TH | EN
TH | EN
หน้าแรกColumnistBitkub Onlineย้อนดูประวัติ Ethereum ก่อน Shanghai Hard Fork

ย้อนดูประวัติ Ethereum ก่อน Shanghai Hard Fork

นับตั้งแต่ก่อตั้งขึ้นในปี 2013 สกุลเงินดิจิทัลที่ใหญ่เป็นอันดับสองตามมูลค่าตลาดอย่าง Ethereum ได้ปฏิรูปอุตสาหกรรมบล็อกเชนด้วย Smart contract และเปิดทางไปสู่นวัตกรรมใหม่ ๆ อย่าง dApp, DeFi, NFT และอีกมากมาย

เมื่อปี 2022 ที่ผ่านมา Ethereum มีการพัฒนาครั้งใหญ่อย่าง The Merge ที่เปลี่ยน Ethereum จากเดิมที่ใช้ระบบฉันทามติแบบ Proof-of-Work ไปสู่ Proof-of-Stake แล้วก่อนที่จะมาถึงทุกวันนี้ Ethereum ผ่านเหตุการณ์อะไรมาบ้าง เรามาดูวิวัฒนาการของ Ethereum ตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงต้นปี 2023 กัน

2013: Vitalik Buterin เผยแพร่ Ethereum White Paper

Ethereum เริ่มต้นจาก Vitalik Buterin โปรแกรมเมอร์หนุ่มผู้ซึ่งมองเห็นแพลตฟอร์มแบบกระจายศูนย์ที่จะช่วยให้นักพัฒนาสามารถสร้างแอปพลิเคชั่นแบบกระจายอำนาจ (dApps) โดยในเอกสาร White Paper ที่เขาปล่อยออกมาได้ระบุข้อมูลทางเทคนิคของ Ethereum ซึ่งรวมถึงภาษา Solidity ที่ใช้เขียน Smart Contract และการใช้ระบบฉันทามติแบบ Proof-of-Work

2014: Ethereum ระดมทุนได้มากกว่า 18 ล้านดอลลาร์

Ethereum มีการระดมทุนครั้งแรกด้วย Bitcoin ซึ่งสามารถระดมทุนไปได้เป็นมูลค่ามากกว่า 18 ล้านดอลลาร์สหรัฐในเวลาเพียง 42 วัน นับเป็นการระดมทุนผ่านบล็อกเชนหรือ ICO (Initial Coin Offering) ครั้งแรก และยังเป็นหนึ่งในแคมเปญการระดมทุนที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดอีกด้วย

2015: บล็อกเชน Ethereum เริ่มทำงานจริง

หลังจากพัฒนาเป็นเวลาหนึ่งปี บล็อกเชน Ethereum ก็เริ่มต้นทำงานในที่สุด โดยเวอร์ชันแรกถูกเรียกว่า  Frontier จากนั้น The Ethereum Foundation  ก็ถูกก่อตั้งขึ้นเพื่อดูแลการพัฒนาและส่งเสริมแพลตฟอร์ม ขณะที่แอปพลิเคชั่นกระจายอำนาจรุ่นแรก ๆ ก็เริ่มปรากฏขึ้นในปีนี้

2016: DAO ถูกแฮกและการ Hard Fork ครั้งสำคัญ

ปีนี้เกิดเหตุสำคัญในวงการบล็อกเชน นั่นคือ DAO (Decentralized Autonomous Organization) ซึ่งเป็นแอปพลิเคชันระดมทุนที่สร้างขึ้นโดยใช้ Smart contract บน Ethereum สามารถระดมทุนได้มากกว่า 150 ล้านดอลลาร์ แต่ต่อมา DAO ก็ถูกแฮก สร้างความเสียหายเป็นมูลค่าหลายล้านดอลลาร์ ชุมชน Ethereum เกิดความคิดเห็นแตกแยกเกี่ยวกับวิธีแก้ปัญหา ส่วนหนึ่งเรียกร้องให้มีการ Hard Fork เพื่อย้อนบล็อกเชนกลับไปก่อนเหตุและกู้คืนเงินที่ถูกขโมยไปคืน แต่อีกส่วนหนึ่งแย้งว่าสิ่งนี้จะทำลายแนวคิดของบล็อกเชนที่ว่าด้วยการไม่สามารถย้อนกลับได้ แต่ในที่สุดก็เกิด Hard Fork ขึ้นและ Ethereum ก็แยกสองบล็อกเชนคือ Ethereum และ Ethereum Classic

โดย Ethereum (ETH) คือบล็อกเชนที่ถูกย้อนกลับไปก่อนเหตุการณ์ DAO ถูกแฮก ซึ่งเป็น Ethereum ที่เราคุ้นเคยและได้รับการพัฒนาต่อมาจนถึงทุกวันนี้ ขณะที่ Ethereum Classic (ETC) คือบล็อกเชนที่ดำเนินการต่อจากเหตุการณ์ DAO โดยไม่มีการย้อนกลับและปัจจุบันก็มีมูลค่าตลาดที่ต่ำกว่า ETH อย่างมาก

2017: ราคา Ether พุ่งสูงขึ้น

ราคาของ Ether ซึ่งเป็นสกุลเงินดิจิทัลของ Ethereum พุ่งสูงขึ้นเป็น 1,000 ดอลลาร์ (34,566 บาท) โดยได้แรงหนุนจากความสนใจที่เพิ่มขึ้นในแพลตฟอร์มและตลาดสกุลเงินดิจิทัลที่กว้างขึ้น ชุมชน Ethereum เริ่มคิดหาวิธีขยายขนาด (Scale) เพื่อแก้ไขข้อจำกัดของเครือข่าย โดยมีไอเดียอย่างการนำเทคโนโลยี Sharding มาใช้และการเปลี่ยนไปใช้กลไก Proof-of-Stake

2018: การพัฒนา Ethereum 2.0 เริ่มต้นขึ้น

ชุมชน Ethereum เปลี่ยนโฟกัสไปที่ Ethereum 2.0 ซึ่งเป็นการอัปเกรดครั้งใหญ่ของแพลตฟอร์มที่มุ่งปรับปรุงความสามารถในการปรับขนาด ความปลอดภัย และความยั่งยืน โดยเฟสแรกของ Ethereum 2.0 หรือที่รู้จักในชื่อ Beacon Chain ถูกเปิดตัวในปลายปีนี้ซึ่งเป็นเครือข่ายที่ใช้กลไก Proof-of-Stake

2019: Ethereum เติบโตอย่างต่อเนื่อง

ชุมชน Ethereum ยังเน้นการทำงานไปที่ Ethereum 2.0 โดยมีเป้าหมายในการเปลี่ยนแพลตฟอร์มจากกลไก Proof-of-Work ไปเป็น Proof-of-Stake และในปีนี้ Ethereum ยังสามารถบรรลุสถิติใหม่ในแง่ของปริมาณธุรกรรม จำนวนของ dApps และจำนวนผู้ใช้ เนื่องจากมีกรณีการใช้งานใหม่เกิดขึ้น เช่น การเงินแบบกระจายอำนาจ (DeFi) และ Stablecoins

2020: กระแส DeFi และการเปิดตัวเครือข่ายทดสอบ Ethereum 2.0

การระบาดใหญ่ของ COVID-19 สร้างความท้าทายและโอกาสใหม่ ๆ สำหรับ Ethereum และอุตสาหกรรมบล็อกเชน โดยแอปพลิเคชัน DeFi ที่สร้างบน Ethereum ได้รับความนิยมมากขึ้น ทำให้ปริมาณธุรกรรมและค่าแก๊สของเครือข่ายเพิ่มขึ้น ขณะที่การพัฒนา Ethereum 2.0 ยังคงดำเนินต่อไปด้วยการเปิดตัวเครือข่ายทดสอบหลายเครือข่าย ส่วน Beacon Chain ก็เปิดให้ผู้ใช้สามารถล็อก (Stake) เหรียญ Ether เพื่อทดสอบการทำงาน

2021: Ethereum สร้างสถิติใหม่อย่างต่อเนื่อง

Ethereum ยังคงเป็นหนึ่งในแพลตฟอร์มบล็อกเชนที่มีการใช้งานและพัฒนาแอปพลิเคชั่นมากที่สุด โดยมีกรณีการใช้งานใหม่เกิดขึ้นในหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็น NFT, GameFi, DAO ฯลฯ และยังเป็นปีที่ราคา Ether ทำระดับสูงสุดใหม่เป็นประวัติการณ์ที่ $4,891.70 (162,000 บาท)

2022: Ethereum เปลี่ยนเป็น Proof-of-Stake

ในปีนี้มีเหตุการณ์สำคัญเกิดขึ้นสำหรับ Ethereum นั่นคือ The Merge ซึ่งเป็นการรวมเครือข่าย Ethereum Mainnet เข้ากับ Beacon chain เพื่อเปลี่ยนระบบฉันทามติของ Ethereum ไปสู่ Proof-of-Stake ซึ่งสามารถลดการใช้พลังงานของ Ethereum ลงได้มากถึง 99%

2023: จับตา Shanghai Hard Fork

ณ เวลาที่เขียนบทความนี้ (22 กุมภาพันธ์ 2023) Ethereum มีกำหนดการสำหรับการอัปเดตสำคัญที่มีชื่อว่า Shanghai Hard Fork ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในช่วงปลายเดือนมีนาคม 2023 ซึ่งการอัปเดตนี้จะเปิดให้ผู้ใช้ที่เคยล็อกเหรียญ Ether ไว้ใน Beacon Chain สามารถเริ่มถอนเหรียญได้ในที่สุด ซึ่งอาจมีผลกระทบต่อราคาเหรียญได้หากมีการถอนและเทขายเหรียญ

อ้างอิง Bitkub Blog, Cointelegraph

บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจของผู้เขียน

เทคโนโลยี BLOCKCHAIN จะช่วยให้โลกบรรลุ GREEN ECONOMY ได้อย่างไร

รู้จัก STABLECOIN ทั้ง 4 ประเภท ทำไมนักลงทุนถึงชื่นชอบเหรียญเหล่านี้

5 สายอาชีพบล็อกเชน ที่ตลาดต้องการ

STAY CONNECTED

0แฟนคลับชอบ
440ผู้ติดตามติดตาม
spot_img

Lastest News

MUST READ