จะมีสักกี่คน ที่ตัวเลขอายุผกผันกับศักยภาพ ทั้งด้านองค์ความรู้และความสามารถในการสร้างสรรค์งาน จูน ศรัณย์พร ปัญญาโรจน์ คือหนึ่งในไม่กี่คนนั้น ด้วยวัยเพียง 27 ปี กับความรับผิดชอบในการดูแลผู้ร่วมงานกว่า 60 คน จาก 6 ทีมงาน ในตำแหน่ง Director of Product and Service Innovation ที่ Globish สถาบันสอนภาษาอังกฤษออนไลน์ที่มีผู้เรียนมากที่สุดในประเทศไทย มาติดตามเรื่องราวเส้นทางการเรียนรู้ และการทำงานของเธอกัน ว่าเธอก้าวมาถึงจุดนี้ได้อย่างไร
เนิร์ดภาษาศาสตร์กับ pain point เรื่องอายุ
“เนิร์ดภาษาศาสตร์” คือคำที่จูนใช้นิยามตนเอง ด้วยความหลงใหลในวิทยาศาสตร์ด้านภาษา จากประสบการณ์การได้ทุน ไปเรียนต่างประเทศสมัยมัธยมปลาย จนกลับมาเรียนปริญญาตรี สาขาภาษาอังกฤษ คณะศิลปศาสตร์และวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เริ่มต้นงานในแวดวงการศึกษาขณะที่ศึกษาอยู่ชั้นปีที่ 1 ด้วยวัยเพียง 17 ปี กับการทำงานทั้งฟลูไทม์ และพาร์ทไทม์กับหลาย ๆ องค์กรด้านภาษา และเปิดสถาบันกวดวิชาเฉพาะทางด้านภาษาศาสตร์ เมื่ออายุ 19 ปี ที่เปิดสอนจนกระทั่งเรียนจบ
“คนทำงานในแวดวงการศึกษา จะมี pain point เหมือนกัน คืออายุ เป็นเรื่องสาระสำคัญของวงการนี้ จูนเริ่มทำงานในวงการศึกษาตอนอายุ 17 ถูกห้ามบอกว่าเป็นนิสิต ต้องแต่งตัวให้คนดูไม่ออกว่ายังเรียนไม่จบ เพราะมันคือความน่าเชื่อถือในองค์กรด้านการศึกษา ระบบที่ครอบอยู่คือ ความสามารถเราไม่ใช่คำตอบเดียว เพราะฉะนั้น ผลงานจูนตั้งแต่อายุ 17-20 ปี ไม่เคยได้ใช้ชื่อตัวเองเลย เราเป็นได้แค่ทีม ต่อให้โปรเจกต์นั้นเราทำคนเดียวก็ตาม”
ทันทีที่เรียนจบปริญญาตรี จูนเริ่มงานกับ Globish ในปี 2560 โดยเริ่มจากได้รับการชักชวน จาก ทรอย-ธกานต์อานันโทไทย ผู้บริหาร Globish เพื่อนนักเรียนทุนสมัยมัธยมให้มาเป็นครูสอน ทำให้ศรัณพร พบคุณค่าร่วมที่ตอบโจทย์ pain point ของเธอ
“ณ วันแรกที่ทำงานกับ Globish ทุกอย่างเป็น Legacy ของตัวเอง ไม่มีคำถามว่าอายุเท่านี้ แล้วทำได้ไหม ไม่ได้ถามด้วยซ้ำว่าจบที่ไหน ทำอะไรมา แค่นั่งคุยในเนื้องาน ตอนนั้นจูนออกความเห็นเกี่ยวกับหลักสูตร พอมีความเห็นร่วมกันว่าน่าจะมีความเป็นไปได้ก็ตกลงกันเลย โดยที่ไม่ต้องสนใจว่าเราอายุเท่าไหร่”
“จูนเสนอว่า ถ้าจะสอนคนไทย แล้วไม่ใช่แค่เด็ก แต่เป็นผู้ใหญ่ด้วย มีสิ่งที่เราต้อง consider และใส่เข้าไปในหลักสูตรเพื่อให้มันออกมาได้ผล และไม่เหมือนใคร เพราะถ้าเหมือนใครมันไม่มีที่ไหนได้ผลเลย”
จูนจึงรับหน้าที่ผู้พัฒนาหลักสูตรแกนกลางของ Globish ที่ยังใช้มาจนทุกวันนี้ แทนที่หลักสูตรนำเข้าจากต่างประเทศ และจึงตัดสินใจลงลึกกับวิทยาศาสตร์ด้านภาษา โดยเดินทางไปศึกษาต่อในระดับปริญญาโท สาขา Applied Linguistics for English Language Teaching, Department of Education ที่ University of York ประเทศอังกฤษ ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยระดับต้น ๆ ของโลกในศาสตร์ด้านนี้ โดยที่ยังทำงานทางไกลกับ Globish อยู่จนสำเร็จการศึกษากลับมารับหน้าที่ Education Manager อย่างเต็มตัว
สู่ผลสัมฤทธิ์กับ Success Learning Journey
จูนอธิบายถึงความรู้ด้านภาษาศาสตร์ประยุกต์ ที่เธอหลงใหลและลงลึกในการเรียนปริญญาโท และมีแผนจะเรียนต่อปริญญาเอก ในต่างประเทศต่อไปว่า เป็นศาสตร์ด้านการศึกษาที่เป็นการทำความเข้าใจว่า คนเราเรียนรู้ภาษาได้อย่างไร และจะมีวิธีการสอนภาษาอย่างไร ให้เรียนได้ดี
จูนนำความรู้เหล่านี้มาเป็นคอนเซ็ปต์ในการสร้างผลิตภัณฑ์ด้านภาษาของ Globish ทั้งของผู้ใหญ่และสำหรับเด็ก และเริ่มขยับสู่งานด้าน Coach Management ในการดูแลโค้ชสอนภาษาจากทั่วโลก ในปี 2563
“Globish ไม่ใช้ระบบ match maker ที่จับคู่การเรียนของนักเรียนกับครูต่างชาติที่ไหนก็ได้ แต่มีครูในระบบที่รับสมัครและคัดเลือกเข้ามาด้วยคุณวุฒิ แล้วฝึกอบรมให้สามารถสอนตามหลักสูตรของสถาบันได้อย่างแท้จริง”
“สิ่งที่เป็นความท้าทาย คือการเติบโตครั้งใหญ่ จำนวนคลาสต่อวันเพิ่มขึ้น จากเริ่มแรกที่เข้ามาดูแลทีมโค้ชใหม่ ๆ เรามีประมาณ 300 คลาสต่อวัน ผ่านไป 3 เดือน เรามีคลาสเพิ่มขึ้นเป็น 1,000 คลาสต่อวัน เป็นจังหวะที่ได้เรียนรู้การ operation ที่จำนวนทีมงานเท่าเดิม แต่สามารถคุม Coach ที่จำนวนเพิ่มขึ้น ทำยังไงให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นในการตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่เพิ่มขึ้น”
เมื่อเข้าสู่การทำงาน 5 ปีกับ Globish ในปี 2565 นี้ จูนขยายความรับผิดชอบเพิ่มขึ้นจาก 2 ทีมเดิม คือ ทีม Educaion และทีม Coach Management เพิ่มขึ้นเป็น 6 ทีม ขยับมาดูแลฝั่งงานบริการและงานระบบ ได้แก่ ทีม Customer Service ที่ดูแลประสบการณ์การเรียนของลูกค้า เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ตามเป้าหมายของการเรียนที่ตั้งไว้ ภายในระยะเวลาที่เหมาะสม และดูแล ทีม Engineer ผู้พัฒนาแพลตฟอร์ม เพื่อมอบ Learning Journey ที่มีประสิทธิผลที่สุด กระตุ้นแรงบันดาลใจในการเข้าเรียนผ่านฟีเจอร์ต่าง ๆ
นอกจากนี้จากโจทย์ที่ว่า การเรียนอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอ แต่ผู้เรียนต้องตระหนักว่า เรียนแล้วเอาไปทำอะไรได้ จึงสร้างเป็นส่วนงาน Learning Community ขึ้นมา เพื่อทำให้ผู้เรียนรู้สึกว่ามันเรียนได้ง่ายขึ้น ได้พบเพื่อนที่มีประสบการณ์คล้ายกัน และเกิดการแบ่งปันเรื่องราว ตัวอย่างเช่น ผู้เรียนที่เป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวเหมือนกัน ต้องมาเรียนเพื่ออาชีพการงานที่ดีขึ้น และเกิดแรงจูงใจในการเรียน ว่าเป็นความรู้ที่จับต้องได้ นำไปใช้ได้จริง และยังทำให้เกิดคอนเนคชัน โดยผู้เรียนชวนกันไปทำงาน หรือชวนกันสร้างโปรเจกต์ในสิ่งที่เป็น เป้าหมายชีวิตของพวกเขาด้วย
ทีมที่ 6 ที่อยู่ในการดูแลและศรัณพรมองว่าเป็น key factor สำคัญของธุรกิจการศึกษา ได้แก่ ทีม Student Support ที่ดูแลนักเรียนทั่วโลก 24ชั่วโมง ไม่ว่าจะเรียนที่ไหน กี่โมง เข้าห้องสาย 1 นาทีก็มี “คน” โทรตาม และผลที่ได้รับคือ อัตราการเรียนจนจบคอร์ส (Success rate) ของนักเรียนที่เรียนกับ Globish สูงถึง 50% ซึ่งถือว่าสูงมากในแวดวงธุรกิจการศึกษา ที่ผู้เรียนส่วนใหญ่ซื้อคอร์สแล้วไม่เรียน
“ทุกคนถามว่า ทำไมไม่ automate ใช้อะไรที่เป็นเทคโนโลยี แต่ด้วยความที่ผลิตภัณฑ์ของเราเกี่ยวกับการเรียนรู้ มันไม่ได้ง่ายขนาดแค่ได้ notification แล้วคนจะเข้าเรียน มีบางอย่างที่ต้องเป็นคนให้จริง ๆ สามารถทำให้นักเรียนของเรายังอยู่ใน track ที่เขาควรจะได้ประโยชน์จากผลิตภัณฑ์นี้ แล้วมันเป็นเสน่ห์ ที่ทำให้ผลิตภัณฑ์ของเรามีคนเรียนจบค่อนข้างเยอะ”
Solution ที่ตอบโจทย์เป้าหมายทุกช่วงวัย
จูนอธิบายถึงมุมมองของสังคมไทย ที่มองว่า การพูดภาษาอังกฤษไม่ได้ เป็นปัญหาที่ถูกทำให้เป็นเรื่องปกติและฝังลึก จนคนไทยไม่รู้สึกว่าเป็นปัญหาอีกต่อไป พูดไม่ได้ไม่เห็นเป็นไร การที่จะทำให้คนเข้าถึงการเรียนภาษาอังกฤษได้ ต้องทำให้พวกเขาเห็นว่า ภาษาอังกฤษสามารถเปลี่ยนชีวิตให้ดีขึ้นได้อย่างไร ส่วนคนอีกกลุ่มหนึ่ง ที่รู้ว่าถ้าแก้ปัญหา เรื่องการพูดภาษาอังกฤษได้แล้ว ชีวิตจะดีขึ้น เพียงแค่ต้องหาโซลูชันที่เหมาะสมตอบโจทย์ของตัวเอง
แน่นอนว่าหลักสูตรของ Globish คือโซลูชันที่ตอบโจทย์ ทั้งสำหรับผู้เรียนที่เป็นเด็ก และผู้ใหญ่ โดยจูนชี้ให้เห็นความแตกต่าง ที่เกิดจากการ Localize เนื้อหาการเรียนให้เข้ากับวัฒนธรรมของคนไทย และมีการปรับปรุงหลักสูตรเพื่อให้ตอบโจทย์ได้ดีขึ้นอยู่ตลอดเวลา
ในส่วนของหลักสูตรสำหรับเด็กจะเน้นหลักสูตรการเรียนรู้ที่สอดคล้องกับพัฒนาการตามวัย ทำให้เด็กเรียนแล้วรู้สึกว่าง่ายและสนุก ส่วนหลักสูตรสำหรับผู้ใหญ่ เน้นไปที่เป้าหมายของผู้เรียน เพื่อให้ได้ประโยชน์จากสิ่งที่เรียนจริง ๆ
จูนให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า งานวิจัยสมัยก่อน จะบอกว่าต้องเรียนภาษาที่สองหรือภาษาต่างประเทศตั้งแต่เด็ก ถ้าเรียนหลังจากช่วงวัยรุ่น จะไม่ได้ผลดีเท่าเรียนตั้งแต่เล็ก แต่ในงานวิจัยยุคใหม่พบว่า ข้อมูลข้างต้นเป็นจริงเฉพาะ pronunciation เท่านั้น ถ้าเรียนภาษาที่สองตอนอายุเยอะ จะไม่สามารถ ออกเสียงได้ดีเท่า เพราะกล้ามเนื้อในการออกเสียงภาษาอื่น ๆ ไม่เคยถูกใช้มาก่อน นอกจากนี้งานวิจัยใหม่ ๆ ยังชี้ว่า Adult Learner เรียนได้เร็วกว่าและมีประสิทธิภาพกว่าด้วยซ้ำ ถ้ามาถูกทาง
โตไปด้วยกันกับทีมโตไปพร้อมกับองค์กร
จูนสรุปเส้นทางการเติบโตของตัวเธอเองว่า การศึกษาคือสิ่งที่เป็น passion ของเธอมาตลอด เพราะการศึกษาคือรากฐานของทุกอย่าง และจากประสบการณ์ของตัวเธอเอง ที่ไม่สามารถเข้าถึงโอกาสในการศึกษาตามศักยภาพที่เธอมี เพียงเพราะจนไม่พอ หรือเก่งไม่สุด เพราะฉะนั้น เธอจึงอยากจะเห็นโอกาสทางการศึกษาเข้าถึงคนทุกส่วนในสังคม เพื่อปลดล็อกศักยภาพที่แต่ละคนมี ไม่ใช่เป็นความช่วยเหลือที่หยิบยื่นให้เฉพาะคนบางกลุ่ม
เมื่อถูกถามว่า อะไรคือปัจจัยความสำเร็จในเวลาเพียง 27 ปี กับหน้าที่ความรับผิดชอบในการดูแลทีมงานครึ่งหนึ่งขององค์กร จูนมองว่าทุกอย่างเกิดจากการเรียนรู้ เป็นการสงสัยใคร่รู้และพยายามหาคำตอบ และการที่ทุกคนในองค์กรมีคุณค่าบางอย่างร่วมกัน โดยมีองค์กรที่เชื่อมร้อยผู้คนหลากหลาย มารวมตัวอยู่ด้วยกัน และทำงานในรูปแบบที่ต่างกันไป
“จูนให้คุณค่ากับ knowledge และ intelligent มาก แต่ไม่ได้หมายถึงว่า ต้องเป็นคนที่ฉลาดที่สุด เราแค่ต้องรู้ว่า เรารู้อะไร – ไม่รู้อะไร และยอมรับได้ว่าสิ่งนี้เราไม่รู้จริง ๆ จะได้หาโซลูชันมาแก้ สิ่งหนึ่งที่ทำให้จูนจัดการคนได้เยอะ และสามารถ grow ทีมไปได้ เพราะว่า จูน aware มาก ๆ ว่าตรงไหนจูนทำไม่ได้ แล้วหาคนมาทำ ตรงไหนที่ต้องทำให้น้องเก่งขึ้นมาได้ วิธีที่จะโตได้เร็ว คือโตไปกับทีม เราโตคนเดียวไม่ได้ โตไปพร้อม ๆ กัน”
จูนกล่าวทิ้งท้ายสิ่งที่อยากให้องค์กรเป็นว่า “ทั้งชีวิตของคนหนึ่งคน มีหลายอย่างที่ที่ต้องการพัฒนา ในช่วงจังหวะหนึ่งของชีวิต ถ้าคุณต้องการภาษา Globish เป็นหนึ่งในโซลูชันให้ ทั้งในแง่ทักษะไปจนถึง opportunity การนำไปใช้ประโยชน์ในชีวิตของแต่ละคน ถ้าวันหนึ่ง Globish โตกว่านี้ พร้อมกว่านี้ สามารถอิมแพกตั้งแต่ต้นจนจบ จะน่าตื่นเต้นมาก ๆ”
อศินา พรวศิน – สัมภาษณ์
น้ำผึ้ง หัสถีธรรม – เรียบเรียง
บทสัมภาษณ์อื่น ๆ ที่น่าสนใจ
HUMANSOFT – HR CLOUD SOLUTION PLATFORM ตอบโจทย์บริหารงานบุคคลที่มี “คน” เป็น CORE VALUES
บทบาท TRUE DIGITAL PARK กับการสร้าง TECH ECOSYSTEM ให้ประเทศไทย
GISTDA กับยุทธศาสตร์ภูมิสารสนเทศด้านอวกาศ เพื่อโอกาสทางเศรษฐกิจและความมั่นคง