดหุ้นไทยถือว่าฟื้นตัวได้ดีตามตลาดหุ้นทั่วโลก หลังความกังวลเรื่องภาวะเงินเฟ้อ ตัวเลขทางเศรษฐกิจออกมาในทิศทางที่ดีขึ้น โดยฟันด์โฟลว์ต่างชาติยังไหลเข้าตลาดหุ้นไทยต่อเนื่อง อย่างไรก็ตามโครงสร้างตลาดหุ้นไทยถือว่าเคลื่อนตัวอยู่ในกรอบในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมานี้ ประกอบกับสภาพคล่องที่ปรับตัวลดลงในปีที่ผ่านมาสามารถสะท้อนถึงการชะลอเม็ดเงินลงทุนในหุ้นโดยตรงลงไป

ในขณะที่สภาพคล่องของตลาดหุ้นปรับตัวลดลง แต่กลับสำรวจพบว่าเม็ดเงินลงทุนในหุ้นกู้ที่มีอนุพันธ์แฝงที่อ้างอิงกับราคาหุ้นหรือดัชนีหุ้น สามารถเติบโตได้อย่างมีนัยสำคัญในช่วงเวลาเดียวกัน โดยตลอดปี 2565 ทั้งอุตสาหกรรมมีเม็ดเงินลงทุนในหุ้นกู้ที่มีอนุพันธ์แฝงที่อ้างอิงกับราคาหุ้นหรือดัชนีหุ้น เท่ากับ 96,587 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2564 ถึง 59.90%

เหตุผลหนึ่งเชื่อว่าเนื่องจากตลาดหุ้นในปี 2565 อาจเป็นปีที่ไม่ดีนักสำหรับนักลงทุน แรงกดดันเงินเฟ้อ สงคราม และห่วงโซ่การผลิต ทำให้ตลาดหุ้นในภาพรวมปรับตัวลงพร้อมความผันผวนที่สูงขึ้น ยากต่อการจับจังหวะลงทุน ในขณะที่หุ้นกู้ที่มีอนุพันธ์แฝงเป็นตราสารที่สามารถปรับแต่งให้มีความหลากหลายและเหมาะสมกับสภาวะตลาดต่าง ๆ รวมถึงระดับความเสี่ยงและผลตอบแทนที่คาดหวังของนักลงทุน ทำให้สามารถออกแบบสัญญาให้ตรงโจทย์การลงทุนของนักลงทุนแต่ละท่านได้

สำหรับปี 2565 หลักทรัพย์บัวหลวง ออกและเสนอขายหุ้นกู้ที่มีอนุพันธ์แฝงที่อ้างอิงกับราคาหุ้นรวมจำนวน 7,508 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 139.57% จากยอดทั้งปี 2564 เป็นไปในทิศทางเดียวกับอุตสาหกรรม โดยในปีที่ผ่านมาหลักทรัพย์บัวหลวงเน้นย้ำให้ความรู้นักลงทุนอย่างต่อเนื่อง รวมถึงผู้แนะนำการลงทุนของหลักทรัพย์บัวหลวงที่มีชุดทักษะและประสบการณ์ในการแนะนำและจับจังหวะลงทุนให้นักลงทุนอย่างใกล้ชิด โดยอัตราผลตอบแทนที่คาดหวัง (ยีลด์) เฉลี่ยจากสัญญาหุ้นกู้ที่มีอนุพันธ์แฝงที่หลักทรัพย์บัวหลวงออกและเสนอขายในปี 2565 อยู่ที่ 11.47% ต่อปี ในขณะที่ SET Index ปรับตัวเพิ่มเพียง 0.66% ในปีที่ผ่านมา เป็นเครื่องสะท้อนว่าหุ้นกู้ที่มีอนุพันธ์แฝงสามารถออกแบบและจับจังหวะลงทุนสร้างผลตอบแทนให้นักลงทุนได้ แม้ในตลาดที่ไม่เป็นใจนัก

แม้ว่าตลาดหุ้นไทยจะแข็งแกร่งกว่าตลาดหุ้นโลกในปีที่ผ่านมา แต่ในระยะยาวความท้าทายของนักลงทุนไทยในการสร้างผลตอบแทนจากตลาดหุ้นไทยยังเป็นประเด็นที่น่าขบคิด เนื่องจากหุ้นกลุ่มหลักในตลาดหุ้นบ้านเราเป็นกลุ่มเศรษฐกิจแบบดั้งเดิม อาทิ พลังงาน ธนาคาร และค้าปลีก เป็นต้น ไม่ได้ไปอิงกับกระแสหลักของโลก แม้ความเสี่ยงขาลงค่อนข้างจำกัดเมื่อเทียบกับประเทศพัฒนาแล้ว แต่โอกาสในผลตอบแทนขาขึ้นก็จำกัดเช่นกัน สภาวะตลาดในกรอบแบบนี้หุ้นกู้ที่มีอนุพันธ์แฝงประเภท Fixed Coupon Note (FCN) เป็นหนึ่งในทางเลือกการลงทุนที่น่าสนใจเพราะนักลงทุนสามารถสร้างดอกเบี้ยเงินสดได้ทุกเดือนตลอดอายุสัญญา FCN

โดยปกติสัญญา FCN จะอ้างอิงกับราคาหุ้น 2 หุ้นใน SET50 และมีผลตอบแทนที่คาดหวังอยู่ในช่วง 8-12% ต่อปี อาจมากกว่านี้หรือน้อยกว่านี้ขึ้นอยู่กับความผันผวนของหุ้นอ้างอิงในสัญญา ระยะเวลาลงทุน ราคาใช้สิทธิ ราคา Knock Out และ ราคา Knock In ซึ่งเปรียบเสมือนกรอบล่างที่ราคาหุ้นอ้างอิงสามารถปรับตัวลดลงไปได้ก่อนนักลงทุนจะมีโอกาสขาดทุนในส่วนของเงินต้น โดยปกติราคา Knock In จะอยู่ที่ระดับ 80-90% ของราคาหุ้นอ้างอิง ณ วันทำสัญญา ทั้งนี้นักลงทุนสามารถลดความเสี่ยงทางด้านราคาลงได้โดยลดระดับราคา Knock In ลง แต่ก็ต้องแลกมาด้วยผลตอบแทนที่คาดหวังของ FCN ที่ลดลงด้วยเช่นกัน

นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์ Knock Out หากรอบเดือนจ่ายดอกเบี้ยใด ๆ หุ้นอ้างอิงทั้ง 2 หุ้นในสัญญาสูงกว่าหรือเท่ากับราคา Knock Out สัญญา FCN จะหมดอายุโดยอัตโนมัติ โดยนักลงทุนจะได้รับดอกเบี้ยงวดนั้นและรับเงินต้นคืนเต็มจำนวน ดังนั้น FCN จึงเหมาะกับนักลงทุนที่ต้องการสร้างกระแสเงินสดจากดอกเบี้ยมาหมุนเวียนในทุก ๆ เดือน แม้ว่าตลาดหุ้นจะแกว่งตัวในกรอบแคบก็ตาม แต่ก็ต้องเข้าใจและยอมรับความเสี่ยงของการลงทุนในหุ้นอ้างอิงโดยตรงได้ เพราะมีโอกาสที่นักลงทุนจะได้รับไถ่ถอนเงินต้นคืนเป็นหุ้นอ้างอิงในกรณีที่เกิดการ Knock In ขึ้น ไม่เกิดการ Knock Out และ ราคาปิดหุ้นใดหุ้นหนึ่งในสัญญาหรือทั้ง 2 หุ้นในวันหมดอายุต่ำกว่าราคาใช้สิทธิ ในกรณีนี้จะทำให้เกิดการขาดทุนขึ้น ซึ่งนักลงทุนสามารถถือหุ้นนั้นต่อไป หากหุ้นขึ้นก็ยังมีโอกาสขายเพื่อรับเงินต้นคืนได้

สำหรับจุดเด่น FCN ของหลักทรัพย์บัวหลวง คือ 1. อ้างอิงกับคู่หุ้นที่ถูกคัดสรรมาอย่างดีจากผู้เชี่ยวชาญ และเป็นหุ้นที่อยู่ในสภาวะเหมาะสมในการเข้าทำสัญญา FCN 2. นักลงทุนสามารถเลือกจับคู่หุ้นจากรายชื่อหุ้นอ้างอิงที่บริษัทฯนำเสนอและระดับราคาต่าง ๆ เพื่อปรับแต่งให้เหมาะกับความคาดหวังของตนเองได้ 3. สามารถซื้อ FCN โดยได้ราคาหุ้นอ้างอิงแบบเรียลไทม์ ไม่ต้องรอจนสิ้นวัน ทำให้จับจังหวะลงทุนได้ยืดหยุ่นมากขึ้น 4. ลงทุนขั้นต่ำ 1 ล้านบาท ทำให้จัดพอร์ตลงทุนและกระจายความเสี่ยงได้ดีขึ้น 5. มีทีมงานผู้เชี่ยวชาญและผู้แนะนำการลงทุนให้คำปรึกษาอย่างใกล้ชิดเพื่อส่งมอบบริการและคำแนะนำการลงทุนเพื่อสร้างความมั่งคั่งอย่างยั่งยืน อย่างไรก็ตามผลิตภัณฑ์ FCN เป็นตราสารที่ไม่มีการคุ้มครองเงินต้น ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจเงื่อนไขผลตอบแทน ความเสี่ยง และควรขอคำแนะนำเพิ่มเติมจากผู้แนะนำการลงทุนก่อนตัดสินใจลงทุน สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ผู้แนะนำการลงทุนของท่าน หรือ BLS Customer Service โทร. 0 2618 1111

บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจของผู้เขียน

ลงทุนต่างประเทศได้ง่าย ๆ กับ “GLOBAL TRADE MASTER”

“FIXED COUPON NOTE” ทางเลือกลงทุนยุคเงินเฟ้อสูง-ตลาดผันผวน

5 คำแนะนำลงทุน อย่างไรให้สนุก ลุกนั่งสบาย

STAY CONNECTED

0แฟนคลับชอบ
440ผู้ติดตามติดตาม
spot_img

Lastest News

MUST READ